โดมิโน่ ฮาร์วีย์ (เคียร่า ไนท์ลีย์) คือลูกสาวของนักแสดงชื่อดัง ลอว์เรนซ์ ฮาร์วีย์ และนางแบบสาวสังคม โซฟี วีน เธอเกิดมาในครอบครัวที่มั่งคั่งเพียบพร้อม แต่เธอไม่ได้ชอบชีวิตแบบนั้นเลย เธอต่อต้านค่านิยม และกลุ่มคนรวยมาตั้งแต่เด็ก ตอนโดมิโน่อายุได้ 8 ขวบ พ่ออันเป็นที่รักของเธอได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ และแม่ก็ส่งเธอเข้าโรงเรียนประจำ โดยหวังจะดัดนิสัยลูกสาว แต่อะไรก็หยุดยั้งธรรมชาติอันเกรี้ยวกราดของโดมิโน่ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น เพื่อน, โรงเรียน หรือสังคมไฮโซของแม่ แม้แต่ชีวิตนางแบบที่เต็มไปด้วยสีสัน ก็ดูจืดชืดไปทันที เมื่อเทียบกับนิสัยรักอิสระและผจญภัยของเธอ ดังนั้นเมื่อได้ยินข่าวการรับสมัครนักล่ารางวัล โดมิโน่จึงไม่ลังเลที่จะลอง เพราะเธอรู้สึกทันทีว่า นี่แหละคือสิ่งที่เธอกระหายอยากทำมานาน เหมือนเป็นฝันร้ายของ โซฟี (แจ๊คเกอลีน บิสเซต) โดมิโน่ไม่ได้แค่หลงรักงานนี้เท่านั้น แต่เธอยังรักเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ผู้ซึ่งหลายปีถัดมา กลายเป็นเหมือนครอบครัวของเธอด้วย
แล้วเรื่องราวการผจญภัยสุดระห่ำ ชวนเคลือบแคลง และฉาบไปด้วยตลกร้าย ก็เริ่มต้นขึ้น...
โดมิโน่ค้นพบงานที่เธอชอบ และรวมกลุ่มกับพวกเดนคน ซึ่งรวมถึง เอ๊ด มอสบีย์ (มิคกี้ รูร์ก) หัวหน้าสุดเหี้ยมแต่ทรงพลัง ผู้มีดีกรีเป็นถึงอดีตนักโทษ, ชอคโก้ (เอ็ดการ์ รามิเรซ) หนุ่มละตินสุดเซ็กซี่และบึกบึนแข็งกระด้าง ซึ่งแอบรักโดมิโน่ และแอลฟ์ (ริซ อับบาสซี่) อดีตนายทหารที่หมกมุ่นกับระเบิด แน่นอนว่า ทั้งสี่เป็นกลุ่มที่ไม่น่าจะรวมตัวกันได้ แต่สไตล์ของแต่ละคน ก็นำมาซึ่งการตามล่าพวกนักโทษหนีคดีสุดชั่วทั้งหลาย ถ้าไม่นับเรื่องชื่อเสียงด้านลบ พวกเขาก็ถือว่าเป็นนักล่ารางวัล ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในแอลเอ แล้วที่ไหนจะประกาศศักดาความเจ๋ง ได้ดีเท่ารายการทีวีล่ะ... เมื่อโปรดิวเซอร์รายการทีวี มาร์ค ฮีสส์ (คริสโตเฟอร์ วอลเค่น) และผู้ช่วยสาว คิมมี่ (มีน่า ซูวาริ) เข้ามาทาบทาม นักล่ารางวัลกลุ่มนี้ จึงตอบตกลงไปเป็นแขกรับเชิญรายการเรียลลิตี้ใหม่ชื่อ The Bounty Squad ของบริษัท Beverly Hills 90210 ของ เอียน เซียริ่ง และ ไบรอัน ออสติน กรีน (ทั้งคู่รับบทเป็นตัวเอง) ด้วยความที่ไม่รู้เรื่องงานโทรทัศน์ โดมิโน่, เอ๊ด, ช็อคโก้ และ แอลฟ์ จึงเหมือนต้องลุยงานที่ยากที่สุดเท่าที่เคยทำมา
เรื่องราวมาถึงจุดหักเห เมื่อกลุ่มของโดมิโน่ต้องตามล่านักโทษหนีคดี ซึ่งอันตรายที่สุดในชีวิต จากแผนสกปรกของนายจ้าง แคลร์มอนท์ วิลเลี่ยมส์ ที่ 3 (เดลรอย ลินโด) วิลเลี่ยมส์กำลังถังแตกจากครอบครัวที่ขยายใหญ่ ทั้งแฟนสาว ลาทีชา, ลูกสาว, หลานสาว และ ลาชานดรา กับลาชินดรา ลูกพี่ลูกน้องฝาแฝดของลาทีชา เขาจึงวางแผนหาเงินเพื่อเอาตัวเองให้รอด แต่เมื่อแผนผิดพลาด โดมิโน่และเพื่อน ๆ ต้องตกอยู่ในกระบวนการสอบสวนสุดซับซ้อนของเอฟบีไอ ซึ่งนำโดย นักจิตวิทยาด้านอาชญากร ทารีน ไมลส์ งานนี้เกี่ยวพันกับกลุ่มอันธพาล อันประกอบด้วยนักศึกษาหลงผิด และโจรถ่อย ๆ บางคน...
โดมิโน่ ฮาร์วีย์ เกิดวันที่ 7 สิงหาคม ปี 1969 ชื่อของเธอมาจากนางเอกหนังเจมส์ บอนด์ตอน Thunderball ที่ชื่อ โดมิโน่ เดอร์วอล โดมิโน่คือลูกสาวของนักแสดงอังกฤษชื่อดัง ลอว์เรนซ์ ฮาร์วีย์ และ นางแบบโวค พอลลีน สโตน แม้จะถูกเลี้ยงมาแบบประคบประหงม แต่โดมิโน่กลับเป็นทอมบอยตั้งแต่เด็ก โดยชอบเล่นปืนแบบเด็กผู้ชายมากกว่าเล่นตุ๊กตา เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นโดมิโน่ ได้เป็นนางแบบของฟอร์ด เอเจนซี่สุดหรูของอังกฤษตามรอยเท้าของแม่ หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ออกจากวงการแคทวอล์ค ไปทำงานแหวกแนวหลายอย่าง ทั้งเปิดไนท์คลับในลอนดอน โดยรับจ๊อบเป็นดีเจ, เป็นลูกจ้างฟาร์มเลี้ยงสัตว์ในซานดิเอโก และเป็นอาสาสมัครดับเพลิงใกล้พรมแดนเม็กซิโก ก่อนความหลงใหลในความท้าทาย จะนำเธอสู่อาชีพสุดอันตราย นั่นคือ นักล่ารางวัล ซึ่งงานนี้โดมิโน่จะได้รับส่วนแบ่ง 10 เปอร์เซ็นต์ ของเงินประกันตัวจากพวกค้ายา หลังวนเวียนอยู่ในวงการยาเสพย์ติดนานหลายปี วันที่ 4 พฤษภาคม โดมิโน่ ฮาร์วี่ย์ ก็ถูกจับข้อหามีแอมเฟตามีนมูลค่ากว่า 2 ล้านดอลล่าร์ในครอบครอง เธอเสียชีวิตระหว่างถูกกักบริเวณเพื่อรอลงอาญา... หากถูกดำเนินคดี เธอต้องจำคุกถึง 10 ปี
เพื่อนสนิทคนหนึ่งของโดมิโน่ พบศพเธอในห้องน้ำที่เวสต์ฮอลลีวู้ด เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพรายงานเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2005 ว่า โดมิโน่เสียชีวิตจากการเสพย์เฟนทานีลเกินขนาด รายงานกล่าวว่าเธอเสียชีวิตในวันที่ 27 มิถุนายน 2005 จากภาวะ "เฟนทานีลเป็นพิษ" (เฟนทานีล คือยาระงับปวดที่แรงกว่ามอร์ฟีน 80 เท่า) ขณะมีอายุได้เพียง 35 ปี โดมิโน่ไม่ได้เป็นเลสเบี้ยนอย่างที่ข่าวกล่าวหา และไม่ได้ต่อต้านการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Domino อย่างที่ใครคิด โทนี่ สก๊อตต์ คิดโปรเจ็กต์นี้มานาน 12 ปี และโดมิโน่ก็เห็นดีและให้การสนับสนุน เธอไปเยี่ยมกองถ่ายในปี 2004 ช่วยดูแลเรื่องบทหนังและเพลงประกอบ และเป็นเพื่อนกับ มิกกี้ รู๊ค และโทนี่ สก๊อตต์ อีกทั้งยังช่วยเคียร่า ไนท์ลีย์ เตรียมตัวสำหรับบท และมาร่วมงานฉลองปิดกล้อง เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2004 ในแอลเอด้วย