ข่าว > ข่าวดาราทั้งหมด > สัมภาษณ์ดารา

'กบ สุวนันท์' สอนลูกล้มแล้วลุกขึ้นสู้ เรียนรู้ที่จะอดทนและแพ้เป็น

15 ส.ค. 2559 17:54 น. | เปิดอ่าน 1524 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

บทบาทหน้าที่ที่เปลี่ยนไปจากนางเอกยอดนิยมมาเป็นคุณแม่ลูกสอง ทำให้ชีวิตของ กบ - สุวนันท์ ปุณณกันต์ เปลี่ยนไปไม่น้อย ทำให้กบเองต้องห่างหายจากงานหน้าจอไปบ้าง แต่ชีวิตการเป็นคุณแม่ของเธอก็มีสิ่งให้เรียนรู้มากมาย ซึ่งลูก ๆ ทั้งสองของเธอทั้ง น้องณดา - ด.ญ.ปุณณดา และ น้องณดล - ด.ช.ปุณณดล ปุณณกันต์ ก็เป็นส่วนที่มาเติมเต็มให้ครอบครัวของกบสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เนื่องในโอกาสวันแม่นี้ "ดาวต่างมุม" เลยต้องมาอัพเดทชีวิตของแม่กบคนนี้กันหน่อย 

ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์ / ภาพ: @kob_nada_nadol (IG)


เป็นคุณแม่ลูกสองต่างจากตอนเป็นแม่ลูกหนึ่งอย่างไรบ้าง? 
ต่างกันมาก ไม่เคยคิดเลยว่า ชีวิตจะวุ่นวายได้มากขนาดนี้ คือจากคุณแม่ลูกหนึ่ง ตอนนั้นเราก็คิดว่า เราเป็นแม่แล้วชีวิตเปลี่ยนไป แต่พอเราเริ่มเข้าระบบ เข้าที่เข้าทางแล้ว เราจัดการมันได้ มันก็จะง่าย พอมีสองคนนี่ยากมาก เพราะเราแยกร่างไม่ได้ พอมีคนเดียวเราก็ทุ่มเวลาให้เขาเต็มที่ เราคิดจะพักก็ได้ แต่พอมีสองคนระบบการจัดการทุกอย่างรวนหมดเลย งง กบทำอะไรไม่ถูกเลยตอนเริ่มต้น ตอนนี้ก็ยังยากอยู่ สำหรับตัวกบเองนะ กบแค่รู้สึกว่า ถ้าเราให้คนเล็กน้อยเราก็จะรู้สึกผิดด้วยตัวของเราเอง เพราะลูกคนเล็กเราก็ต้องให้เวลากับเขาด้วย จนกระทั่งต้องมีพี่เลี้ยงมาช่วยสำหรับคนเล็ก คือมีพี่เลี้ยงช่วยเรารู้สึกว่ามันสบายแล้ว แต่ในความรู้สึกเราก็ยังรู้สึกว่าไม่ได้สิ เราต้องให้คนเล็กด้วย เราต้องจัดสรรเวลาให้ได้


