"คุณจะทำอย่างไร เมื่อต้องสูญเสียลูก
และคนที่คุณรักที่สุดตกอยู่ในห้วง หัวใจสลาย
รักแท้ของคุณจะมีพลังมากพอไหม ?
ที่จะทำหัวใจเธอ กลับมามีชีวิต อีกครั้ง ....."
สามนักแสดงมากฝีมือ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาการแสดงมาแล้วถึงสองครั้งจาก 12 Years a Slave และ Steve Jobs, เรเชล ไวซ์ เจ้าของรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก The Constant Gardener และเจ้าของรางวัลออสการ์ปีล่าสุด อลิเชีย วิกานเดอร์ (The Danish Girl) มาประชันบทบาทกันในผลงานชิ้นใหม่ของผู้กำกับ ดีเร็ก เซียนฟรานซ์ (Blue Valentine) ที่ดัดแปลงจากนิยายชื่อดังของนักเขียนชาวออสซี่ เอ็ม. แอล. สเต็ดแมน เรื่อง The Light Between Oceans
ฉากหลังคือเมืองเล็ก ๆ ชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลียในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ทอม เชอร์บอร์น (ฟาสเบนเดอร์) ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่เฝ้าประภาคารอันห่างไกลกับชุมชน เขาและ อิซาเบล ผู้เป็นภรรยา (วิกานเดอร์) เฝ้ารอว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะประทานลูกมาให้ หลังจากที่อิซาเบลเสียลูกไปหลังคลอด เธอตกอยู่ในอาการซึมเศร้า จนทอมใกล้หมดพลังใจที่จะทำให้เธอกลับมาสดใสดังเดิม ไม่นานนัก ปาฏิหาริย์ก็คล้ายจะเป็นจริงขึ้นมา พวกเขาพบทารกหญิงคนหนึ่งลอยมาเกยฝั่งพร้อม ๆ กับเศษซากเรือ พวกเขาไม่รู้ว่า เด็กคนนี้มาจากไหน และเรือที่อับปางลงนั้นคือเรือของใคร แต่ที่แน่ ๆ มันคือของขวัญจากเบื้องบนที่พวกเขาเฝ้ารอมานาน พวกเขาตั้งชื่อเด็กทารกว่า ลูซี่ ฟูมฟักหนูน้อยด้วยความรักและกำลังทั้งหมดที่มี
ความสุขนั้นดำรงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อทอมและอิซาเบลเดินทางเข้าไปในเมือง และพบว่าหญิงคนหนึ่ง (เรเชล ไวซ์) กำลังบ้าคลั่งหัวใจสลาย เพราะสูญเสียลูกน้อยจากอุบัติเหตุทางเรือเมื่อไม่กี่ปีก่อน เทียบวันและเวลาดูแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากว่า ทารกของหญิงคนนั้น คือ ลูซี่ แก้วตาดวงใจของทอมและอิซาเบลนั่นเอง
พระเจ้าได้หยิบยื่นทางเลือกอันแสนเจ็บปวดให้กับทั้งคู่ เราควรทำสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่...หากสิ่งที่ถูกต้องนั้น คือการปล่อยคนที่เรารักให้หลุดลอยไป ... 8 ธันวาคม นี้ … อย่าปล่อยให้รักของคุณต้องสลาย