เหตุการณ์นองเลือด ในสถานทูตอเมริกาที่อเมริกาใต้ ซึ่งซีไอเอโดย ดร.ซูซาน แชปเปลล์ ระบุว่า มีการคิดค้นเทคโนโลยีล่าสุด ในการส่งคลื่นความถี่มาล้างสมองมนุษย์จากระยะไกล ให้ปฏิบัติตามคำสั่ง โดยไม่มีอะไรสามารถสกัดกั้นยับยั้งได้ จากหลักฐานที่ได้มา เธอเชื่อว่าเป็นฝีมือของจอมวายร้าย เอเดรียน เลห์เดอร์ ที่ซีไอเอต้องการตัวที่สุด ด้วยการอนุมัติจากเบื้องบนอย่างเร่งด่วน มีเพียงผู้เดียวที่จะรับภารกิจ คลี่คลายสถานการณ์วิกฤติต่อความสงบสุขของโลกได้ ก็คือ คริส โคดี้ หัวหน้าหน่วยนาวีซีลที่ตอนนี้รับโทษอยู่ในคุก!
เงื่อนไขที่จะได้ลบล้างความผิดทุกอย่าง โคดี้ยอมรับปฏิบัติการนี้ โดยเขาจะต้องจัดทีมของตัวเองเท่านั้น และเขาเลือกมือดีที่สุด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญแต่ละแขนงรวม 8 คน ไม่นับ ดร.ซูซาน และ เอเจนต์ เฟล็ทเชอร์ ซึ่งจะร่วมทีมไปด้วย แต่ระหว่างทาง โคดี้ได้ปล่อยเฟล็ทเชอร์ทิ้งไว้ เพราะไม่ไว้ใจพฤติการณ์ และนำทีมบุกเข้าห้องทดลองของเลห์เดอร์ใต้เขื่อนยักษ์ แต่จอมวายร้ายไหวตัวทันหนีไปได้ ทิ้งเชลยที่เป็นคอมมานโดอเมริกันถูกล้างสมองไว้ รวมถึงแผ่นดิสก์ข้อมูลให้โคดี้ตามแกะรอย
ทีมของโคดี้หลุดรอดการโจมตีจากกองทัพท้องถิ่นลงเรือดำน้ำ แต่แล้วคอมมานโดที่ถูกล้างสมอง ได้ฟื้นขึ้นปฏิบัติการยึดเรือ ทำให้โคดี้ จำเป็นต้องฆ่าทุกคนทิ้ง จากนั้นเรือดำน้ำถูกถล่มโดยตอร์ปิโดจากเรือพิฆาตสหรัฐฯ ด้วยเป้าหมายบางอย่าง โคดี้คงเหลือเพียง 4 คนคือ ดามิต้า, เฮนรี่, หลุยส์ และ ดร.ซูซาน ขึ้นฝั่งที่อุรุกวัยเพื่อตามหาตัวเลห์เดอร์ ซึ่งกำลังติดต่อผู้สนับสนุนทุนที่นี่ โดยมีเอเจนต์เฟล็ทเชอร์ผู้ทรยศชาติ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้
ที่กรุงมอนเตวิเดโอ ดร.ซูซานถูกคนของเลห์เดอร์จับตัว ขณะพยายามติดต่อท่านทูตอเมริกา ซึ่งกลายเป็นเป้าหมายการทดลองของเลห์เดอร์ ดังนั้น โคดี้กับพวกที่เหลือ จะต้องปฏิบัติการด้วยไหวพริบของตัวเอง ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครไว้ใจได้ เพราะไม่อาจรู้ว่าใครบ้างถูกเลห์เดอร์ล้างสมอง ไคลแม็กซ์สุดท้ายของแผนการร้าย ก็คือการ ลอบสังหารประธานาธิบดีอุรุกวัย ที่โรงละครโอเปร่า ซึ่งทีมของโคดี้จะต้องสกัดกั้นก่อนสายเกินไป!