ปี 1846 การนองเลือดของการปะทะกำลังกัน ระหว่างแก๊ง เดอะ เนทิวิสต์ ของชาวอเมริกันพื้นเมือง นำโดย วิลเลี่ยม คัตติ้ง หรือที่รู้จักกันในนาม บิล เดอะ บุทเชอร์ (เดเนี่ยล เดย์-ลิวอิส) กับแก๊ง เดด แร็บบิท ของชาวไอริชคาทอลิก ที่อพยพมาอาศัยอยู่ในอเมริกา ภายใต้การนำของ บาทหลวงวัลลอน (เลียม นีสัน) อาวุธหลักของพวกเขา คือมีดดาบทุกชนิดทุกขนาด ผลลัพธ์สุดท้ายจบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายแรก บิลสังหารวัลลอนอย่างเลือดเย็น พร้อมกับยึดอำนาจ ปกครองชุมชนย่านโลเวอร์อีสต์ไซด์ ของเมืองแมนฮัตตัน ตอนช่วงกลางศตวรรษที่ 19 หรือที่รู้จักกันในนาม ไฟฟ์ พ็อยท์ มาเป็นของตนแต่เพียงผู้เดียว
สิบหกปีผ่านไป อัมสเตอร์ดัม วัลลอน (ลีโอนาโด ดิคาปริโอ) ลูกชายของบาทหลวง ที่เป็นพยานรู้เห็น ในเหตุการณ์สังหารหมู่คราวนั้น และใช้เวลาหลายปีช่วงวัยหนุ่ม เรียนรู้วิถีชีวิตอยู่ในโรงเรียนดัดสันดาน เฮลเกท เฮ้าส์ ก็ได้เดินทางกลับมายังไฟฟ์ พ็อยท์อีกครั้งในปี 1862 เพื่อหวังแก้แค้นแทนพ่อของเขา อัมสเตอร์ดัมปกปิดฐานะที่แท้จริงของตนกับคนรอบข้าง ยกเว้นเพียงเพื่อนสนิท จอห์นนี่ (เฮนรี่ โธมัส) ผู้ช่วยผลักดันให้เขา ได้เข้าไปทำงานเป็นลูกน้องของ บิล เดอะ บุทเชอร์
ต่อมา อัมสเตอร์ดัมได้รู้จักกับ เจนนี่ (คาเมรอน ดิแอช) สาวนักล้วงกระเป๋าที่กำพร้าพ่อแม่เช่นกัน เขาหลงใหลเธอนับแต่แรกพบ แต่เธอกลับตอบปฏิเสธพฤติกรรมเกี้ยวพาราสีของเขา ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง สัมพันธภาพระหว่างบิลกับอัมสเตอร์ดัม ก็เริ่มแน่นแฟ้นขึ้น คนแรกผู้ไม่มีลูกชายเป็นของตัวเอง ได้สอนเทคนิคฆ่าศัตรูด้วยมีดให้แก่คนหลัง ส่วนเด็กหนุ่มก็ตอบแทนบุญคุณ ด้วยการช่วยชีวิตหัวหน้าของเขา ให้รอดพ้นจากการลอบสังหาร เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้อัมสเตอร์ดัมได้รับความไว้วางใจ จากบิลมากยิ่งขึ้น
กระนั้น อัมสเตอร์ดัมก็ไม่เคยลืมว่า เขามาที่ไฟฟ์ พ็อยท์นี้เพื่อการใด