ภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ระทึกขวัญเรื่องนี้มีฉากหลังเป็นโลกอนาคตสุดทันสมัยปี 2055 ซึ่งเทคโนโลยีก้าวหน้าถึงขั้นที่ว่าการเดินทางข้ามเวลาไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป มหาเศรษฐีบางคนจึงมีวิธีหย่อนใจแบบใหม่ นั่นคือ การเดินทางย้อนเวลาไปล่าไดโนเสาร์ในโลกยุคก่อนประวัติศาสตร์
มีกฎในการเดินทางอยู่เพียง 3 ข้อ นั่นคือ ห้ามทิ้งอะไรเอาไว้, ห้ามนำอะไรกลับมา และที่สำคัญที่สุดคือ ห้ามเปลี่ยนสิ่งใดในอดีตเด็ดขาด เพราะการเปลี่ยนแปลงเพียงนิดเดียวก็อาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อวิวัฒนาการเกินกว่ามนุษย์จะจินตนาการถึง Time Safari Inc. คือ บริษัทจัดทัวร์ย้อนอดีตที่ดังที่สุด กระทั่งเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อผู้ร่วมเดินทางคนหนึ่งละเมิดกฎ จนระบบวิวัฒนาการปั่นป่วนและไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆที่ส่งผลต่อบรรยากาศและสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ กระทั่งลุกลามอย่างรวดเร็วสู่ห่วงโซ่อาหารและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เพียง 24 ชั่วโมงการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นอย่างรุนแรงทั่วทั้งเมือง จนความสงสัยใคร่รู้ของผู้คนกลายเป็นความผวากลัว ที่อ่าวมิชิแกน ปลาทะเลพากันเกยตื้น พืชพันธุ์ก็เติบโตรวดเร็วผิดปกติราวกับดินแดนเขตร้อนเมื่อล้านปีก่อน มันแตกหน่อตามทางเท้าพร้อมรากยักษ์ที่ชอนไชไปทั่วบริเวณ พังรถราจนยับเยินและปกคลุมตึกรามบ้านช่องจนมืดมิด ตามมาด้วยเหล่าแมลงและสัตว์ที่เคลื่อนไหวรวดเร็วเกรี้ยวกราดอย่างแมลงสาบและตั๊กแตนที่บินว่อนเป็นฝูงจำนวนมหาศาล สิ่งมีชีวิตนักล่าที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนปรากฎตัวขึ้นในรูปลักษณ์เลื้อยคลานที่ดุร้ายและฉลาดจนน่าขนลุก พวกมันเคลื่อนไหวคืบคลานบนดินแดนชวนน่าสะพรึง
มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่เดาออกว่าจะเกิดอะไรขึ้น นั่นคือ ดร.เทรวิส ไรเออร์ (เอ็ดเวิร์ด เบิร์น) หัวหน้าทีมผู้ดูแลการเดินทางย้อนเวลาแห่งบริษัท Time Safari และ ดร.ซอนย่า แรนด์ (แคเธอรีน แม็คคอร์แม็ค) นักวิทยาศาสตร์มากพรสวรรค์ผู้คิดค้นเทคโนโลยีการเดินทางข้ามเวลา ส่วนชาร์ลส์ แฮตตัน ผู้บริหารแห่ง Time Safari คือคนที่ขโมยสูตรที่ยังไม่ได้ทดลองไปทำธุรกิจโดยไม่สนใจคำเตือนใดๆ
ขณะที่ทุกฝ่ายต่างหวาดผวาและเวลาก็เหลือน้อยเต็มที ไรเออร์และแรนด์ต้องหาทางกลับไปแก้ไขสาเหตุของหายนะเพื่อเอาตัวรอดและกู้ชีวิตมนุษยชาติไม่ให้สูญพันธุ์ แต่เมื่อความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเป็นระลอกตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โลกปัจจุบันของเขาจึงพังทลายลงตรงหน้าอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด