กำเนิดมหาบุรุษผู้เปลี่ยนแปลงโลก ความลึกลับของการกำเนิดและการตายอย่างกะทันหันของผู้เป็นบิดา เจ้าไม่ใช่หมาป่าสีน้ำเงิน
ในฐานะที่เป็นบุตรคนโตของหัวหน้าเผ่ามองโกเลีย ว่ากันว่าเตมูจิน ต่อมาก็คือ เจงกิสข่าน ถือการกลับมาเกิดของ หมาป่าสีน้ำเงิน สัตว์อันเป็นที่เคารพ และได้รับการเลี้ยงดูอย่างเอาใจใส่ เพื่อให้เขาเป็นผู้สืบทอดดูแลอนาคตของเผ่าต่อไป มีเพียงโฮอีลัน (มายูมิ วากามูระ) แม่ของเขาที่รู้สึกถึงลางร้ายเมื่อเห็นปานแดงกลางฝ่ามือของเตมูจิน เมื่ออายุ 14 ปี เตมูจินออกเดินทางไปพร้อมกับผู้เป็นบิดา เพื่อเสาะหาเจ้าสาว เขาตกหลุมรักบอร์ตี้ บุตรีของหัวหน้าเผ่า ผู้เป็นสหายกับพ่อของเขาตั้งแต่แรกเห็น และได้หมั้นหมายกันอย่างเป็นสุข อย่างไรก็ดี ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อบิดาของเขาถูกฆ่าตายในความขัดแย้งของเผ่า และเพราะแม่ของเขาเป็นผู้หญิงที่ถูกจับตัวมาจากเผ่าศัตรู เตมูจินจึงถูกปฏิเสธสถานะโดยบริวารของผู้เป็นพ่อ และต้องเผชิญหน้ากับความกังขาว่าโฮอีลันตั้งท้องมาก่อนที่จะได้พบกับพ่อของเขาหรือไม่ อย่างไรก็ดี เพราะมีจิตใจที่มุ่งมั่นอดทน เตมูจินยืนหยันต่อสู้กับความยากลำบากสารพัดสารพันเพื่อปกป้องแม่และพี่น้องของเขา
คนนอก แบกภาระและข้อกังขาเฉกเช่นบิดา
สองอาทิตย์ต่อมา บอร์ตี้ให้กำเนิดเด็กน้อย เตมูจินที่ได้ข่าวว่าทารกน้อยเป็นเพศชาย และไม่แน่ใจว่าเด็กคือลูกของเขาหรือไม่ ตั้งใจจะฆ่าเด็กน้อยทิ้ง แต่โฮอีลันได้ร้องขอชีวิตเด็กเอาไว้ "เด็กคนนี้เกิดมาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ถ้าเยซูไก-บาทาร์ บิดาผู้ล่วงลับของเจ้าสงสัยว่าเจ้าเป็นสายเลือดพวกเมอร์กิต และฆ่าเจ้าเสีย เจ้าคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว" เตมูจินจึงยั้งมือเอาไว้ และตั้งชื่อเด็กทารกชายผู้นี้ว่า โจชิ ซึ่งหมายถึง คนนอก
อำนาจของเตมูจินเพิ่มขยายมากขึ้น และด้วยมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เตมูจินได้แก้แค้นให้บิดาของเขา เขาสั่งให้โจชิ (เคนอิชิ มัตสุยาม่า) ซึ่งบัดนี้เติบใหญ่เป็นหนุ่มวัย 17 เดินทางขึ้นเหนือ โดยมอบหมายภารกิจทางทหารที่ต้องจากบ้านไปนานและเต็มไปด้วยความยากลำบากให้กับเขา
ความเป็นหนึ่งเดียวของมองโกลเป็นเดิมพัน การทำศึกเพื่อครองแผ่นดิน "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด"
เพราะทะเยอทะยานอยากจะเป็นราชาแห่งมองโกล จามูฮาทรยศเตมูจิน จนลงเอยด้วยการทำศึกครั้งใหญ่ กองทัพของจามูฮาร่วมมือกับศัตรูเก่า ทำให้กำลังพลของเขาและเตมูจินมีจำนวนมากพอกัน แต่ด้วยกลยุทธ์ในการทำศึกที่เก่งกว่าของเตมูจินทำให้เขาได้เปรียบ อย่างไรก็ดี เพราะมีหนอนบ่อนไส้ ทำให้เตมูจินเป็นฝ่ายเพรี้ยงพล้ำ
