ข่าว > ข่าวดาราทั้งหมด > สัมภาษณ์ดารา

'ปันปัน' ขอเป็นตัวเอง ไม่เฟคตามโลกมายา

10 ต.ค. 2559 10:37 น. | เปิดอ่าน 1523 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

ตอนนี้ไปไหนมีแต่คนถาม ปันปัน - สุทัตตา อุดมศิลป์ ว่า "ใครฆ่านานะ" เพราะแฟน ๆ กำลังอินอย่างมากกับซีรีส์ "I hate you I love you" ที่ออกอากาศทางไลน์ ทีวี ทำให้ชื่อและผลงานของปันปันกลับมาเป็นที่กล่าวถึงอีกครั้ง แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีข่าวคราวต่าง ๆ มากมาย แต่ปันปันก็ผ่านทุกอย่างมาได้ วันนี้ "ดาวต่างมุม" เลยมาพูดคุยเปิดเผยความเป็นตัวตนของเธอ ให้ได้รู้ว่าจริง ๆ แล้ว ปันปัน ที่ใคร ๆ ว่าแรงนั้นเป็นอย่างไรกันแน่ 

ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์ / ภาพ: @punpun_sutatta (IG)


ฟีดแบ็กนานะเป็นอย่างไรบ้าง? 
ฟีดแบ็กเรื่องนี้ดีเกินคาด ตั้งแต่หนูอ่านบท หนูเห็นแล้วก็รู้เลยว่าเรื่องนี้ดีแน่นอน เรื่องนี้ถือว่าแรงที่สุดตั้งแต่เล่นซีรีส์มา แต่ว่าจริง ๆ ไม่ได้แรงแบบในตัวอย่างที่ตัดมา พอหนูเห็นว่าพี่ย้งกำกับ ยังไงก็ต้องรับอยู่แล้ว เราเชื่อในฝีมือเขาแน่นอน แล้วยิ่งอ่านบทยิ่งรู้สึกว่าเป็นหนึ่งในตัวละครที่อยากเล่น อยากทำความเข้าใจและถ่ายทอดคน ๆ นี้ออกมาให้ดี บทเรื่องนี้เขาเขียนจากคนที่อยู่ในสังคมอย่าง "นานะ" กับ "ซอล" ก็คือผู้หญิงสองแบบหลัก ๆ ที่อยู่ในสังคมเรา เขาเขียนผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา คือคนที่ ตรง พูดจาแรง โผงผาง อยากทำอะไรก็ทำ กับผู้หญิงที่ดูแลรักษาภาพลักษณ์ตัวเอง แอ๊บ แล้วผู้หญิงสองคนนี้ก็จะเกลียดกัน แล้วพอเขาเขียนไปสักพักนึง เขาก็คงรู้สึกว่าปันปันเหมาะกับบทนี้ เราอาจจะเล่นได้ดี หนูสามารถเข้าถึงนานะได้มากกว่าการเข้าถึงซอล ถ้าหนูเล่นเป็นซอลหนูอาจจะเล่นได้ไม่ดีก็ได้ แต่พี่ย้งเขาคงเห็นแล้วว่าเราเข้าถึงได้ เล่นได้ เรียกว่าเหมาะกับตัวละคร


ทำการบ้านอย่างไรบ้างกับบทนี้? 
หลัก ๆ เลยคือความคิด เพราะความคิดหนูกับนานะนี่ไม่เหมือนกันเลย ต้องทำความเข้าใจว่า เพราะเหตุใดนานะถึงได้ทำแบบนั้น หนูก็ไปเถียงกับทีมเขียนบทบอกว่า ถ้าเป็นหนูหนูจะไม่ทำแบบนี้ เขาก็ถามว่าหนูจะทำยังไง พี่ต้องเขียนให้นานะเป็นแบบนั้น เรื่องราวถึงจะเดินต่อได้ นี่ก็คือหน้าที่ที่หนูจะต้องสื่อมันออกมาให้ไม่แปลก เรื่องนี้ก็เหมือนถ่ายทอดให้เรารู้ว่า บางคนอาจจะชอบนานะมาก นี่คือไอดอลของฉันเลย แต่สุดท้ายก็ทำให้รู้ได้ว่าการที่เป็นแบบนานะ เป็นคนตรง คนแรง มันนำไปสู่จุดจบอะไร มันไม่ได้ดีเสมอไป การที่เราจะเห็นอะไรแบบนี้ บางครั้งการที่เราอยู่นิ่ง ๆ จะดีกว่า หรือบางทีอาจจะไม่ได้ดี แต่คนชอบ มันก็สอนเราได้ว่า เราเป็นคนตรงเป็นคนแรงได้ แต่เวลาเราทำอะไรเราต้องคิด


มีความรักในงานแสดง? 
สมัยก่อนหนูก็ไม่ได้เห็นว่ามันวิเศษมากมาย แต่ว่ายิ่งโตขึ้นมายิ่งชอบมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งสนุกกับตัวเองในการที่อ่านบทแล้วถ่ายทอดออกมา เป็นหนึ่งในด้านที่สามารถพูดได้ว่าหนูทำได้ดี ถ้าเราทำอะไรได้ดีเราก็จะยิ่งชอบมันขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เหมือนตอนเด็ก ๆ นี่หนูไม่เอาเลย อย่างหนัง "ลัดดาแลนด์" นี่ ไม่เอาเลย ไม่เล่น แต่ทางผู้กำกับก็จะเอาเด็กคนนี้ แต่หนูก็ไม่เอา ไม่อยากเล่น กลัวผี ไม่ชอบ เลิกเรียนหนูน่าจะได้ไปสยามกับเพื่อน ทำไมต้องมาทำงาน เด็ก ๆ ก็บ่นไม่ฟังพ่อแม่ คุณย่าก็พูดให้ฟังว่า เธอโตขึ้นเธอจะขอบคุณฉัน ตอนนั้นหนูขอบคุณมากเลยที่คุณย่าบังคับให้หนูเล่น มันถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตหนู ขอบคุณคุณย่ามาก ๆ ค่ะ คือชีวิตคนเรามันไม่ได้ทำอะไรได้ดีหลาย ๆ อย่าง แต่เหมือนอันนี้เราทำได้ดี แล้วคนชื่นชมสิ่งที่เราทำ เราก็ยิ่งชอบขึ้นเรื่อย ๆ

 

 

สามารถยึดเป็นอาชีพได้เลย? 
ก็ถ้าจะยึดเป็นอาชีพก็ได้นะคะ แต่มันเป็นอาชีพที่ไม่ยั่งยืนเสมอไป หรือจะยั่งยืนก็ได้แล้วแต่คน แต่หนูจะคิดตลอดว่าอาชีพนี้เราเป็นอย่างนี้ตลอดไปไม่ได้หรอก เราต้องมีอะไรรองรับ เราต้องเป็นคนเก่ง เราต้องเรียนหนังสือ เรียนรู้จากพ่อแม่ ธุรกิจ คือถ้ามันเป็นไปได้ตลอดมันก็ดี มีงานมาเรื่อย ๆ มันก็ดี เดี๋ยวนี้ดารามันเยอะมาก มีขึ้นมาตลอด วันหนึ่งถ้าเราไม่มีงาน อาจจะมีคนขึ้นมาเยอะกว่าเรามากก็ได้ ก็ต้องมีด้านอื่นรองรับไว้ เพราะต่อไปเราก็ต้องแก่ แต่ว่าตอนนี้ก็เป็นสิ่งหลัก ๆ ที่หนูต้องทำ นอกเหนือจากการเรียน ก็เป็นสองความรับผิดชอบที่หนูต้องทำให้ดี ก็เหนื่อย แต่สิ่งที่ได้กลับมามันก็คุ้มค่ะ เราก็ได้ใช้ชีวิตมากกว่าเพื่อนคนอื่นที่ได้แต่เรียนหนังสือ เพื่อนจะบอกว่าชีวิตไม่เห็นมีอะไรเลย มีแค่เรียน อ่านหนังสือ กลับบ้าน ชีวิตหนูได้เจอคน ได้ทำงานโน่นนี่ ได้หาเงินเอง ใช้ชีวิตได้มากกว่า หนูก็มองในข้อที่ดีมากกว่าข้อเสีย


เราชอบเป็นแบบนี้หรือเป็นแบบเพื่อน? 
ถ้าถามหนู หนูว่าเป็นแบบนี้ดีกว่านะ ก็มองในข้อดีว่า น้อยคนที่จะได้มายืนตรงจุดนี้เราต้องชื่นชมยินดีกับสิ่งที่เราได้ แต่ถ้าเราอยากเป็นคนที่โนบอดี้ เราก็ไปเมืองนอกสิ ตอนอยู่เมืองนอกที่ไม่มีคนรู้จัก ก็ดีตรงที่เราอยากทำอะไรก็ทำ เดินกิน ไม่แต่งหน้า แต่ก็ต้องระวังตรงจุดนี้อยู่ดี เพราะที่เมืองนอกก็มีคนไทยเยอะ ตอนนี้หนูเด็กยังแยกแยะเรื่องงานกับความสนุกอะไรไม่ค่อยได้หรอก แต่ว่าก็ต้องค่อย ๆ ยอมรับว่ามันคือชีวิตเรา แต่จะไม่เปลี่ยนตัวเอง เพราะถ้าเปลี่ยนวันหนึ่งคงระเบิดแน่นอน ค่อย ๆ ปรับจูนให้เข้ากับชีวิตเราให้ได้ ก็อึดอัดแต่เราก็ต้องอยู่ให้ได้ เดี๋ยวนี้คนโอเคขึ้น คนเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่า ดาราก็คนเหมือนกัน สมัยก่อนคนจะชอบมองดาราเป็นพระเจ้า ต้องดีทุกอย่าง อยากให้คนหันกลับมามองว่า พวกเราก็คนเหมือนกันเนอะ เพียงแต่ว่าเราทำงานในด้านนี้ อยู่ในสปอตไลต์ เราเลือกที่จะก้าวมาในจุดนี้ ไม่ผิดหรอกที่คนจะด่าหรือมองเราเวลาเราทำผิด แต่คนเริ่มเข้าใจแล้ว


เวลามีคนจับผิดหรือวิพากษ์วิจารณ์เราจัดการกับสิ่งนี้อย่างไร เช่นเรื่อง เสียงสูงที่ผ่านมา? 
ก็ต้องจัดการให้ได้ ก็หนูเป็นคนทำ อย่างแรกเลย ก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เราทำ เราผิดเองที่ทำ ก็ต้องมองว่าเรายืนอยู่ในจุดนี้ คนก็ต้องเห็นอยู่แล้ว ก็เป็นบทเรียนที่ทำให้หนูรู้ว่า เรายืนอยู่ในที่สว่างมาก ๆ ทำอะไรก็ต้องระวัง เป็นบทเรียนที่ทำให้หนูโตขึ้น และเข้าใจได้ว่า โอเคทุกคนจับตามองอยู่นะ ต้องปรับตัวเองให้ได้นะ เธอต้องไม่โจ่งแจ้ง ต้องไม่ทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว คือหนูเป็นคนเร็ว คิดเร็ว มือเร็ว สมองหนูเร็วมาก มันก็เลยผิดพลาดไปบ้าง นี่ก็ถือว่าผิดมาก เป็นสิ่งที่ทำเอง


ตัวตนจริง ๆ ของปันปันเป็นยังไง แรงเหมือนสิ่งที่สื่อออกมาหรือเปล่า? 
หนูอาจจะเป็นคนพูดแรง พูดจาโผงผางไปหน่อย แต่หนูก็ไม่ใช่คนแรงนะคะ ถามคนรอบ ๆ ตัว หนูเป็นคนตลกมาก ตลกแบบบางครั้งบางคนเขาไม่ตลกกับเรา ก็เลยกลายเป็นผิดกาลเทศะไป แต่ถามว่าหนูตรงไหม หนูตรงในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้ตรงแบบว่า ฉันคิดแล้วฉันพูดหมดเลย หนูก็กรองของหนู คนก็ชอบมองว่าหนูโดนพ่อแม่ตามใจ อย่างที่บอกว่าพ่อแม่ก็มีวิธีเลี้ยงลูกคนละแบบ พ่อแม่หนูก็มีวิธีเลี้ยงลูกแบบนี้ อยากได้อะไรก็ได้ เขาก็ตามใจหนูแหละ อยากได้กระเป๋า รถ คอนโดฯ โอเคซื้อให้ ซึ่งที่เขาให้เขารู้ว่าหนูไม่ได้หลุดไปจากกรอบของตัวเอง หนูไปเรียนตลอด หนูสอบได้ หนูทำงาน ไม่ใช่แบบนัดกองแล้วไม่ไปกอง พ่อแม่เขาอยากให้ลูกมีความสุขใช่ไหม เขาให้หนูโอเคหนูมีความสุข แต่เธอต้องอยู่ในกรอบนะ ต้องอยู่บ้าน ต้องเรียนให้ดี เขามีกรอบของเขา

