ปี 1837 เจ้าหญิงวิกตอเรีย (เอมิลี บลันต์) เป็นที่ต้องการของผู้กระหายอำนาจ เพราะเธอกำลังจะสืบทอดราชบัลลังก์ต่อจาก พระราชาวิลเลียม (จิม บรอดเบนต์) คุณลุงของเธอซึ่งใกล้สวรรคต หนึ่งในผู้กระหายอำนาจนั้นก็คือพระมารดาของเธอเอง ดุกเชสส์แห่งเคนต์ (มิแรนดา ริชาร์ดสัน) ที่มาพร้อมที่ปรึกษาจอมทะเยอทะยาน คอนรอย (มาร์ก สตรอง) ทั้งคู่คอยควบคุมวิกตอเรียเอาไว้จนเธอแทบกระดิกตัวไม่ได้
วันหนึ่ง พระมารดาเชิญ เจ้าชายอัลเบิร์ต (รูเพิร์ต เฟรนด์) พระญาติของวิกตอเรียมาเยี่ยม วิกตอเรียมองออกอย่างง่ายดายว่าอัลเบิร์ตถูกเสี้ยมสอนให้มาเอาชนะใจเธอ ในตอนแรกวิกตอเรียรู้สึกรำคาญ เพราะเธอไม่มีความคิดที่จะเข้าพิธีสมรสแม้แต่น้อย แต่เมื่ออัลเบิร์ตเปิดใจว่าเขาเองก็เบื่อหน่ายกับการถูกควบคุมเช่นนี้เหมือนกัน ทั้งคู่จึงกลายเป็นเพื่อนกัน
เมื่อพระราชาวิลเลียมจากไป วิกตอเรียก้าวขึ้นเป็นพระราชินีของประเทศอังกฤษ ราชินีวิกตอเรียสั่งให้พระมารดาของเธอและคอนรอยย้ายไปอยู่ในที่อื่นซึ่งห่างไกลทันที จากนั้นเธอให้นายกรัฐมนตรีเปี่ยมเสน่ห์ ลอร์ดเมลเบิร์น (พอล เบตทานี) เข้ามาเป็นที่ปรึกษาของเธอแต่เพียงผู้เดียว ทั้งคู่สนิทสนมกันเป็นอย่างยิ่ง แม้ลอร์ดเมลเบิร์นจะมีเจตนาทำเพื่อตัวเองอยู่บ้าง แต่เขาก็ห่วงใยราชินีวิกตอเรียและต้องการให้เธอประสบความสำเร็จจริงๆ
ราษฎรรักพระราชินีใหม่ของพวกเขา แต่ความรักนั้นไม่ยืนยาวนัก เมื่อพรรคการเมืองของเมลเบิร์นพ่ายให้แก่พรรคคู่แข่ง เมื่อขั้วอำนาจทางการเมืองเปลี่ยน เซอร์ โรเบิร์ต พีล (ไมเคิล มาโลนีย์) ขอให้ราชินีวิกตอเรียเปลี่ยนตัวสาวใช้ของเธอ ซึ่งเดิมล้วนเป็นผู้สนับสนุนลอร์ดเมลเบิร์น ให้เป็นเหล่าภริยาของพรรคพวกของเขาแทน แต่ราชินีวิกตอเรียปฏิเสธ
พีลจึงลาออกจากตำแหน่ง และให้หนังสือพิมพ์โจมตีราชินีวิกตอเรียว่าเธอแสดงตนเป็นปฏิปักษ์ต่อเจตจำนงของประชาชน ทำให้ประชาชนลุกฮือด้วยความโกรธ ในตอนนี้เองที่ราชินีวิกตอเรียตระหนักได้ว่า ความช่วยเหลือของอัลเบิร์ตอาจเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยเธอได้