ตามรายงานเมื่อปี 1976 พลเมืองของเกาะยามิจิมะซึ่งเป็นเกาะโดดเดี่ยวกลางทะเลได้ถูกฆ่าล้างไปจนหมดเหลือเพียงแต่ชายสติไม่ดีเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตโดยที่ชายคนนั้นได้แต่ร้องตะโกนถ้อยคำปริศนาที่ว่า "ถ้าได้ยินเสียงไซเรน ห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด" 30 ปีต่อมา ยูกิ อามาโมโตะ (ยูอิ อิจิกาวะ) เดินทางไปที่เกาะแห่งนี้พร้อมกับบิดาผู้เป็นนักข่าวอิสระ และน้องชายผู้มีอาการผิดปกติของเส้นประสาท และถึงแม้ว่าจะได้รับการต้อนรับจากคุณหมอหนุ่มมินามิดะซึ่งเป็นผู้พาชมเกาะเป็นอย่างดี แต่ชาวเกาะคนอื่น ๆ กลับดูน่าขนลุกและไม่เป็นมิตรในความรู้สึกของยูกิ
บ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่นั้นถูกทิ้งร้างมานานหลายปีและเต็มไปด้วยรอยเลือดเก่า ๆ เพื่อนข้างบ้านที่มาช่วยทำความสะอาดเตือนเธอด้วยประโยคแปลก ๆ เดียวกันที่ว่า "ถ้าได้ยินเสียงไซเรน ห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด" และนี่คือจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ลึกลับแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นติดต่อกัน อาทิ กลุ่มของนักเต้นในชุดเสื้อผ้าแปลกตา ร่องรอยตัวอักษรลึกลับบนผนังของบ้านที่ผุพัง ตลาดที่อยู่ดี ๆ ก็ร้างคน หญิงสาวน่ารักในชุดแดงที่ยืนอยู่บนเนินเขา
ยูกิค่อย ๆ สูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจในผู้คนรอบตัวเธอมากขึ้นทุกที เธอตัดสินใจที่จะปกป้องน้องชายของเธอจากภัยมืดที่มองไม่เห็นซึ่งดูเหมือนจะอยู่รอบ ๆ ตัวพวกเขา แล้วในคืนหนึ่ง เธอก็ได้ยินเสียงไซเรนซึ่งระหว่างนั้นพ่อของเธอออกไปที่ป่าเพื่อถ่ายรูปสัตว์หากินกลางคืน มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับเขาเมื่อเขากลับมา เขากลายเป็นคนเลือดเย็นอย่างกับเป็นคนละคน
เมื่อเสียงไซเรนครั้งที่ 2 ดังขึ้น ยูกิและคุณหมอเดินทางไปยังหอคอยเหล็กที่อยู่บนเนินเขาอันเป็นสถานที่ซึ่งชาวเกาะต่างหวาดผวาเพราะเสียงไซเรนดังมาจากยอดหอคอยนั่งเอง ที่นั่นเธอพบบันทึกของผู้รอดชีวิตจากเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เมื่อปี 1976 ซึ่งได้บันทึกความจริงของเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ บันทึกได้อธิบายว่าเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นได้อย่างไร หากแต่ขาดหายไปตรงประโยคที่ว่า "เสียงไซเรนครั้งที่ 3 จะเปลี่ยนให้ชาวเกาะกลายเป็น"
ในเวลานั้นเองที่เสียงไซเรนดังขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ชิ้นส่วนของความลึกลับเริ่มปะติดปะต่อกันเพื่อเปิดเผยถึงความจริงของเหตุฆาตกรรมเมื่อปี 1976 และนำไปสู่ทางออกของความลึกลับของเสียงไซเรน