 

 

เขาตามใจในเรื่องสิ่งของ แต่ก็เข้มงวดกับการใช้ชีวิต? 
เข้มมาก บางครั้งหนูมาอยู่ในจุดนี้ หนูร้องไห้ หนูมีจุดที่ตกต่ำของชีวิต พ่อแม่ไม่มีใครอยากให้ลูกเสียใจหรอก อยากให้ลูกแฮปปี้อยู่แล้ว เขาจะถามตลอดว่า เหนื่อยไหม สิ่งที่พ่อแม่เข้มงวดมาก ๆ คือ การเรียน เธอต้องเรียนให้จบ ต้องไปต่อโท ต้องจบเอก เธอต้องเป็นดอกเตอร์ จริง ๆ แล้ว หนูขี้เกียจมาก แค่ให้หนูจบตรี หนูก็ไม่รู้ว่าจะจบ 4 ปีหรือ 5 ปี ในอนาคตก็มองไว้ว่าถ้ามีงานเข้ามาเรื่อย ๆ ก็อาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้ แต่ยังไงพ่อแม่หนูก็จะคิดว่าอาชีพดาราไม่มั่นคง เธอต้องมีสมอง ต้องมีวุฒิ พ่อแม่เขาก็อยากให้เราดูดี ทุกวันนี้การเรียนก็ต้องจัดการให้ได้ ยังไงก็ต้องเข้าเรียน เพราะที่จุฬาฯ ขาดเกิน 3 ครั้งไม่ได้ หนูจะโยนตารางเรียนให้หมดเลย วันไหนไม่มีเรียนก็ถ่ายไปเลย แต่ดึกยังไง รุ่งเช้าก็ต้องไปเรียน อย่างน้อยต้องโผล่หน้าไปให้อาจารย์เห็น ก็มึนเรียนไม่รู้เรื่อง ตอนสอบก็สาหัส แต่ก็ต้องเอาให้ได้ หนูจะมาตั้งใจเรียนก่อนสอบมากกว่า มานั่งทำโน้ต ทำความเข้าใจเอง ต่อให้ไม่เข้าใจก็ต้องเอาให้ได้ หนูไม่ใช่คนเรียนเก่ง แต่เป็นคนที่จำอะไรได้เร็ว ไม่ใช่คนเก่งที่ต้องเกรดเอตลอดเวลา


ทุกวันนี้แฮปปี้กับการทำงานแม้จะข่าวเยอะ? 
ก็ต้องแยกแยะให้ได้ การทำงานคือการที่เราไปกอง แล้วเห็นเป็นซีรีส์ออกมา นั่นคือการทำงาน แต่การทำงานชอบมีผลตามมานั่นคือ ชีวิตส่วนตัวที่หนูทำตัวเองเราต้องแยกให้ได้ ไม่มีใครเคยด่าหนูเรื่องการทำงานเลยนะ อย่างซีรีส์เรื่องนี้มีแต่คนบอกว่าหนูทำได้ดี ซึ่งตรงนี้หนูโอเคแล้ว แฮปปี้แล้ว พาร์ทนั้นไม่ต้องห่วง แต่พาร์ทชีวิตส่วนตัวหนูยังจัดการไม่ได้ หนูยังเด็ก อายุ 19 เอง ประสบการณ์ยังน้อย การจัดการความคิดมันอาจจะยังน้อย ก็เสียใจกับสิ่งที่ทำไปอยู่แล้ว มันก็ท้อแหละ แต่เราก็ต้องยืนอยู่ในจุดของเรา ต้องยอมรับว่าเราย้อนเวลากลับไปไม่ได้ เราต้องอยู่ต่อไปให้ได้ แต่หนูก็จะยืนหยัดที่หนูเป็นตัวเองแบบนี้นะ ทุกคนอาจจะมองว่าแรงนะ แต่หนูจะไม่ยอมสูญเสียความเป็นตัวตนของตัวเองไปกับวงการมายา หนูจะไม่ให้ความเฟคความอะไรพวกนี้มาดูดหนูเข้าไป มีแต่คนบอกว่าหนูแรง แรงอะไรล่ะ แค่ไม่ได้เป็นนางเอกแบ๊ว อย่างที่ทุกคนเห็นทั่วไป หนูไม่ชอบ คือหนูต้องการอยู่ของหนูแบบเรียลแบบนี้


เป็นปันปันยากไหม? 
ยากสิ ทุกคนจับตามอง ข่าวเยอะ ทุกคนพร้อมจะเหยียบอยู่ตลอด เวลาที่มีเรื่องทุกคนก็ด่าหมด คนชอบด่าไปก่อน ด่าหมดทุกอย่าง มันเป็นกระแสอ่ะ พอคนเริ่มด่าทุกคนก็ด่า พอคนเริ่มชมก็ชมตามกัน


เช็กฟีดแบ็กตัวเราเองทางโซเชียลตลอด? 
เช็กค่ะ แต่ถ้าเป็นทางบวกก็จะดี แต่ถ้าเป็นเนกาทีฟเราก็อ่าน รู้ไว้ แต่ไม่เทค ไม่เก็บมาคิด สิ่งที่ลบก็เจอเยอะแยะ ก็อ่านแต่ไม่เก็บมา บางทีคนที่มาด่าเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จัก บางคนมาด่าอีน่าเกลียด หนูก็กดเข้าไปดูรูปเขา โอ้โห นี่อะไร หนูจะพยายามไม่คิด ตอนเด็ก ๆ หนูอ่านคอมเมนต์หนูนั่งร้องไห้ แบบจะมาด่าอะไรขนาดนี้ หนูไปฆ่าพ่อแม่เขาหรือไง อะไรจะเกลียดหนูขนาดนี้ มาด่าถึงพ่อถึงแม่ เห้ย เราคนเดียว ทำไมต้องด่าแบบนี้ ก็นั่งร้องไห้ อย่างล่าสุดตอนมีข่าวหนูอ่านหนูก็ร้องไห้นะ แต่ก็ต้องผ่านให้ได้

 

 

ตอนนี้มีความรักไหม? 
ความรักเหรอ มีคนผ่านไปผ่านมา แต่ว่าเราไม่ได้คบใคร ไม่ได้เข็ดนะ แต่เหนื่อยไม่มีเวลา ไม่อยากดึงเขาเข้ามาอยู่ในชีวิตที่วุ่นวายของหนู ตอนนี้ไม่อยากคบคนในวงการบันเทิงแล้ว แต่ถ้าคบคนข้างนอกนี่ก็เป็นปัญหา เพราะหนูไม่อยากดึงเขาเข้ามาในชีวิตหนูที่ยุ่งมาก คือถ้าจะคบคนข้างนอกเขาต้องเป็นคนที่ไม่อยากดัง ไม่ใช่คนที่มาเกาะปันดัง เขาต้องชอบที่ปันเป็นปัน แต่ว่าเขาเข้ามาอยู่จุดนี้ดังแน่นอน เราต้องดูดี ๆ ไม่อยากให้เขามีปัญหา ที่ไม่อยากคบคนในวงการบันเทิง ข่าวมันเยอะ เรื่องมันเยอะ มันอยู่ยาก อยากได้ความรักแบบที่อยู่ด้วยกันแล้วพากันดี เป็นผู้ใหญ่ ทำงานแล้ว ต้องรู้ว่าหนูยืนอยู่ในจุดไหน หนูไม่ใช่คนทั่วไป หนูไม่ได้เลือกเยอะนะ แต่เรื่องหนูเยอะ ปัญหารอบตัวหนูนี่ พันกันมั่วไปหมด หนูไม่อยากให้ใครเข้ามาในความวุ่นวายของหนู กลัวเขาโดนลากเข้ามาเอี่ยว


เพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัยมีคนจีบไหม? 
ไม่มี ถามจริง ๆ ใครจะกล้าจีบ เห็นในข่าวก็แรงจะตายอยู่แล้ว เป็นดาราอีก คือคนที่เข้ามาต้องมั่นหน้าจริง ๆ หนูไม่ใช่ผู้หญิงที่มีคนจีบเยอะ หนูโสดมาก โอกาสที่จะเจอคนอื่นก็ยากมาก ถึงได้ไม่มีอะไรนี่ไง ก็เหงาแหละ แต่ชีวิตเราก็ยุ่งพอแล้ว หนูติดเพื่อน ชอบอยู่กับเพื่อนแล้วสบายใจ ทำอะไรก็ได้ นั่งเมาท์กันไป เพื่อนผู้ชายก็เป็นเพื่อนจริง ๆ เวลาอยู่ข้างนอกหนูหน้าหยิ่งด้วย คนที่จะเข้ามามันต้องมีคอนเนคชั่นจริง ๆ อยู่ดี ๆ เดินเข้ามาแล้วบอกเธอขอเบอร์หน่อยสิ ก็ไม่ให้ป่ะ แล้วหนูเป็นคนไม่มองหน้าใคร ที่มีคนบอกว่าหยิ่ง แต่หนูแทบจะไม่ได้มองหน้าใคร ก็เดินของหนูไป จริง ๆ ไม่มีคนใกล้ตัวบอกว่าหนูหยิ่งเลย หนูเป็นคนที่เฟรนด์ลี่มาก ๆ ถ้าเป็นเพื่อนของเพื่อนนี่เข้ามาเลย แต่ถ้าคนไม่รู้จักจะให้หนูทำยังไง จะให้หนูเดินยิ้มให้ทุกคนเหรอ มันก็แปลก มันยิ้มตลอดเวลาไม่ได้ แต่ถ้าเดินห้างบางทีเราเดินก็ไม่ได้มองคน เราก็เล่นโทรศัพท์คุยโทรศัพท์ของเราไป


สิ่งที่ทำให้ปันปันอยู่อย่างแข็งแกร่งในวงการบันเทิงได้คืออะไร? 
เป็นเรื่องของงานมากกว่าค่ะ แล้วก็ผู้ใหญ่ คนรอบ ๆ ตัวเรา ถ้าผู้ใหญ่ทาง GDH เขาไม่เอ็นดูหนู เขาอาจจะไม่เอาหนูแล้วก็ได้นะ เพราะชีวิตส่วนตัวหนูมันหนักมากถ้าเทียบกับคนอื่น เป็นดาราต้องเป็นตัวอย่างที่ดีแหละ มันก็ต้องมีเรื่องภาพลักษณ์ ซึ่งดาราก็ต้องมีสองด้าน คือชีวิตส่วนตัวกับการทำงาน ชีวิตส่วนตัวเราก็ต้องจัดการให้ได้ด้วย มันก็คือหน้าตาของเราในสังคม มันไม่มีส่วนตัวหรอกเป็นดาราอ่ะ เราจะมาคิดว่าไม่ต้องมาดูฉันเป็นตัวอย่างที่ดีหรอก เราคิดแบบนั้นไม่ได้ เราต้องโอเค ต้องทำให้คนไม่เกลียด ถ้าคนด่าตลอดมันอยู่ไม่ได้หรอก เราทำงานเราก็หวังให้เขาชื่นชอบผลงานของเรา

 

: ปันปัน สุทัตตา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • "มิกซ์" ฉะเดือด "ปันปัน" ปมบาร์ลับ!
  • "ปันปัน" เดือด! พร้อมจัดการแก๊ง "The Jungle"
  • "แหม่ม" กุมขมับ! กลัว "เต" เจอเนื้อคู่
  • "โลกจะต้องรู้จักแอน!" เตรียมเซอร์ไพรส์จัดหนักในภาพยนตร์หลอนระทึกแห่งปี "FACES OF ANNE แอน" 13 ต.ค.นี้
  • ปีนี้ทุกคนจะชื่อ แอน พบตัวอย่างแรก Faces of Anne แอน 13 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :