เรียกว่ากำลังเข้มข้นจริง ๆ สำหรับละครเรื่อง "ทายาทอสูร" ค่ายดีวัน ทีวี ของผู้จัด น้อง - พรสุดา ต่ายเนาว์คง ออกอากาศทางช่อง 3 ที่ถูกแฟนละครจับตามองตั้งแต่มีข่าวว่าหยิบมารีเมคใหม่ แต่พอละครออกอากาศกระแสตอบรับดีเกินคาด เพราะคนพูดถึงทั้ง "คุณยายวรนาฏ" ที่รับบทโดย "เบนซ์ - พรชิตา ณ สงขลา" รวมถึงนางเอกน้องใหม่ลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส อย่าง ไหยหยา - วรินทร์ลดา ปิยะวิรัทธิ์ ที่รับบท "วรินทร์" ก็โชว์ฝีมือถูกใจผู้ชมแบบไม่น่าเชื่อว่าเป็นน้องใหม่ของช่อง 3 วันนี้ "ดาวต่างมุม" เลยคว้าตัวน้องไหยหยามาพูดคุยถึงจุดเริ่มต้นในวงการบันเทิงว่ามีที่มาอย่างไร ทำความรู้จักน้องไหยหยากันให้มากขึ้นจากบทสัมภาษณ์ได้เลยจ้า
ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์ / ภาพ: @warin_lada (IG)
กระแสละคร ทายาทอสูร ดีมาก ในฐานะที่เป็นเด็กใหม่รู้สึกยังไงบ้าง?
คนพูดถึงเยอะมากเลยค่ะ (ยิ้ม) พอไปห้างจะได้ยินคำว่า "คนนี้ไง ๆ ทายาทอสูร" ทุกครั้ง บางคนบอกหนูเล่นแข็ง บางคนบอกเล่นดี บางคนบอกหน้าสวย บางคนก็บอกทำจมูกมาแน่ ๆ คือดูเป็นความคิดที่ต่างกันมาก แต่จริง ๆ มันคือเรื่องเดียวกัน ตอนเล่นเราตั้งใจเท่าที่เราจะทำได้ ไม่ได้กดดันว่าคือละครรีเมค แต่พอละครออนแอร์หนูเริ่มกดดัน เพราะคนรอดูเยอะมาก ถ้ากระแสบวกเยอะ ลบก็ต้องเยอะแน่ ๆ เลยทำใจให้สบาย คุยกับตัวเองว่าเราทำเต็มที่ในฐานะนักแสดงแล้ว ฉะนั้นไม่ว่าผลจะเป็นยังไงเราน้อมรับทั้งสองกระแส เขาติชมมายังไงจะได้พัฒนาในอนาคต ซึ่งผู้กำกับ และคนเขียนบทก็ค่อนข้างเชื่อในตัวนักแสดง เขารู้เราตั้งใจไม่อยากให้เราคิดมากกับกระแส แต่คนพูดถึงหนูเยอะจริง ๆ นะคะ แต่ก่อนอยู่ข้างนอกคนจะมองเรานะ แต่คงจำไม่ได้ ตอนนี้คนรู้จักจากทายาทอสูร บางทีได้ยินผ่านลมว่า "ทำไมเจอตัวจริงสวยกว่าในละคร" (หัวเราะ) ซึ่งคิดว่าต่อไปต้องแต่งหน้าให้ดี ๆ เพราะคนจำได้มากขึ้นแล้ว
ตอนแรกที่ผู้ใหญ่ติดต่อมาให้เล่นเรื่องนี้กดดันไหม?
หยาแอบเห็นบทมาเป็นปีแล้วนะ แต่มีรายชื่อคนอื่นที่จะมารับบทนี้ เราเลยไม่สนใจเพราะคิดว่ายังไงก็ไม่น่าจะเป็นเรา จนถ่ายละคร "ลูกผู้ชายเลือดเดือด" จบพี่ที่ช่องก็โทรฯมาบอกว่าเราได้เล่น "ทายาทอสูร" หนูตกใจมากกลับไปจัดคิวเรียนแล้วก็ตอบตกลงเลย หนูไม่รู้ผู้ใหญ่คนไหนให้เราเล่น แต่เราภูมิใจมาก ที่สำคัญคนเขียนบทให้โอกาสหนูเขียนบทเพิ่มให้ จริง ๆ โฟกัสหลักจะอยู่ที่พี่เบนซ์ ที่เป็นคุณยายวรนาฏ แต่บท "วรินทร์" ที่หนูเล่นเรียบมาก ก็คิดเยอะจะทำยังไงให้คนดูไม่รู้สึกว่าเราเล่นน้อย ทั้งที่บทเขาคือคนดี ดีจนไม่มีอะไรไม่ดี กระทั่งเขาให้หนูเล่นบท "ยายทรัพย์" ย้อนอดีตมีอสูรมาเข้าสิงอีก ถือเป็นบทหนึ่งที่ดีที่สุดในชีวิตหนูก็อยากให้คนดูสนุกกับเรื่องนี้ ถึงแม้มันรีเมคก็แตกต่างตามยุคสมัย เวอร์ชั่นนี้เน้นความสัมพันธ์ของครอบครัว กฎแห่งกรรม ศีลธรรม เลยเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ อยากให้ติดตามจนจบกันค่ะ
เรื่องทายาทอสูรได้เจอพี่ๆ นักแสดงเก่งๆ หลายคนด้วย?
ใช่ค่ะ รู้สึกอุ่นใจที่เล่นกับพี่ ๆ โดยเฉพาะพี่เบนซ์ - พรชิตา พี่เขาเก่งมาก ดูไม่ออกว่าพี่เขาจะกดดันไหมในการรับบท คุณยาย วรนาฏ ที่ต้องรีเมคใหม่ เพราะเวอร์ชั่นเก่าก็ทำไว้อย่างดีเยี่ยม แต่พี่เขาเล่นเก่งมากจริง ๆ จนมาเห็นกระแสเรื่องรีเมคเรารู้สึกได้ว่าพี่เขาต้องกดดันนิดนึงแน่ ๆ แต่โดยรวมละครออกมาดีมาก ยิ่งเรื่องภาพหรือมุมกล้องสวยเหมือนหนังคนดูก็ชอบเยอะค่ะ
ย้อนไปจุดเริ่มต้นในการเข้าวงการของเรานิดนึง?
หยาเริ่มถ่ายโฆษณาตั้งแต่ 6 ขวบค่ะ รวมๆ ทั้งหมดเกือบ 60 ชิ้น แต่ที่คนจำหนูได้ที่สุด คือ ชุดของทเวลฟ์ พลัส จนมาเรียนที่จุฬาฯ ก็หยุดงานไป 1 ปีเพื่อเรียน ก่อนไปแคสติ้งค่ายเป่าจินจง ได้เล่นละคร "สาปพระเพ็ง" เป็นละครเรื่องแรก แต่บทน้อยมาก ถ่ายจบก็หยุดไปทำกิจกรรมเป็นดรัมเมเยอร์ของมหาวิทยาลัย ค่อยกลับมาคุยกับช่อง 3 และเซ็นสัญญาค่ะ
เราชอบการแสดงมาตั้งแต่แรกหรือเปล่า?
จริง ๆ เป็นคนขี้อายมาก เวลาไปถ่ายโฆษณาทีไรรู้สึกเหมือนตัวเองไปสนามรบ (หัวเราะ) เข้าห้องไปทำแล้วออกมาบอกแม่ว่าแอ๊คติ้งไม่ได้เลย แม่จะบอกทันทีว่า ถ้าไม่ได้คราวหลังหนูก็ไม่ต้องมาแล้ว ถ้าอายก็อยู่บ้านแล้วกัน (หัวเราะ) ไม่คิดว่าจะเป็นนักแสดงได้ หน้าตาเราก็ไม่เพอร์เฟกต์ จนมาเล่นละครสาปพระเพ็ง มีความสุขตอนที่เราอ่านบทของคนอื่น ทำไมมันสนุกอย่างนี้ เป็นสิ่งใหม่ที่เราอยากเรียนรู้ จนมาเล่นทายาทอสูรทุกครั้งที่บทจะออก ความรู้สึกเหมือนคนลุ้นหวยเลยค่ะ (หัวเราะ) เวลาบทมา อยากรู้เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป
ชีวิตเปลี่ยนมาอยู่ในวงการแล้วต้องดูแลยังไง?
ตอนเรียนเราทำงานเป็นงานอดิเรก แต่พอเรียนจบเราคือผู้ใหญ่เต็มตัว คืออาชีพหนึ่งที่ต้องทุ่มแรงกายแรงใจ แต่มีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ คนชอบบอกว่าเด็กสมัยนี้เข้าวงการมาง่าย เพราะมีหลายช่องทาง แต่อยู่ในวงการให้ยาวนานยากนะคะ ทุกคนสวยหมด มีความสามารถเยอะ เราไม่รู้อนาคตต่อจากนี้จะเป็นยังไง ถ้าเราไม่พยายามทำให้ดีตามมาตรฐาน หยามองว่าตอนนี้ตัวเองเป็นแค่เด็กฝึกงานในวงการ ยังรอฟังผลจากผู้ชมและผู้ใหญ่ในช่องว่าการฝึกงานของเราครั้งนี้ผ่านหรือยังค่ะ (ยิ้ม)
พอเป็นนักแสดงจริง ๆ แล้วมุมมองต่อวงการเปลี่ยนไปหรือเปล่า?
สิ่งแรกที่คิดได้คือ ต้องพัฒนาขึ้น และรักษามาตรฐานในการทำงาน ชีวิตนักแสดงจริง ๆ ไม่ได้สบายทุกฝีก้าวนะคะ ออกกองทั้งร้อนและเหนื่อย อยากนอนเราก็ต้องสู้ ไม่มีคำว่าเลิกหรือทิ้งกองได้ สุขภาพกายใจต้องแข็งแรง และการจะเข้าใจตัวละครได้ หนูว่าเราต้องเข้าใจตัวเองก่อนว่าเรารู้สึกยังไง ต้องฝึกสมาธิมาก ๆ หนูก็พยายามฝึกแม้ตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ค่ะ
กลัววงการบันเทิงจะทำให้ตัวตนเราเปลี่ยนไปไหม?
หนูยังไม่ถึงจุดหลงไปกับวงการ แต่เรารู้ตัวว่าเราเป็นคนยังไงหยาอยากเป็นคนที่ดีที่สุดในแบบที่เราเป็น ฉะนั้นเราคงเตือนตัวเองและสอนตัวเองได้ หรือไม่เรายังมีคนรอบข้างคอยเตือน แต่ก็ยังจะระวังทุกฝีก้าวที่เดิน หยาจะไม่แข่งกับใคร นอกจากแข่งกับตัวเอง แม้นางเอกในช่องจะเยอะ แต่ไม่มีใครเหมือนกันหรือทดแทนกันได้ ฉะนั้นเป็นตัวเรานี่แหละดีที่สุด ที่สำคัญอย่าให้วงการเปลี่ยนตัวตน แค่หาจุดที่อยู่ตรงกลางเพื่อรักษาสมดุลเอาไว้ให้ได้มากที่สุดค่ะ
อยู่วงการไปสักพักข่าวลือต่าง ๆ ทั้งดีและไม่ดีจะเริ่มเข้ามารับมืออย่างไร?
ตอนนี้ยังไม่มีเรื่องอื่น ๆ ที่น่ากลัว มีแต่โดนว่าทำศัลยกรรม เขียนเป็นเรื่องเป็นราวมาก ทั้งที่หน้าหนูก็ฝรั่งขนาดนี้ หนูแค่จัดฟันคางเลยแหลมค่ะ แต่จมูกนี่ไม่ได้ทำแน่นอน เพราะถ้าหนูทำจมูกมันจะเป็นแบบนี้ไหมอ่ะ(หัวเราะ) จมูกโด่งมากเห็นในละครเรายังรู้สึกเลย ฉะนั้นไม่โกรธที่คนวิจารณ์หน้าเรา มองเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ เราก็พูดความจริงไป ตอบให้เคลียร์ สุดท้ายขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้ฟังค่ะ
ไหยหยาเรียนที่ไหน แบ่งเวลางานและเรียนให้ลงตัวยังไงบ้าง?
หนูเรียนถึง ม.3 ที่โรงเรียนบดินทรเดชาฯ จนวันนึงอยากเรียนภาษาอังกฤษเยอะ ๆ เลยขอแม่ว่าอยากย้ายไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์ แม่ก็บอกทันทีไม่ทันจะสู้เขาแล้วไหมลูก (หัวเราะ) แม่ก็กล่อมให้เราเรียนต่อที่เดิม จน ม.4 เดินผ่านป้ายที่เขียนว่ารับสอนสอบจีอีดี (GED) คือ ระบบสอบข้ามชั้นเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยแบบอเมริกา ก็ไปเรียน 2 เดือน แล้วติวเพิ่ม ผลคือสอบผ่านไม่ต้องเรียนจนจบ ม.6 ก็ไปสอบเข้า จุฬาฯ คณะนิเทศศาสตร์ อินเตอร์ ช่วงนั้นเหนื่อยมาก เพราะคณะหนูเน้นการทำงานกลุ่มเยอะ ขาดเรียนก็ไม่ได้ 3 ปีแรกเรียน 4 ตัว จนปีสุดท้ายอัดวิชา 8 ตัว เครียดจนต้องหาทางบริหารจัดการสติตัวเอง นั่งคุยกับตัวเองว่าวิชาไหนสนุกยังไง บิลด์ให้มีความสุข แล้วก็ผ่านไปได้เพิ่งเรียนจบ จะรับปริญญาเดือน ต.ค. นี้ค่ะ
ตัวตน และนิสัยของไหยหยาจริง ๆ เป็นคนยังไง?
หนูไม่ได้ห้าว แต่ก็ไม่ได้เรียบร้อย เราสนุกสนาน จริงใจ และเป็นคนพูดตรงมาก นี่คือสิ่งที่ต้องระวัง แต่อยู่กับเพื่อนจะติ๊งต๊อง มีหลายอารมณ์ แต่ตอนนี้เราอยู่วงการต้องเปลี่ยนความคิดที่เคยมองว่าตัวเองโปร่งแสง (หัวเราะ) คือ หมายถึงไม่มีใครเห็นหรือรู้จักหนูมากหรอก อยากให้คนชอบผลงาน ไม่อยากให้รู้เรื่องส่วนตัว แอบโลกส่วนตัวสูงไปไหน ตอนละครออกก็เครียดตั้งแต่ลูกผู้ชายเลือดเดือดไม่อยากสัมภาษณ์ กลัวตอบไม่ถูก ไม่อยากมีข่าว กระทั่งถึงช่วงโปรโมตละครหนูต้องออกงานทุกวัน ก็เข้าใจแล้วว่าไม่เห็นยากเลย นี่เป็นงานอย่าคิดมากเกินไป ต้องปรับจะคิดแบบเดิมไม่ได้ เพราะเข้าวงการมาไม่มีโลกส่วนตัวอีกต่อไป เพราะขนาดไปเดินห้างเจอใครเขาก็เรียกหนูทายาทอสูร ๆ กันหมดแล้วค่ะ (ยิ้ม)
เราเป็นลูกครึ่ง ไทย-ฝรั่งเศส ครอบครัวเลี้ยงมาแบบไหน?
หนูเป็นลูกคนเดียวค่ะ คุณแม่เลี้ยงแบบเพื่อน จะให้อะไรต้องมีเหตุผล แม่ไม่ห่วงอะไรมากเพราะเขารู้เราคิดได้ แต่ห่วงแค่เรื่องการพูดตรง ๆ ของเรานี่แหละ (หัวเราะ) หนูเรียนโรงเรียนไทยมาตลอด ฉะนั้นภาษาไทยจึงแข็งแรงมากถึงหน้าฝรั่งก็ตาม เรื่องงานแม่ให้หนูดูแลตัวเองด้วยตั้งแต่ตอนถ่ายโฆษณา แม่ไม่เคยมาดูหรือตามเฝ้า หนูรับงานเองหมด แต่ก็ปรึกษาเขา แม่บอกว่าโชคดีไม่ได้เลี้ยงเราเป็นลูกคุณหนูเลยทำอะไรเป็นหมด ซึ่งตอนนี้คุณแม่เกษียณแล้วจากอาชีพแอร์โฮสเตส ส่วนคุณพ่อเป็นคุณหมอด้านหัวใจอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสค่ะ แล้วจุดประสงค์ที่คุณแม่ให้ลองเทสต์งานต่าง ๆ ตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่อยากให้ลูกเป็นดารา แต่เพื่อให้เราโต รู้จักการทำงานร่วมกับคนอื่น แต่หน้าที่หลักคือการเรียนค่ะ”
ตอนนี้มีความรักกับเขาแล้วหรือยัง?
ไม่มีเลยค่ะ หนูไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย แต่ถ้าถามสเปก ขอคนที่เป็นผู้ใหญ่ คิดเป็น สุภาพบุรุษ ถ้าไม่คิดจริงจังจะไม่เสียเวลาคุย ให้เสียความรู้สึกถ้าต้องมาเลิกกัน หรือถ้าไม่เจอคนที่ใช่เราไม่คุยเล่น ๆ ตัดออกไปเลย กำแพงเรื่องความรักเราจะสูง หนูคงมีแฟนยาก คงจะสักพักโสดไปอีกนาน ตั้งใจไว้แล้วคนในวงการจะเป็นเพื่อนเท่านั้นด้วย แต่อนาคตใครจะรู้แต่ตอนนี้ยังไม่คิดดีกว่าค่ะ
อยากฝากอะไรถึงคนที่ชื่นชอบผลงานของเราบ้าง?
หยาขอบคุณทุกคนที่ติดตามผลงาน การเล่นละครสำหรับหยายังเป็นมือใหม่มาก ๆ เลยขอทุกคนให้โอกาสหนูด้วยนะคะ หยาสัญญาว่าทุกฝีก้าวที่กำลังเดินอยู่ในวงการบันเทิง ต้องเป็นทุกก้าวที่ทำให้หยาพัฒนายิ่งขึ้น อยากให้ทุกคนอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ ขอฝากละครทุกเรื่องในตอนนี้และในอนาคตต่อไปด้วย ขอบคุณทุกคนมากค่ะ (ยิ้ม)