นี่เป็นเรื่องราวของ ฮั่วหยวนเจี๋ย นักสู้ผู้เป็นตัวแทนศิลปะการต่อสู้ของจีน ชายผู้ต่อสู้ฟาดฟันจากความมืดมิด จนได้รับการจารึกชื่อในประวัติศาสตร์... เท่าที่เขาจำความได้ ฮั่ว อยากจะเรียนศิลปะการต่อสู้มาตลอด พ่อของเขาเป็นนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขาไม่อยากให้ลูกชายของเขาเดินตามรอยเท้าเขา และปฏิเสธที่จะสอนศิลปะการต่อสู้ให้เด็กชาย แต่นี่กลับทำให้ฮั่วยิ่งมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้มากขึ้น ด้วยความช่วยเหลือจาก นง เพื่อนของเขา ฮั่วได้ขโมยตำราวูชูของพ่อ และเริ่มเรียนการต่อสู้ด้วยตัวเอง
ในไม่ช้า ฮั่วก็สามารถกำราบอันธพาลประจำโรงเรียนได้ ด้วยทักษะใหม่ของเขา ด้วยความตื่นเต้นจากชัยชนะเล็กๆ ครั้งนี้ ฮั่วก็ยิ่งฝึกฝนอย่างหนัก และเมื่อเวลาหลายปีผ่านไป การต่อสู้ผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า และชัยชนะผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งเขาเป็นที่รู้จัก ในนามของนักสู้ผู้เก่งกาจและทรงพลัง แต่ยิ่งชื่อเสียงเขาขจรขจายไปไกลแค่ไหน ความภูมิใจของเขาก็ยิ่งเติบโตไปด้วย ฮั่วกลายเป็นหนุ่มเลือดร้อนหยิ่งยโส ผู้ที่กระหายอยากการต่อสู้อยู่ตลอดเวลา
เมื่อศิษย์คนหนึ่งของฮั่ว ได้รับบาดเจ็บจากยอดฝีมือคนหนึ่งนาม ชิน ฮั่วก็เต็มไปด้วยความคั่งแค้นและอาฆาต เขาบีบให้ชินต่อสู้กับเขา และฆ่าเขาอย่างไร้ความปรานี เพียงแต่ตอนที่เขากลับบ้าน ฮั่วถึงได้ค้นพบว่า ชัยชนะของเขาได้คร่าชีวิตคนที่เขารักที่สุดไปสองคน แม่ของเขาและลูกสาวของเขา ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมเพื่อเป็นการล้างแค้น
ด้วยความบ้าคลั่งจากความโศกเศร้าและความอับอาย ฮั่วจึงได้หนีจากเมืองเทียนจิน เขาร่อนเร่เป็นระยะทางพันๆ ไมล์ เขาไม่สนอีกแล้วว่าเขาจะอยู่หรือตาย แต่เมื่อเขาพร้อมจะละทิ้งจากความหวังทั้งปวง เขากลับได้รับการช่วยเหลือจาก คุณย่าซัน และหลานสาวตาบอดของเธอ พระจันทร์ ผู้พาเขากลับมายังหมู่บ้านอันสงบสุขที่พวกเธออาศัยอยู่ ด้วยความเมตตากรุณาของพวกเธอ ฮั่ว ผู้รู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรเหลือในชีวิต เริ่มลืมเลือนความเจ็บปวด และความปรารถนาที่จะสู้อย่างช้าๆ
วันหนึ่ง เด็กคนหนึ่งจากหมู่บ้านไปมีเรื่องกับเผ่าไทยที่อยู่ข้างเคียง ด้วยความต้องการที่จะช่วยเหลือเด็กคนนั้น ฮั่วต้องเข้าแลกหมัดจากนักชกมวยไทยชื่อ เป่ยชา อย่างไม่เต็มใจ การเผชิญหน้ากันครั้งนั้น ได้ปลุกไฟความรักของฮั่วที่มีต่อศิลปะการต่อสู้ ให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง และเขาก็เริ่มต้นทดลองใช้สไตล์การต่อสู้ที่พลิ้วไหว และรุนแรงน้อยลง ซึ่งท้ายที่สุด ก็กลายเป็นหมัดหมีจงที่โด่งดัง ฮั่วตระหนักได้ว่า อนาคตศิลปะการต่อสู้ อยู่ในจิตวิญญาณของความเป็นนักกีฬา ไม่ใช่ความรุนแรง ในที่สุด เขาก็ได้ค้นพบที่ทางของตัวเองในโลกใบนี้ และเขาก็รู้ดีว่า เขาต้องกลับไปเทียนจิน เพื่อที่เขาจะสามารถทำอย่างเดียวกัน ให้ศิลปะการต่อสู้ของจีนได้
เมื่อกลับไปเทียนจิน นักสู้ชาวอเมริกัน โอไบรอัน กำลังโด่งดังจากการคว่ำนักสู้ของจีนลง และปรามาสพวกเขาว่าเป็น "คนป่วยแห่งโลกตะวันออก" ฮั่วท้าประลองกับนักมวยปล้ำร่างยักษ์ผู้นี้ และคว่ำเขาได้อย่างง่ายดาย ด้วยหมัดหมีจงของเขา เหตุการณ์นี้สร้างความตกใจให้กับสมาชิกหอการค้าต่างประเทศ ผู้ที่กังวลว่า ชัยชนะของฮั่ว จะทำให้กระแสการต่อต้านตะวันตกในหมู่คนจีน ขยายตัวไปไกลมากขึ้น พวกเขาวางแผนที่จะทำให้ฮั่วเสียหน้า ด้วยการจับเขาสู้กับนักสู้สี่คน ที่เป็นตัวแทนของชาติมหาอำนาจสี่ชาติ ที่ทรงอิทธิพลในจีน นง เพื่อนสนิทวัยเด็กของฮั่ว รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของแผนการนี้ แต่ฮั่วมองว่ามันเป็นโอกาสอันดี ที่จะได้สาธิตถึงความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา
การต่อสู้อันยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษเริ่มเปิดฉาก! นักมวยอังกฤษ นักดาบสเปน ทหารเบลเยียม สามนักสู้ผู้แข็งแกร่งได้ก้าวขึ้นสู่สังเวียน และฮั่วก็คว่ำพวกเขาลง คนแล้วคนเล่า แต่สภาหอการค้าเก็บไพ่ไม้ตายของพวกเขาไว้เป็นใบสุดท้าย.. ผู้ท้าประลองจากญี่ปุ่น อันโนะ ทานากะ เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ท้าประลองทุกคน ขณะที่ทั้งคู่ยืนประจันหน้ากันในสนามประลอง ผู้ชมนับพันเฝ้าจับตามองพวกเขาอย่างลืมหายใจ
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นของเดือนกันยายน ปี 1910 เป็นสิ่งที่ไม่มีใครลืมเลือนได้เลย