ไม่ใช่ว่ามีประสบการณ์จากลูกคนโตมาแล้วจะทำให้เลี้ยงสบายขึ้นเหรอ? 
คนที่สองเนี่ย สำหรับกบเองคิดว่าการที่เราจะมีโอกาสเข้าไปในชีวิตเขาเนี่ย มันสบายขึ้นจริง ๆ ค่ะ อย่างคนแรกนี่ กบจะไม่รู้ งง ตื่นตระหนกตกใจ แล้วก็จะทำยังไงดี เครียด แต่คนที่สองนี่สบายมาก ชิล อ๋อ ประมาณนี้แหละ แค่นี้แหละ ตอนลูกคนแรกลูกไม่กินข้าว ไม่กินนม โอ๊ย !จะเป็นจะตาย พอเราเริ่มรู้ว่า เขาไม่ได้ตายง่าย ๆ หรอก (หัวเราะ) คนที่สองเราก็จะชิลมากขึ้น แต่ของกบเองยากในเรื่องของการจัดการมากกว่า เรื่องของระบบเวลา เรื่องของเด็กแต่ละคน ณดลมีความแตกต่างจากณดามากพอสมควร เราก็เหมือนเรียนรู้ใหม่ แต่เราไม่ไปซีเรียสกับมันมากเกินไป ทำให้การเลี้ยงดูคนที่สองนี้ง่ายขึ้น แต่อาจจะเป็นด้วยที่เขาก็เป็นเด็กที่ง่ายมาก จริง ๆ ณดลเขาทำทุกอย่างยากกว่าณดานะคะ แต่ว่าใจเราปล่อยมากกว่า ก็เลยดูเขาแข็งแรงกว่า เรียนรู้อะไรได้เร็วกว่า เขาทำตามพี่ แต่ที่คนชอบถามว่าเลี้ยงลูกนี่มันยากตรงไหน ก็ยากเรื่องกินเรื่องนอนนี่แหละค่ะ เรื่องกินเรื่องนอนนี่ณดาง่ายมาก แต่ในรายละเอียดต่าง ๆ ใจเราไม่ปล่อยมาก เราก็กังวลเรื่องโน้นเรื่องนี้ แต่คนที่สองใจเราปล่อยก็ง่าย


เลี้ยงลูกชายกับลูกสาวนี่ต่างกันไหม? 
เริ่มต้นนี่ไม่ต่างกันในขวบปีแรก เพราะอยู่แค่ กิน นอน เล่น ดูไม่ให้หกล้ม ให้เขาได้ออกกำลังกาย กินอาหารให้ครบ แต่พอเริ่มโตนี่เห็นได้ชัด ณดาเนี่ยจะเล่นอะไรก็ไม่แรง จะทำอะไรก็ซอฟต์ พูดอะไรค่อนข้างเชื่อ แต่ณดลนี่เล่นอะไรแรงมาก ดื้อ เป็นตัวของตัวเองมากกว่า เรื่องที่เรากับเขาจะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้วยกันมันก็ต่างกัน อีกอย่างที่ต่างคือ ณดลจะทำอะไรทุกอย่างเกือบจะเหมือนพี่สาวหมด เพราะของเล่นทุกอย่างในบ้านจะเป็นสีชมพูหมด ณดาใส่รองเท้าส้นสูง ณดลจะเลียนแบบพี่ทุกอย่าง พี่พูด "คะ" ก็จะพูด "คะ" ด้วย ด้วยความที่เขาเป็นเด็กผู้ชายเราก็จะค่อย ๆ สอนเขา แยกเขาในบางขณะ แต่ของพวกนี้กบไม่ได้ซีเรียสนะ คนมันจะเป็นมันก็เป็นอ่ะ (หัวเราะ) จะเป็นก็เป็นมา แต่เนื่องด้วยสิ่งแวดล้อมการดูแล เขาเป็นเด็กผู้ชายเราก็ต้องสอนแบบเด็กผู้ชาย ณดาล้มเราอาจจะเข้าไปหาเร็วหน่อย แต่ณดลล้มเราก็อาจจะปล่อยให้ลุกขึ้นเอง ณดาใส่ส้นสูงเขาก็จะใส่ส้นสูงด้วย เราก็จะต้องบอกว่า นี่มันเป็นของเด็กผู้หญิง น้องณดลใส่ส้นสูงไม่ได้นะ เราก็แค่ใส่ข้อมูลให้เขา แต่จะไม่ไปห้าม หรือตั้งอกตั้งใจเลี้ยงให้เขาเป็นเด็กผู้ชายเลย คือวัยเขาที่เขาทำเพราะเขาทำตามพี่ ก็ไม่เป็นไร แต่นอกนั้นก็คล้าย ๆ กันหมด

 

 

กบเป็นคุณแม่ที่เฮี้ยบมากไหม? 
เฮี้ยบมากค่ะ กบเป็นแม่ที่ค่อนข้างเข้มงวด แล้วก็เป็นระเบียบแบบแผน เป็นระบบ แล้วก็ดุ แต่ว่าหลัง ๆ นี่กบก็เบาลงเยอะ คือเฮี้ยบมากจนรู้สึกว่าณดาเขาเปลี่ยนไป เขาขาดความมั่นใจ เขากลัวเรา เราก็รู้สึกว่าเริ่มไม่ค่อยดีสำหรับลูก ก็ไปปรึกษาคุณหมอ เขาก็ให้คำแนะนำ ต่าง ๆ และเราก็พยายามปรับเปลี่ยนตัวเอง เพื่อที่มันจะไม่ส่งผลเสียไปกับลูกได้ ณดาเขาก็จะดีขึ้น


น้องณดาเริ่มโตกบเลี้ยงเน้นเรื่องใดเป็นพิเศษ? 
เป็นช่วง ๆ มากกว่าค่ะ ว่าช่วงนี้เขามีอะไรที่ไม่ค่อยดีแล้วค่อยเน้น กบไม่ได้เน้นเป็นเรื่องหลักใหญ่เป็นพิเศษ คนเป็นแม่อะเนอะ รายละเอียดทุกอย่างเราเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอยู่แล้ว เห็นเรื่องอะไรเกิดขึ้นเราก็จะพยายามบอกเขา อย่างนั่งรถไป ฟังเพลงไปดี ๆ แต่เมื่อไหร่ที่กบหยิบโทรศัพท์ปุ๊บ ณดาจะพูด เพื่อที่จะเรียกร้องความสนใจ กบก็จะบอกว่า ณดาคุณแม่คุยโทรศัพท์อยู่ อย่าเพิ่งพูด อยากได้อะไรต้องรอ คือเด็กเขาจะไม่รู้ว่าอะไรต้องรอ อย่างเรื่องกินข้าวเขาโตแล้ว ต้องหัดกินข้าวเอง เราก็จะบอกเขา หรือเวลาที่เขาไปเล่นสเก็ตแล้วเขาล้ม เราก็จะสอนเขาว่า ล้มแล้วร้องไห้ เสียใจใช่ไหม แต่เดี๋ยวเราลุกไปเล่นกันต่อ ถ้าณดาหกล้มแล้วไม่ลุกขึ้นมา ณดาก็จะไม่ได้เล่นอีกเลย ณดาต้องต่อสู้ต้องพยายาม แล้วบางทีเขาก็จะมาแบบ ทำไมหนูยังเล่นไม่ได้ ณดาขาของบางอย่างมันก็ต้องใช้เวลานะลูก สอนทุกเรื่องนะ ไม่มีสอนเรื่องใดเรื่องหนึ่ง


มีอารมณ์อิจฉาน้องบ้างไหม? 
มีค่ะ แต่เขาไม่ใช่คนที่อารมณ์แรง เวลาอิจฉาเขาก็จะเรียกร้องความสนใจบางอย่างแค่นั้นเอง การอิจฉาน้องเนี่ย ลูกสองคนมันมีอยู่แล้ว แต่กบก็จะพยายามทำทั้งสองคนเท่า ๆ กัน แต่บางครั้งมันก็เท่ากันไม่ได้หรอกในโลกของความเป็นจริง แต่ก็จะพูดตลอดว่า แม่รักณดานะ แต่แม่ต้องรักน้องด้วย เวลาซื้อของอะไรก็จะบอกว่า วันนี้วันเกิดน้องต้องซื้อให้น้องนะลูก ณดาต้องรอเพราะวันนี้ไม่ใช่วันเกิดณดา ณดาก็รักน้องนะ ณดลก็รักพี่ กบก็จะพยายามให้ณดาเห็นว่า น้องนี่เขารักหนูนะลูก ดูสิเขาพูดชื่อหนูก่อนพ่อกับแม่อีก ให้เขาได้เห็นว่า น้องรักเขานะ ไม่ใช่น้องมาแย่ง อย่างณดลกบก็จะบอกเขาว่า พี่ณดารักน้องนะ โตขึ้นณดลดูแลพี่ณดาด้วยนะลูก ก็จะพูดตลอด แต่ณดลเขาก็ยังเล็ก และณดลเนี่ยกบไม่ค่อยออกฤทธิ์กับเขาเยอะ เขาก็จะไม่กลัวแม่ จะเอาอะไรต้องเอาให้ได้ แต่เมื่อไหร่ที่กบไม่ยอม เขาก็จะบอกว่า ขอโทษครับคุณแม่ ด้วยความที่เขาเป็นลูกคนเล็กเขาก็จะมีวิธีการอ้อนที่น่ารัก

 

 

เวลาที่ลูกดื้อมาก ๆ มีวิธีปราบยังไง? 
เวลาที่ดื้อมาก ๆ ก็จะปล่อยเลย ถ้าอะไรเกิดขึ้นค่อยชี้ให้เห็นผลทีหลัง หรืออย่างที่สองก็เสียงดังใส่ เสียงสูงปรี๊ดเลย เคยทำมาหมดแล้ว อันที่สามดื้อมากไม่ไหว ลงมือตี ก็มีค่ะ ทำมาหมดแล้ว ก็ใช้หลาย ๆ วิธี บางครั้งวิธีนั้นได้ผล วิธีนี้ไม่ได้ผล แต่ส่วนใหญ่พอผ่านเหตุการณ์ไปแล้วก็จะบอกว่า คุยกัน ชี้แจงให้เห็นแม่ไม่ชอบ ณดานี่จะเห็นฤทธิ์กบเยอะ จะรู้แล้วเวลาที่แม่ไม่ชอบเป็นอย่างไร แต่ณดลนี่กบจะใช้แบบนิ่งเฉยเอา ก็จะบอกว่า แม่ไม่ชอบนะ แม่เสียใจที่เป็นแบบนี้ บางครั้งเขาก็หยุด บางครั้งไม่หยุดก็ต้องใช้วิธีอื่น


แบ่งเวลาให้ลูกแล้ว ความหวานกับพี่บรู๊คล่ะ? 
น้อยมากค่ะ ยิ่งกบนอนกับลูก พี่บรู๊คนอนคนเดียว แต่บางทีที่ลูกนอนแล้ว เราก็จะมาดูหนังด้วยกัน คุยกัน หรือวันไหนพี่เลี้ยงอยู่ก็ไปนอนดูหนังกันบ้าง ไปกินข้าวกันบ้าง ก็ยังหอมกันทุกครั้งก่อนนอนและก่อนไปทำงานนะคะ หอมกัน จุ๊บกัน ความสวีทหวานแบบช่วงแรก ๆ มันก็คงจะไม่ใช่แล้ว แต่ว่าเวลาไปไหนได้อยู่ด้วยกันมีลูก เห็นลูกทำอะไรน่ารัก ก็จะหันมาบอกกันว่า น่ารักเนอะ มีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องลูกให้ได้คุยกัน มันเหมือนเป็นความผูกพัน มันก็โอเคนะ ยังรักกันเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ใช่แบบสวี้ด สวีท กบก็จะพยายามถามว่าพี่บรู๊คโอเคไหม พี่บรู๊คเขาก็ทำงานหนักมาก


