เผลอแป๊บเดียว นางเอกสาว มิน - พีชญา วัฒนามนตรี ก็โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมาถึง 7 ปีแล้ว รวมถึงการเป็นพรีเซ็นเตอร์ "การ์นิเย่ ไลท์ คอมพลีท ไวท์ สปีด ซิตี้ เรดี้ เอสพีเอฟ 36/ พีเอ+++" อย่างต่อเนื่อง วันนี้ "ดาวต่างมุม" เลยต้องขอนัดสาวมินมาพูดคุยถึงผลงานการแสดง ที่หลายคนกำลังจับตาว่าเธออาจจะเป็นนางเอกเบอร์หนึ่งคนต่อไปของวิกหมอชิต รวมถึงข่าวต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา อย่างกรณี โพสต์ภาพตัวเองกับกล่องกระเป๋าสุดหรูแบรนด์ "แอร์เมส" หลายสิบใบ จนเกิดกระแสดราม่า แต่บอกได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เครียดไปตามกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของสังคม และขอเลือกที่จะใช้ชีวิตทุกวันให้มีความสุข 

ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์ / ภาพ: @minpechaya (IG)

อัพเดทผลงาน? 
ปีนี้มินมีละคร 2 เรื่องค่ะ คือ "ลูกไม้ไกลต้น" เรื่องนี้มินรับบทเป็น "รสา" เรามีชีวิตที่ดีมาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งมารู้ว่าตัวเองเป็นลูกของผู้ชายคนหนึ่งที่ข่มขืนแม่จนท้อง ก็เป็นความยากของผู้หญิงคนหนึ่งที่จะรับได้ เรียกว่าดราม่าหนักมาก ร้องไห้ตั้งแต่ฉากแรกที่ถ่ายเลย ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือ "คู่ซ่ารสแซ่บ" เป็นพล็อตเรื่องใหม่ที่พี่พิง ลำพระเพลิง เขียนขึ้นมาเพื่อมินกับพี่เวียร์ - ศกลวัฒน์ คือปกติเราจะเอาตัวเองไปสวมกับคาแรกเตอร์ตามตัวละคร แต่เรื่องนี้คาแรกเตอร์จะมาจากตัวตนจริง ๆ ของเรา ซึ่งมินว่ามันสนุกมาก แล้วก็เหมาะสมนะ ฉะนั้นแฟน ๆ ที่รอคอยอยู่พลาดไม่ได้เลย และทั้งสองเรื่องก็น่าจะได้ชมกันปีนี้ค่ะ

"ลูกไม้ไกลต้น" เป็นละครที่ กบ - สุวนันท์ เคยเล่นไว้ด้วย กดดันไหม? 
มินไม่กดดันเลย มินจำไม่ได้ด้วยว่าเป็นละครรีเมค รุ่นมินไม่ทัน แต่รุ่นผู้ใหญ่น่าจะทันกัน ซึ่งมินก็ขอทำให้ดีที่สุดในรุ่นของมินดีกว่า เพราะเรื่องราวต่าง ๆ ก็มีปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ถ้าจะให้เล่นเหมือนเดิม มินว่าก็ดูเรื่องเดิมดีกว่า (หัวเราะ) จริง ๆ เรื่องนี้มินปิดกล้องไปแล้วด้วยนะคะ แล้วก็กำลังรอปิดอีกเรื่องหนึ่ง

แสดงว่าไม่ได้รับงานโหดมาก? 
มินไม่ได้รับงานโหดมาก เพราะมินเน้นในเรื่องของคุณภาพและผลงานตัวเอง เมื่อก่อนวัยหนึ่งเรารับทุกอย่างเลย แต่ถึงจุดหนึ่งเรารู้สึกว่าเราอยากให้งานมีคุณภาพ เพราะบางครั้งการที่เราพักผ่อนไม่เพียงพอ ต่อให้เราเก่งแค่ไหน เราก็เป็นมนุษย์ ที่ต้องการสมาธิในการทำงาน มินต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ละครน่าติดตาม มินเป็นคนทำงานด้วยความรัก เพราะฉะนั้นอะไรที่เรารู้สึกว่าเราทำได้ไม่ดี ก็ไม่อยากทำ ซึ่งมินซื่อสัตย์กับตัวเองมาก ถ้าไม่สบายใจก็จะไม่ทำ ไม่เล่น ไม่รับ เพราะเป้าหมายในการทำงานของมินคือต้องสนุกและมีความสุข ถ้าไม่มีความสุขก็อย่าทำเลย เพราะว่าเราทำงานไหนก็ได้เงิน คือเงินเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากนะคะ แต่สิ่งที่สำคัญกว่า คือเราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแค่ไหน

 

 

ช่องโอเคไหมที่เราเลือกแบบนี้? 
มินว่ามันเป็นความซื่อสัตย์ที่ดีนะคะ เพราะถ้ามินมองว่าเราไม่สามารถทำได้ดีที่สุดในแบบที่คิด รู้สึกว่าคนอื่นทำได้ดีกว่า มินก็จะให้เกียรติผู้อื่นก่อน ต้องเปิดโอกาสให้คนอื่น เพราะเราไม่ได้อยู่ตรงนี้ตลอดไป ซึ่งบางงานถ้ามินจะหวงไว้แล้วทำลวก ๆ ก็ได้ แต่มินมองว่าเราอยากเป็นหนึ่งอาวุธของช่องที่ทำให้แต่ละงานออกมาดี

สัญญากับช่อง 7 เหลือกี่ปี? 
อันนี้มินขอไม่บอกดีกว่าค่ะ เพราะมินมีสัญญาใจ มินมองว่าสัญญามันเป็นแค่กระดาษ เรื่องความรู้สึกสำคัญที่สุด ถ้ามีสัญญาแต่ใจไม่อยู่ กระดาษก็เป็นแค่กระดาษเลย ซึ่งช่องก็ให้เกียรติมิน ให้โอกาสกับมินเสมอ

หลายคนจับตามองว่ามินจะเป็นนางเอกเบอร์หนึ่งของช่อง7? 
บางทีมินไม่เข้าใจคำว่าเบอร์หนึ่งว่าคืออะไร เพราะมินให้เกียรติทุกคนในช่องมาก แล้วมินไม่ได้ทำงานได้ทุกอย่าง และไม่สามารถเล่นละครได้ทุกเรื่องในช่อง เราแค่ทำงานของเราให้ดีที่สุดก็พอแล้ว มินว่าถึงทุกวันนี้ก็วัดไม่ได้ว่าใครเป็นเบอร์หนึ่งจริงไหม เพราะทุกคนก็มีฐานแฟนคลับของตัวเอง เก่งในด้านต่าง ๆ ของตัวเอง วงการบันเทิงทุกวันนี้สวยงามด้วยเสน่ห์ของนักแสดงแต่ละคน ถ้าขาดคนใดคนหนึ่งไปก็ไม่สนุก การไม่มีคู่แข่งก็ไม่สนุก แล้วแต่ละคนมีคุณค่าและเป็นที่หนึ่งในแบบของตัวเอง ซึ่งมินก็ภูมิใจในสิ่งที่มินเป็นอยู่ทุกวันนี้

 

 

นอกจากงานในวงการมีแพลนจะทำอะไรอีก? 
มีแพลนจะลุยธุรกิจค่ะ แต่ยังบอกรายละเอียดอะไรไม่ได้เลย ยังเป็นความลับอยู่ (ยิ้ม) ปีนี้ไม่แน่ใจว่าจะได้เห็นกันหรือเปล่า แต่ปีนี้มินโตขึ้น เลยคิดว่าอยากเรียนรู้ด้านอื่น ๆ ด้วย มินเลยปรึกษาคุณพ่อ เพราะเขาเป็นสุดยอดที่ปรึกษาของมินเลย เรียกว่าเป็นดิคชันนารีด้านความสำเร็จ เขาเลี้ยงมินมาแบบเปิด ให้มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ค่อยสร้างกรอบให้มินหรอก คือคุณพ่อคุณแม่มินน่ารักมาก วันหนึ่งมินอยากจะเป็นพ่อแม่ที่ดีให้ได้เท่าเขานะ ทั้งใจกว้าง ใจดี ไม่จุกจิก สนับสนุนทุกเรื่อง ไม่โทรฯ ตาม เขาให้อิสรภาพและเชื่อใจมินมาก เขาจะพูดเสมอว่ามินเป็นเด็กดี ซึ่งความเชื่อใจที่เขามี ทำให้เรารู้สึกว่าต้องไม่ทำให้เขาผิดหวัง มินต้องขอบคุณความรักของพ่อแม่ที่ฝังไว้ในตัวมิน เป็นเหมือนความแข็งแกร่ง ที่ทำให้มินอยู่ได้ทุกวันนี้

จนถึงวันนี้อยู่วงการมานานเท่าไหร่แล้ว? 
ถ้านับตั้งแต่ประกวดมิสทีนไทยแลนด์ คือนานมาก แต่ถ้านับจากตอนที่มินมาเล่นละครก็ 7 ปีแล้ว 7 ปีที่ผ่านมาเป็นอะไรที่สนุกดีค่ะ เราได้เรียนรู้อะไรเยอะ มินต้องขอบคุณอาชีพนี้นะ ที่ทำให้มินเติบโต กับทุก ๆ การเรียนรู้ ทุกความท้าทาย บางเรื่องที่เราไม่เคยรู้หรือทำไม่เป็นก็อาจจะมีพลาดบ้าง ผิดบ้าง ก็ค่อย ๆ เรียนรู้กันไป ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะมินโตขึ้น แต่มินว่ามินนิ่งขึ้นมากกว่า ไม่ค่อยแขว่งไปตามสิ่งต่าง ๆ อย่างเมื่อก่อนเราอาจจะรู้สึกเสียใจกับหลาย ๆ เรื่อง มินเป็นคนมีชาร์ตเหมือนเด็ก เวลาดีใจก็ดีใจสุด ๆ เวลาเศร้าหรือคิดมากก็เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นอย่างนั้น แต่พอโตขึ้นเราก็เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างมากขึ้น แล้วก็มีความสุขและสนุกกับการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ

แต่พอโตขึ้น ก็มีบางกระแสบอกว่ามินเปลี่ยนไป? 
มินว่าคงไม่มีใครที่ไม่เรียนรู้ อย่างข้อผิดพลาดในอดีตที่คนได้บอกมินก็ปรับปรุงแล้ว ถ้าจะไม่เปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาเลย เราคงไม่เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่าง ถ้ามีคนคอมเมนต์เราก็ต้องปรับปรุง จริง ๆ เราอยู่ในวงการนี้ มินต้องบอกว่าเราต้องยึดความเป็นตัวตนของเรานะ เพราะเสียงข้างหูมันเยอะ เราต้องรู้ว่าตัวตนเราคืออะไร เพราะเข้ามาในวงการก็มีหลายเสียงว่าเราควรปรับปรุงเรื่องโน้น เรื่องนี้ หลายคนบอกว่าเวลาคนเข้าวงการแล้วจะเปลี่ยนไป ซึ่งก็เปลี่ยนไปตามคอมเมนต์ของพวกคุณนั่นแหละค่ะ แต่พอเปลี่ยนไปก็ไม่พอใจอีก บางทีมินไม่เข้าใจว่าความพอใจมันอยู่ตรงไหน เราเลยเลือกที่จะเป็นตัวเอง ให้เขารักที่เราเป็นเราดีกว่า เพราะถ้าเราวิ่งตามทุกคอมเมนต์หรือเอาใจทุกคน ก็คงไม่รู้ว่าความสุขจริง ๆ คืออะไร

 

 

แล้วตัวตนมินจริง ๆ เป็นอย่างไร? 
มินเป็นคนร่าเริงมาก เป็นคนตลก เป็นเด็กซ่า กวนประสาท ถ้าคนที่รู้จักมินจะรู้ว่ามินไม่ใช่คนเรียบร้อยเลย แต่เราไม่ใช่คนก้าวร้าวนะ คือเราก็เป็นอย่างนี้ อะไรก็ได้ สบาย ๆ แต่จะมีเรื่องของงานที่ต้องเป็นมืออาชีพ เรียกว่า "เวิร์กฮาร์ด เพลย์ฮาร์ด" คำนี้น่าเป็นคำจำกัดความของมิน เพราะมินเป็นคนทำอะไรสุดทุกเรื่อง

ทุกวันนี้ใครดูแลคิวงานให้มิน? 
คุณพ่อมาจะดูเรื่องโฆษณา ส่วนพี่เอส ผู้จัดการของปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ จะช่วยดูแลด้านอื่น ๆ หมดเลยที่ไม่ใช่เรื่องของโฆษณา

ที่ผ่านมามีข่าวเรื่องมินเปลี่ยนผู้จัดการบ่อยด้วย จริง ๆ คนที่จะมาทำงานกับเราต้องเป็นยังไง? 
จริง ๆ ที่ผ่านมาผู้จัดการมินมีไม่กี่คนเองนะคะ แต่บางคนเคลมว่าเป็นผู้จัดการซึ่งทำให้คนเข้าใจผิด ซึ่งจริง ๆ เขาเป็นแค่คนดูแล ไม่ได้ถือคิวมินด้วยซ้ำ แต่มีการเข้าใจผิด เพราะคนนอกมองว่าคนที่ติดตามมินเป็นผู้จัดการ ซึ่งจริง ๆ ตำแหน่งผู้จัดการกับคนดูแลไม่เหมือนกัน แล้วที่มินเปลี่ยนคนดูแลก็เพราะว่าคนเรามีความต้องการในการทำงานไม่เหมือนกัน

 

 

ล่าสุดมีดราม่าเรื่องกระเป๋าอีกเราเครียดไหม? 
จริง ๆ เรื่องนี้มินไม่เครียดนะ แต่ข่าวที่ออกมาทำให้เรื่องใหญ่เกินความจำเป็น จริง ๆ ข่าวมินแต่ละข่าวที่ผ่านมาไม่เคยเล็กเลย ซึ่งก็ต้องขอบคุณทุกคนที่เชื่อในตัวมิน เชื่อในคำพูดมิน ถึงแม้บางทีจะมีหลายกระแส หลายคำพูด แต่สุดท้ายแฟนคลับก็ยังยืนเคียงข้างมิน แล้วคนที่รักมินก็ยังเข้าใจมิน ซึ่งมีมากกว่าคนที่ไม่เข้าใจมาก แล้วมินก็รักคนกลุ่มนี้มากมายเหลือเกิน

กับคอมเมนต์ต่าง ๆ ที่เข้ามาทำให้เราใช้ชีวิตยากไหม? 
ไม่ยากหรอกค่ะ ถ้าเรามองว่ามันยากมันก็ยาก มันอยู่ที่แอดติจูดเรา คือทุกวันตื่นมามินก็มีความสุขดี ไม่ได้มานั่งไม่สนุกกับอะไร ถ้าเราตื่นมาแล้วโฟกัสอะไรที่ไม่ดี แต่ละนาทีมันก็จะหายไปกับเรื่องไม่ดี เพราะเวลามันเร็วมากนะ แป๊บเดียว 7 ปี แป๊บเดียว 10 ปี ถ้ามัวแต่มานั่งเศร้า คนที่เหนื่อยก็คงเป็นเรา

ถามเรื่องความรักบ้าง? 
จริง ๆ มินไม่ได้ปิดบังนะ แต่บางทีก็เป็นเรื่องยากนะ ถ้าตอนนี้เราบ้างาน แล้วจะเอาใครเข้ามาในชีวิต เราต้องแน่ใจว่าเราจะดูแลเขาได้ ถึงแม้เขาจะบอกว่าอยากจะเข้ามาดูแลเรา แต่สุดท้ายความรักคือการที่คนสองคนดูแลซึ่งกันและกัน ถ้าเราทำงาน แล้วอีกคนต้องเดินตามมันเป็นไปไม่ได้ ซึ่งมินจะพูดกับทุกคนที่เข้ามาว่าถ้ามินไม่สามารถดูแลเขาได้ก็ไม่รู้ว่าจะภูมิใจกับการมีแฟนได้หรือเปล่า

 

 

คุณพ่อคุณแม่มินหวงไหม? 
คงหวงแหละค่ะ แต่เขาไม่เคยพูด แล้วเขาก็เชื่อใจมิน ลูกบอกว่าคนไหนเขาก็คนนั้น เราก็เลยต้องให้เกียรติเขาในการเลือกใครสักคน

แล้วกับบอส หนุ่มนักเรียนนอกที่เป็นข่าวด้วย? 
จริง ๆ ที่มีข่าวก็ไม่ได้ปิดบัง แต่ด้วยเวลาไง อีกอย่างเขาอยู่ต่างประเทศด้วย

คิดว่าระยะทางเป็นอุปสรรคไหม? 
ไม่หรอกค่ะ มินมองว่ามันดีด้วยซ้ำ จะได้พิสูจน์อะไรหลาย ๆ อย่างว่ารักกันจริงไหม ดีกว่าแต่งงานไป แล้วบอกว่าไม่รู้จักกัน มินเลยคิดว่าค่อย ๆ ศึกษาไปดีกว่า เพราะของแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ

สเปกทุกวันนี้เปลี่ยนไปไหม? 
มินไม่มีสเปกนะคะ เพราะมินมองว่าของแบบนี้เราคาดหวังไม่ได้ มันไม่ใช่เกมซิมนะคะ ที่จะเลือกทุกอย่างตามที่เราต้องการได้ ในโลกของความเป็นจริงมันคือสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราโอเคไหม เขาทำให้เรามีความสุขไหม แค่นั้นเอง