ข่าว > ข่าวดาราทั้งหมด > สัมภาษณ์ดารา

'มารี' ทุ่มสุดตัวกับงานอีกครั้ง รัก 'โชแปง' แฮปปี้มีแต่เชื่อใจ

10 ก.พ. 2559 18:51 น. | เปิดอ่าน 1523 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

หลังตัดสินใจเป็นนักแสดงอิสระ ก็หายจากหน้าจอไปเป็นปีทีเดียว สำหรับนางเอกสาว มารี เบิร์นเนอร์ แต่ตอนนี้เจ้าตัวกลับมาทุ่มเทให้งานแสดงเต็มที่อีกครั้ง แถมยังมีงานเข้าอย่างต่อเนื่อง "ดาวต่างมุม" เลยรีบนัดเธอเป็นการส่วนตัว มานั่งพูดคุยถึงชีวิตในวงการบันเทิง ที่เจ้าตัวบอกว่าจะแสดงให้เห็นว่าเธอตั้งใจพัฒนาให้ดียิ่งกว่าเดิม พร้อมเมาท์เรื่องหัวใจกับไฮโซหนุ่ม โชแปง - เลิศวริศ เลิศวรปรีชา ที่หวานจนน่าอิจฉาด้วย

ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์ / ภาพ: @marie_broenner (IG)


ทำไมถึงตัดสินใจรับบท "เอี๊ยม" ใน "หน้ากากนางเอก"? 
มันเป็นบทใหม่ที่เราไม่เคยเล่นมาก่อน คาแรกเตอร์นี้จะมีมุมร้าย นิด ๆ คือเราได้เล่นบทที่มีความรุนแรงในเรื่องอารมณ์และคำพูดมากขึ้น เล่นไปก็รู้สึกสนุกและท้าทาย บทนี้ยากตรงที่เราจะเล่นยังไงไม่ให้เอี๊ยมร้ายแบบมีคนเกลียด ตัวละครนี้มีเหตุผลของตัวเอง ดังนั้นเวลาเล่นเราต้องมีวิธีแสดงให้เห็นว่าความร้ายมาจากความโกรธและเจ็บปวดของเราจริง ๆ ที่ตัวละครนี้โดนกระทำมา ต้องเล่นให้ตัวละครนี้ดูไม่ไร้เหตุผลที่ไปโวยวายอาละวาดแบบนั้นค่ะ


หายจากหน้าจอไปเป็นปี กลับมาครั้งนี้คาดหวังแค่ไหน? 
จริง ๆ ไม่ได้คาดหวังฟีดแบ็กมาก ขอแค่คนดูสนุกกับตัวละครที่เราเล่น และมองเห็นว่าเราพัฒนาขึ้น คือช่วงที่หายไปหนูก็ไปเคลียร์ชีวิต ไปเรียนให้จบ ซึ่งตอนนี้เราก็จบจาก ม.กรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์ อินเตอร์ แล้ว และกลับมาโฟกัสกับเรื่องงานแสดงอย่างเต็มที่ พอเราไม่ต้องเรียนก็มีเวลาทำการบ้านเรื่องบทมากขึ้น มีเวลาร่วมเวิร์กช็อปมากขึ้น พอโฟกัสมันอยู่ที่งานตรงนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ทำให้เราทำงานสบายใจขึ้น และรู้สึกได้ว่าผลงานเราออกมาดีขึ้นค่ะ


หลังจากพักไป อะไรทำให้เรากลับมาสนใจงานในวงการอีกครั้ง? 
งานในวงการก็เป็นอะไรที่เราอยากทำ อย่างการเล่นละคร เราก็อยากเล่นหลายบท มันก็น่าสนุก และพอตอนนี้มีเวลาขึ้น มันเลยรู้สึกว่าเราน่าจะทำได้ดีขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้เราอาจไม่พร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ที่จะทำงานในวงการเต็มตัว มันเลยเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ ณ ตอนนั้น เรียนก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เลยไม่สุดสักอย่าง พอเราพร้อมแล้ว สามารถโฟกัสกับสิ่งนี้สิ่งเดียวได้ เลยทำให้เราลองใส่ใจกับงานแสดงอย่างเต็มตัวค่ะ

 

 

ช่วงที่เราพักงานแสดงไปได้เรียนรู้ค้นพบอะไรเพิ่มเติมมาบ้าง? 
เราได้กลับไปตั้งหลักใหม่ว่าจะเอายังไง เอาจริง ๆ ก็เหมือนเราได้รีเฟรชอีกครั้งนะ กลับมาเราไม่ได้อยู่เท่าเดิม เหมือนเรากลับเข้ามาในวงการด้วยการเริ่มนับหนึ่งใหม่ ไม่ได้คิดว่าตัวเองมาจากการเป็นนางเอก ทำงานเป็นทีมใหม่หมด เป็นจุดที่เราไม่ได้คุ้นเคย ได้เรียนรู้ใหม่ ถามว่ายากกว่าการเข้าวงการในตอนแรกมั้ย คือการที่เราเคยเล่นละครมาแล้ว มันก็ช่วยในการวางตัว เราพอรู้ว่าควรจะอยู่ประมาณไหน แต่เรากลับมาครั้งนี้ถือว่าตัวเองเริ่มต้นใหม่แบบที่อยากทำให้ดีกว่าเดิม แบบทุ่มสุด ๆ ไปเลย อาจจะไม่ใช่เป็นมารีคนใหม่ แต่เรียกว่าการเข้าวงการครั้งนี้เป็นการเข้าวงการครั้งใหม่ ที่เราตั้งใจจะทำให้ดีกว่าเดิม เป็นมารีที่ดีกว่าค่ะ


ตอนนี้รับบทเป็นนางเอกหรือนางร้าย ก็ไม่เกี่ยง? 
ต้องเป็นบางบท เพราะเราไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องเป็นนางเอกหรือนางร้าย แต่เราชอบคาแรกเตอร์ที่มีเหตุผล ถ้าร้ายแต่ร้ายแบบมีเหตุผล มีจุดที่มา เราก็อยากเล่น ส่วนบทดีเราก็ชอบดีที่มีเหตุผล ไม่ใช่ดีใส ๆ ไม่รู้เรื่อง อินโนเซ้นท์ (ยิ้ม) มันไม่อิน ด้วยความที่เราเป็นคนใช้เหตุผลเป็นส่วนมาก บทไร้เหตุผลเราจะคอนเน็กกับตัวละครไม่ได้ บางทีเรามีปัญหาหลัก ๆ ในการเล่นละคร คือเราจะถามผู้กำกับว่าทำไมตัวละครนี้ถึงพูดแบบนี้ ถึงทำแบบนี้ ไม่เข้าใจว่าบทแบบนี้มาจากไหน แต่ถ้าเราเล่นตัวละครที่มีเหตุผลนิดนึง จะทำให้อินเนอร์เราได้ค่ะ


นอกจากนี้มีผลงานอะไรอีก? 
มี "ซีรีส์ ดิ โอซี กรุงเทพมหานครซ้อนรัก" ทางช่อง วัน จะออนแอร์เดือน มี.ค นี้ และก็รอเปิดกล้องเรื่อง "พิษรัก เพลิงปรารถนา" ของเอ็กแซ็กท์ เราโอเคนะคะที่มีผลงานต่อเนื่อง มันเรื่อย ๆ ไม่ได้ถ่ายซ้อนกันมาก ทำให้มีเวลาพักและมีเวลาให้แต่ละบทได้จริง ๆ ค่ะ

 

 