จริง ๆ แล้วอยากให้น้องณดาทำงานในวงการบันเทิงหรือเปล่า? 
กบไม่ได้รู้สึกอยากหรือไม่อยาก แต่คิดว่าถ้าได้ทำก็ดี เป็นประสบการณ์ที่ดี กบมองแง่ดีหมด แต่เวลาเลือกรับงานลูกนี่ก็จะดูว่าเขาทำได้ไหม สนุกไหม ชอบไหม และมันยากเกินไปสำหรับเขาจนเขาเครียดไหม หรือทำแล้วมีผลกระทบต่อจิตใจ เช่น มีงานละครติดต่อมาแล้วเขาต้องร้องไห้เยอะมาก กบคงไม่เอา เพราะเขายังไม่เข้าใจว่าอันนี้คือละคร ทำไมเขาต้องร้องไห้เสียใจ ให้ลูกเสียใจบ่อย ๆ มันก็ไม่ดีหรอก ถ้างานโฆษณาที่ให้ทำคือมันง่าย แค่วิ่งแล้วทำอย่างนั้นอย่างนี้ เขาสนุกและมีความสุข เขาชอบที่จะทำ กบก็ไม่ปฏิเสธ เพราะกบถือว่าเป็นโอกาสดี ๆ ที่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมี กบไม่ค่อยจะปัดโอกาสดี ๆ ถ้ามองในแง่ดีเขาก็ได้เรียนรู้ ได้ทำงาน กบมักจะสอนเขาว่าเวลาทำงานเราก็จะได้เงิน อยากไปเที่ยวไหนหรือทำอะไร แม่ก็จะใช้เงินนี้นะในการซื้อของ ก็เป็นส่วนในการสอนเขาอีกแบบ กบว่ามันดีนะ ไม่ใช่มันไม่ดีหรอก แต่เราก็ต้องดูที่มันโอเคด้วย

 

 

ลูก ๆ มีพ่อแม่เป็นบุคคลสาธารณะ ในเรื่องของการวางตัวจะบอกเขายังไง? 
ในเรื่องนี้เราจะ ดึงเขากลับไปเป็นคนธรรมดาทั่วไป ที่ไม่มีใครรู้จักมันทำไม่ได้ เพราะเขาเกิดมากับตรงนี้ ก็จำเป็นต้องยอมรับในสิ่งที่เป็นไป เวลาสอนเขาก็จะบอก อย่างเวลาคนมาขอถ่ายรูป กบก็จะให้สิทธิเขาในการตัดสินใจว่าเขาจะถ่ายหรือไม่ถ่าย ถ้าเขาถ่ายก็โอเคยิ้ม แต่ถ้าเขาอารมณ์ไม่ดี ไม่ถ่าย เราก็จะบอกว่า พี่เขารักหนูนะลูก เขาชอบหนู เขาก็เลยอยากจะขอถ่ายรูปด้วย แต่ถ้าหนูไม่อยากถ่ายตอนนี้หนูก็ต้องพูดเพราะ ๆ บอกเขาดี ๆ คือเด็กมีสิทธิที่จะเลือกว่าเขาจะทำหรือไม่ทำ แต่เขาก็ต้องมีวิธีการบอกที่เหมาะสม ไม่ใช่ว่าหน้าหงิกเดินวิ่งหนี ซึ่งมันไม่น่ารัก ก็สอนให้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้


ณดาดูเป็นเด็กกิจกรรมแน่นมาก? 
กบไม่ได้เตรียมไว้เพื่อให้เขาเข้าวงการนะคะ สิ่งต่าง ๆ ที่ณดาทำตอนนี้ จุดเริ่มต้นต่าง ๆ มันมาจากกบเอง คือกบเป็นคนที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสทำสิ่งเหล่านี้ตอนเด็ก สิ่งต่าง ๆ ที่กบได้ทำคือ เรียนเลข เรียนวิทยาศาสตร์ เรียนภาษาอังกฤษ เรียนวิชาการหมดเลย ทั้งที่เราก็ชอบร้องรำทำเต้น เราก็รู้สึกว่าการที่ได้ทำอะไรแบบนี้ เราชอบแล้วเรามีความสุข ทุกวันนี้ที่ให้ณดาทำก็เป็นแนวสันทนาการ ความสามารถพิเศษทั้งนั้น เรารู้สึกว่าการเรียนหนังสือเก่งไม่เก่ง โตขึ้นไปไม่สามารถบอกได้ว่าเราจะประสบความสำเร็จหรือไม่ การเรียนเปียโนกว่าจะได้สักเพลง มันนานและมันต้องใช้ความอดทน การที่จะเล่นกีฬาแล้วรู้จักที่จะล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แพ้บ้างเจ็บบ้าง ไม่ต้องชนะเสมอไปก็ได้ เพราะว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มันสอนชีวิตเขาได้มาก กบตั้งเป้าไว้เลยว่าลูกจะต้องเรียนดนตรีหนึ่งอย่าง เพื่อให้เขารู้ว่าความอดทน มานะพยายามกว่ามันจะสำเร็จ การเล่นกีฬาแพ้มันเป็นยังไง เราไม่ได้เก่งกว่าใครเสมอไป การล้มเจ็บแล้วลุกขึ้นมาสู้ใหม่ มันต้องทำยังไง ชีวิตเขาต้องผ่านตรงนี้ให้ได้ สิ่งที่กบให้ลูกทำนี่ส่วนหนึ่งมันก็สอนชีวิตเขา ทำให้เขามีความสามารถพิเศษติดตัว เขาก็เอ็นจอยกับทุกอย่างนะ กบเตรียมพร้อมเขาสำหรับชีวิตเขาในอนาคตมากกว่า ให้เขาได้มีความคิดสร้างสรรค์และดึงเอาศักยภาพในตัวออกมาใช้บ้าง


อยากจะพูดอะไรถึงแม่ ๆ ในเทศกาลวันแม่ไหม? 
สำหรับตัวกบเอง ไม่ค่อยได้มีโอกาสใกล้ชิดแม่ กอดแม่ ด้วยความที่รุ่นกบนี่เราเลี้ยงกันแบบ รักกันนะ แต่ไม่ค่อยได้แสดงออก ซึ่งถ้ามีโอกาสกบก็จะทำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คือกบเข้าใจแล้วว่า คนเป็นแม่เนี่ย มันเหมือนเป็นงาน เป็นหน้าที่ เป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสมาก คนเป็นแม่เนี่ยจะลำบากลำบนแค่ไหน เหนื่อยแค่ไหน ก็จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อลูก เพราะฉะนั้นถ้าฝากขอบคุณแม่แล้ว บอกรักแม่แล้ว ก็จะบอกลูก ๆ ทุกคนให้รู้ไว้ว่า สิ่งที่แม่ทำ สิ่งที่แม่เป็น ไม่ว่าจะผิดจะถูกมากน้อยแค่ไหน ครั้งหนึ่งที่ผ่านมา หรือทั้งชีวิตของเขา เขามีแต่ความรักความอดทน ความมุ่งมั่น ความอยากให้ได้ดี ลูกบางบ้านจะรู้สึกว่าแม่ขี้บ่นจังเลย ลูกบางบ้านจะรู้สึกว่าแม่พูดไม่รู้เรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่สิ่งทั้งหลายทั้งปวงมันเกิดจากความรักที่มีต่อลูก ตอนนี้กบก็รู้ซึ้งและรู้แล้ว คือบางคนไม่กล้าที่จะบอกรักแม่ กอดแม่ ล้างเท้าแม่ ขอขมา ขออโหสิแม่ แต่กบทำได้หมด เพราะกบแค่คิดว่าชีวิตคนเรานี่ไม่รู้จะไปเมื่อไหร่ ช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันนี่ ทำให้มันเต็มที่ ทิ้งศักดิ์ศรี ทิ้งความอาย แล้วก็ไปทำ ซึ่งทุกครั้งที่กบทำแม่ก็จะน้ำตาคลอเลย เขาก็จะรู้สึกว่า เออ ได้มีโอกาสระลึกถึงบุญคุณเขาจริง ๆ บ้าง

 

: กบ สุวนันท์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • แฟนละครมีเฮ คู่ขวัญ “บรู๊ค-กบ” คืนจอในรอบ 17 ปี ซีรีส์ “ไดมอนด์ อายส์ 2”จ่อคิวออนแอร์!!
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :