ลิตเติลบี ถือกำเนิดขึ้นมาใช้ชีวิตอย่างแจ่มใส แต่ลิตเติลบีเป็นผึ้งงาน มีชีวิตสั้น แสนลำบาก ซ้ำซาก และต้องคร่ำเคร่งกับงานในโรงงานน้ำผึ้ง ถึงกระนั้นผึ้งน้อยตัวนี้ยังอยากมีชีวิตที่แตกต่าง ชีวิตที่ไม่ต้องทำแต่งาน เธอไปหาแม่ ราชินีผึ้ง เพื่อขอมีชีวิตที่ดีกว่าและมีชื่อเหมือนผึ้งตัวอื่น ๆ ลิตเติลบีได้ขอเลือกใช้ชื่อว่า จูลี่ ราชินีผึ้งซึ่งดูแลความเรียบร้อยมานานจึง เล่าเรื่องของชีวิตมนุษย์ให้ฟัง เธอจะได้สบายใจและเลิกรบเร้า
"ทำไมต้องเป็นชีวิตมนุษย์ด้วย" ลิตเติลบีถาม "เพราะมนุษย์น่ะชอบเล่าเรื่องของเรา ถึงตาเราเล่ามั่งแล้ว ฟังซะ" คืนแล้วคืนเล่า ลิตเติลบีผู้อ่อนล้าไปยังวังอันวิจิตรของ แมมม่าบี เพื่อฟังเรื่องราวของมนุษย์ ไม่มีเจ้าชายเจ้าหญิง มีแต่ความมหัศจรรย์ของชีวิตและวังวนไม่รู้จบ พวกเขาติดตามการผจญภัยของ ไซม่อน กับ ซาราห์ ตั้งแต่เกิดจนแก่
บนปุยเมฆสวรรค์สีชมพูฟ้าดุจสายไหม ไซม่อน กับ ซาราห์ รอลงมาเกิด ไซม่อนใจร้อนอยากลงมายังโลก จึง ฉวยโอกาสตอนเทวดาไม่เห็น ดิ่งตัวลงมาจากก้อนเมฆ ตกลงในป่าที่เต็มไปด้วยสัตว์ที่เป็นมิตรและรักสนุก พวกเขาเล่นด้วยกันก่อนจะพาไซม่อนไปยังแสงสว่างอันเป็นทางไปสู่โลก พวกสัตว์ให้กำลังใจเขาก้าวข้ามเพื่อไปเกิด
ทุกชีวิตแตกต่างกัน ทุกการเกิดก็เป็นเช่นนั้น อย่างซาราห์เป็นต้น เธอคลอดยากเพราะคุณแม่ยังสาวของเธอ ฟรานเชสก้า ทั้งกลัวทั้งไม่มั่นใจกับโลกสีเทาของผู้ใหญ่ ซาราห์ร้องเพลงอยู่ในท้องแม่เพื่อให้แม่ของเธอกล้าที่จะนำเธอออกมาสู่โลก ลิตเติลบีฟังด้วยความพิศวง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอก็เริ่มเบื่อและโตขึ้น
ไซม่อนเติบใหญ่ขึ้น ขณะที่เขากำลังอาบน้ำและเล่นกับฟองน้ำอยู่นั้น จู่ ๆ เขาก็ตัวเล็กจิ๋วจนเข้าไปในฟองน้ำได้ เขาเข้าไปอยู่ในดินแดนที่สิ่งต่าง ๆ มีชีวิต ได้เรียนรู้ว่าทุกสิ่งก็มีจิตใจดังนั้นทุกสิ่งของต้องการความเคารพ การผจญภัยในฟองน้ำทำให้เด็กชายได้เข้าใจความสำคัญของการรักสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เขาตื่นเต้นอยากบอกเพื่อนและพ่อแม่ถึงการค้นพบที่ทำให้ตาสว่างนี้ โดยหวังว่าโลกของเราจะเป็นที่ที่น่าอยู่ได้