ขณะโดนไล่บี้อย่างหนักจากทั้งจำนวนและสรรพวุธจากกองทัพที่เป็นการผนึกกำลังกันของทอยริลและจามูฮา เตมูจินโดนลูกธนูอาบยาพิษ กองทัพที่แตกกระจายของเขา ยังคงรอคำสั่งจากผู้นำ เตมูจินภายใต้การดูแลปรนนิบัติด้วยความใส่ใจจากคูหลาน ฟื้นตัวและเข้าโจมตีทอยริลและจามูฮา ซึ่งเกิดความฮึกเหิมจนประมาท เชื่อมั่นว่าจะมีชัยชนะแน่นอน ในที่สุด เตมูจินมีชัยชนะในศึกครั้งใหญ่หลวงนี้ เพราะยังคงรักษาคำมั่นที่สาบานไว้ตั้งแต่เด็ก เตมูจินขอให้จามูฮาร่วมมือกับเขาในการปราบอาณาจักรโกลเด้นคิงดอม แต่จามูฮาปฏิเสธ และบอกให้เตมูจินลงมือสังหารเขาด้วยตัวเอง เตมูจินจึงต้องทำตามความประสงค์ของเพื่อนร่วมสาบานด้วยความลำบากใจ
กำเนิดกษัตริย์มองโกล "เจงกิสข่าน ลูกหลานแห่งหมาป่าสีน้ำเงิน"
วันที่ 16 เมษายน ปี 1206 ปะรำขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้น พรมสีขาวถูกปูไว้เป็นทาง พิธีปราบดาภิเษกของเตมูจินเริ่มต้นขึ้นโดยมีแขกเหรื่อจากแดนต่างถิ่นมากมาย มีองครักษ์มากกว่า 1 พันนาย ผู้คนจากต่างเผ่ามารวมตัวกัน ณ หุบเขาแห่งนี้ เตมูจินน้อมรับคำพยากรณ์จากหมอผี คีฮูชู (มาซาฮิโกะ ซึกาว่า) และแล้ว เจงกิสข่าน ราชาแห่งมองโกลได้ถือกำเนิด เจงกิสข่านยืนรับเสียงโห่ร้องอย่างกึกก้องของเหล่าฝูงชน เขาประกาศต่อกาซาร์ผู้ยืนอยู่เคียงข้างเขาว่า "ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะพิชิตอาณาจักรแผ่นดินทอง เรียกตัวโจชิกลับมา!"
บุตรชายผู้สืบทอดแผ่นดินมองโกเลีย "บิดาและบุตรจะกลับมาปรองดองได้หรือไม่"
เตมูจินใฝ่ฝันมาตลอดว่าจะได้พิชิตแผ่นดินทองของพวกฉิน ศัตรูคู่อาฆาตของชาวมองโกล ผู้เคยสังหารหัวหน้าคนที่สองของเผ่ามองโกล เจงกิสข่านเฝ้ารอให้โจชิกลับมาอย่างอดทน แต่ที่กลับมามีเพียงข่าวที่บอกว่าโจชิล้มป่วย และจะยังไม่กลับมา เมื่อได้ข่าวจากหัวหน้าคณะคาราวานว่าโจชิหายดีแล้ว และออกไปล่าสัตว์เมื่อสิบวันก่อน เจงกิสข่านโกรธมากและคิดว่าโจชิวางแผนกระด้างกระเดื่องต่อเขา
เจงกิสข่านมีเหตุผลที่โกรธ เขาต้องการให้บุตรชายของเขาได้รู้จักการทำศึกอันยากแสน ต้องทรมานกับความโดดเดี่ยวเดียวดาย และต้องหยัดยืนเพื่อจะกลายเป็นบุรุษผู้สืบทอดความรับผิดชอบปกครองมองโกเลียต่อไป ด้วยความตั้งใจเช่นนี้ เจงกิสข่านถึงได้ไว้วางใจให้โจชิปฏิบัติภารกิจที่ยากเย็นแสนเข็นนี้ แต่บัดนี้ เมื่อบิดาและบุตรพร้อมที่จะโจมตีดินแดนทองคำ ผู้เป็นลูกกลับทรยศเขา เจงกิสข่านจึงต้องออกเดินทางขึ้นเหนือ
บัดนี้ เกียรติยศอันเกรียงไกรตกเป็นของเขาแล้ว เขายังมีฝันที่ต้องพิชิตต่อไป แต่บัดนี้ เจงกิสข่านต้องกลับไปทำหน้าที่พ่อ สุดท้าย ผู้เป็นลูกจะรู้สำนึกได้ถึงความปรารถนาของผู้เป็นพ่อหรือไม่