ด้วยพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร หรือ รัชกาลที่ 9 ผู้ทรงเป็นผู้รอบรู้และเชี่ยวชาญสรรพวิชาหลากหลายแขนง รวมไปถึงพระราชภาระดูแลทุกข์-สุขของประชาชนชาวไทยทั่วประเทศในฐานะพระมหาษัตริย์ผู้ครองราชย์มายาวนานถึง 70 ปี จึงทำให้ประชาชนชาวไทยหลายๆ คน ยกพระองค์ท่านฯ เป็นต้นแบบ รวมไปถึง “พีธ-พีระ” พีราวัชร์ อัศววชิรวิท ศิลปินเดี่ยวจาก “ค่ายโมโนมิวสิค” ในเครือโมโนกรุ๊ป ที่ยึด “พ่อหลวง” เป็นครูที่ดีที่สุดในชีวิต
“ยิ่งกว่าใจหายนะครับ ผมเชื่อว่าพสกนิกรชาวไทยทุกคนรักพระองค์ท่าน และมีความอาลัยถึงพระองค์ท่านยากเกินจะบรรยาย พระเมตตาของพระองค์มีมากล้น ผมเชื่อว่าการไว้ทุกข์ 100 วันอาจจะไม่เพียงพอ สำหรับคนที่รักพระองค์ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ผมภูมิใจที่ได้เป็นคนดนตรีตามรอยพระองค์ท่าน สมัยผมเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ผมได้มีโอกาสร้องเพลงประสานเสียงในคณะประสานเสียง ร้องเพลงพระราชนิพนธ์ “สายฝน” ในงานคอนเสิร์ต ณ ศูนย์วัฒนธรรม ในตอนนั้นเป็นความรู้สึกดีใจ-ภูมิใจตามประสาเด็กที่ไม่ลึกซึ้ง พอโตมาผมได้รับรู้ในพระปรีชาสามารถด้านดนตรีของพระองค์ท่านมากขึ้น พระองค์ทรงเป็นอัจฉริยภาพด้านดนตรีแจ๊สอย่างแท้จริง เพลงพระราชนิพนธ์หลายๆ เพลงของพระองค์ มีดนตรี เนื้อร้อง-เนื้อหา ที่ลึกซึ้งสวยงาม พร้อมทั้งยังแทรกปรัชญาชีวิตดีๆ ขับกล่อมคนไทยและคนต่างชาติต่างมีความสุข เป็นต้นแบบการใช้ชีวิตบนหลักของความพอเพียง ตลอดจนพระราชกรณียกิจที่ทรงมุ่งมั่นพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืนมาตลอด70ปีของการครองราชย์ พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระเมตตาและยากหาใครเทียบได้จริงๆ ซึ่งผมจะระลึกถึงยึดพระองค์เป็นต้นแบบ และถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ไปสู่ลูก-หลานของผม ว่า..พวกเราโชคดีแค่ไหน ที่ได้เกิดเป็นคนไทย อยู่บนผืนแผ่นดินไทย ที่มีรัชกาลที่ 9 ทรงพระเมตตา ขอน้อมเกล้าฯ ถวายอาลัย เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า นายพีราวัชร์ อัศววชิรวิท”