ซาราห์เติบโตขึ้นมาพบว่าเธออยู่ในโลกของผู้ใหญ่ โลกสีเทาที่ไร้แสงสว่าง รอยยิ้ม หรือความสนุกในวัยเยาว์ เป็นที่ที่ผู้ใหญ่ไม่อยากใส่ใจเรื่องเหล่านี้ ยามจะคอยคุมทางเดินระหว่าง 2 โลก ซาราห์กล่อมให้พวกเขาปล่อยเธอกลับไปยังโลกของเด็ก ๆ และสัตว์ ที่ที่เธออยากใช้ชีวิตที่เหลือช่วยเด็กคนอื่น ๆ ให้ก้าวข้ามมาสู่อีกโลก แต่กฎแห่งกาลเวลาทำให้ซาราห์ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ธอเผชิญกับโลกของผู้ใหญ่ที่เธอกลัวยิ่งนัก สุภาพบุรุษผู้ยิ้มแย้มช่วยเธอไว้ เขาคือเทวดาประจำตัวเธอ หลายคนเรียกเขาว่าคนโง่ วันหนึ่งเธอพบกับเขาที่ใต้ต้นโอ๊ก เขาคอยเป็นแรงใจให้เธอเติบโตและเชื่อมั่นในตัวเอง
ลิตเติลบียังคงทำงานและแก่ขึ้นเรื่อย ๆ เธอมาฟังแมมม่าบีเล่าเรื่องช่วงชีวิตต่าง ๆ การเติบโต แก่ และตาย
ซาราห์เป็นสาว 20 ผู้ไม่หยุดนิ่ง กระตือรือร้นที่จะใช้ชีวิตและไปสู่จุดสูงสุด เธอพบกับม้าฉลาดชื่อ โบโบ้ เจ้าม้าให้ซาราห์ขี่หลัง แล้ว ให้เธอดูภาพอดีตและอนาคตของเธอ ให้เธอดูสิ่งมหัศจรรย์ที่มนุษย์สามารถสร้าง พาเธอไปสุดโลกหล้าชมเหตุการณ์อันน่าทึ่ง และมีส่วนร่วมในสถานการณ์ที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก ซาราห์อยากสัมผัสประสบการณ์ให้มากที่สุด ชีวิตจะได้ไม่ธรรมดาและมีเรื่องให้เล่า แต่โบโบ้บอกเธอว่าปริมาณนั้นไม่สำคัญ ชีวิตจะสุดแสนวิเศษก็ต่อเมื่อเต็มไปด้วยความรู้สึกที่วิเศษ
ซาราห์กับไซม่อนต่างโตขึ้นและลิตเติลบีก็แก่มากแล้ว ใกล้จะต้องโบยบินไปสู่อีกโลก แมมม่าบีเล่าเรื่องสุดท้าย ให้เธอฟัง เรื่องบลูไซม่อนกับเร้ดไซม่อน ตัวแทนของ 2 ด้านที่แยกกันไม่ออกซึ่งทุกสิ่งมีชีวิตต้องเจอ ชีวิตกับความตาย เด็กทั้งสอง (คนเดียวกับในเทพนิยาย) จูงมือกันร้องเพลงพูดคุยกับตัวละครในเทพนิยาย ให้เชื่อว่าตัวละครพวกนั้นไม่อาจยอมรับเขาคนใดคนหนึ่ง หากแต่พวกนั้นต้องรักเขาทั้งคู่
ลิตเติลบียิ้มอย่างสงบโดยมีแมมม่าบีแสดงความรัก เธอรู้ว่าความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและเธอไม่กลัวที่จะหลับตาลงเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อบินไปยังท้องฟ้าที่เธอจากมา ร้องเพลง อรุณสวัสดิ์ ชีวิต เธอร้องด้วยความปิติ เพราะอย่างไรแล้ว ความตายก็คือการเริ่มต้นใหม่นั่นเอง