หลังออกมารับงานและใช้ชีวิตแบบนักแสดงอิสระ รู้สึกยังไง? 
เอาจริง ๆ รู้สึกว่ามันเหมาะสมกับนิสัยส่วนตัวของหนูนะ เพราะเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองสูง ชอบตัดสินใจเอง เลือกอะไรเองอยู่แล้ว ข้อดีของนักแสดงอิสระสำหรับเรามองว่าสามารถคิดเองเลือกเองได้ โดยที่ไม่มีผลกระทบกับคนอื่นเยอะแยะมากมาย ฉะนั้นมันก็ทำให้เราง่ายในการตัดสินใจ ส่วนข้อเสียคือมันไม่มีใครมาวางแผนให้เรา ก็อาจมีโอกาสที่จะเลือกรับงานผิด รับไม่เหมาะสมหรือไปเล่นบทที่เราไม่พร้อมที่จะเล่น อาจตัดสินใจผิดพลาดไป ไม่มีผู้ใหญ่มาคอยสกรีนงานให้ เราเลยต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป รับงานทีละนิด ละครก็เลือกรับแบบที่ไม่เปิดกล้องพร้อมกันค่ะ


คิดว่าตัวเองในวันนี้เติบโตขึ้นจากตอนที่เข้ามาในวงการใหม่ ๆ มากน้อยแค่ไหน? 
เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ไม่งอแงเท่าเดิม เข้าใจหลักต่าง ๆ มากขึ้น ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสังคมที่เราอยู่มากขึ้น รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร จากที่ก่อนหน้านี้ที่เราเรียนอินเตอร์และได้เข้ามาในวงการเลย มันเลยงง ๆ พอโตขึ้นก็เข้าใจสังคมมากขึ้น แม้แต่ภาษาเอง การที่เราเล่นละครและอ่านบทละครเป็นหน้า ๆ ก็ทำให้ภาษาไทยเราพัฒนาขึ้นเยอะ ตอนนี้เราก็คุยเก่งขึ้นด้วย


แล้วเรื่องเสียงวิจารณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามา มีวิธีรับมือยังไง? 
ตอนนี้ไม่รับเลยค่ะ ไม่ว่าอะไรเข้ามาก็ไม่รับ ช่างมัน (ยิ้ม) คือเรารู้สึกว่าเราแค่รับรู้แต่ไม่ต้องรับมาใส่ใจ แค่รู้ว่ามีตรงนี้ ซึ่งมันอาจเป็นเรื่องที่เราผิด จริง ๆ อย่างน้อยเราก็ใช้มันมาปรับปรุงตัวเองได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจแล้วทำให้ทุกข์ การที่เราจะเครียด ไม่อยากให้คนพูดแบบนี้ แล้วไปร้องห่มร้องไห้ มันไม่มีประโยชน์ ฉะนั้นอะไรที่ไม่ใช่ความผิดเรา อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา ก็ปล่อยมันไปดีกว่า

 

 

เข้มแข็งขึ้น เสียงวิจารณ์ทำร้ายไม่ได้แล้ว? 
ไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่แล้วค่ะ มันโดนมาหมดแล้วล่ะ (หัวเราะ) โดนมาหมดแล้วจริง ๆ เลยมองออกแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนเป้าหมายที่เราอยากทำให้สำเร็จ จริง ๆ ตอนนี้งานในวงการมันเรื่อย ๆ เลยอยากทำเรื่องธุรกิจเครื่องสำอางของเรา "แดร์มี" ให้สามาถสร้างแบรนด์ที่ขายตัวมันเองได้ ไม่ใช่การขายได้เพราะเป็นสินค้าดารา ส่วนในแง่วงการบันเทิงเราก็หวังว่าจะมีงานเข้ามาต่อเนื่อง ไม่ได้หวังเป็นนางเอกซูเปอร์สตาร์นะ แต่เราแค่อยากให้พอมีคนบางกลุ่มที่เขาชื่นชมและสนุกกับผลงานเรา แค่นี้ก็แฮปปี้แล้ว ไม่ได้หวังอะไรขนาดนั้น เราแค่อยู่ในมุมของเรา ทำหน้าที่ของเราให้ดี ให้คนอื่นยอมรับว่าฝีมือเราพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ


ได้เรียนรู้อะไรจากวงการบันเทิงบ้าง? 
ได้เรียนรู้ว่ามีคนหลายแบบ ทั้งจริงใจกับเรามากร้อยเปอร์เซ็นต์ และคนที่ไม่ได้จริงใจเต็มร้อย บางคนเหมือนจะเฟรนด์ลี่และดีมาก บางทีก็อาจไม่ใช่ เราเรียนรู้ที่จะใช้เวลาในการรู้จักคนนึงให้มากขึ้น ก่อนที่จะตัดสินใจว่าคนนี้เป็นยังไง ระวังตัวมากขึ้น และเราก็รู้สึกว่าอยู่เป็นมากขึ้น อย่างเมื่อก่อนเราเจอใครก็สนิทเปิดใจร้อยเปอร์เซ็นต์ มีอะไรก็บ่นให้ฟัง แต่ตอนนี้เริ่มรู้ว่าดูดี ๆ นะว่าจะพูดอะไรให้ฟัง (หัวเราะ) แต่ความพูดตรงของเราก็ยังมีอยู่ แต่ว่าเราคิดก่อนพูดมากขึ้นค่ะ


ถ้าพูดถึงชื่อ "มารี เบิร์นเนอร์" อยากให้นึกถึงอะไรเกี่ยวกับตัวเรามากที่สุด? 
ก็อยากให้นึกถึงการพัฒนา ช่วงเล่นละครแรก ๆ เรามีฟีดแบ็กไม่ดีค่อนข้างเยอะ ก็รู้สึกว่าอยากให้คนจดจำว่าเรามีการเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้นชัดเจนแค่ไหนค่ะ

 

 

ถามถึงความรักกับ "โชแปง" ตอนนี้คบเกือบมา 3 ปีแล้ว ยังมีอะไรต้องปรับอยู่มั้ย? 
เยอะเลย มันคงเป็นเรื่องปกติ แบบเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่จากเรื่องใหญ่โตมาก ก็กลายเป็นเรื่องที่เล็กลง พอจูนเข้ากันได้ แต่ด้วยยังมีนิสัยส่วนตัวที่ยังขัดกันอยู่ ก็มีปรับบ้าง แต่ก็ดีขึ้น


ด้วยความที่เราเป็นคนตรง ๆ ทั้งคู่ เคยมีความเห็นขัดแย้งรุนแรงบ้างรึเปล่า? 
มีบางทีที่ความคิดเห็นตรงกันข้ามเลย เวลาที่คุยกันก็จะแบบต้องเถียงกันแน่ ๆ แต่พอเริ่มจะเถียงกันเราก็จะไม่พูดด้วยแล้ว เปลี่ยนเรื่อง (หัวเราะ) เป็นแนวนั้นมากกว่าค่ะ เพราะต่างคนต่างรู้ว่าอีกคนหัวแข็ง ยังไงก็ยอมเปลี่ยนความคิดตัวเอง


หัวแข็งทั้งคู่แต่ยังคบกันได้ถึง 3 ปีมีเคล็ดลับในการรักษาความรักกันยังไง? 
ก็ไม่มีเคล็ดลับอะไรนะคะ คือหนูคิดว่าคนเราจะอยู่ด้วยกัน มันต้องมีเรื่องทะเลาะแบบนี้อยู่แล้ว แต่เรารู้สึกว่ามันคุ้มที่จะทนมั้ย ตอนที่เราทะเลาะก็ไม่มีใครอยากทะเลาะกันหรอก มันก็รู้สึกแย่ทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว แต่ถ้าเรารู้สึกว่าเรารักจริง มันก็ทนได้ เพื่อที่จะรอให้ดีขึ้น เราก็คิดมาตลอดนะว่าความรักมันก็น่าจะมีเท่านี้แหละ เวลาทะเลาะก็คิดแค่นี้ว่าเรายังอยากอยู่กับเขามั้ย ยังรักเขาอยู่รึเปล่า คือคู่เราทะเลาะบ่อยแต่ไม่ได้ทะเลาะหนัก เป็นแบบทำไมไม่เห็นโทรฯมาเลย ตัวเองก็เป็นคนง้องแง้ง งอแง บางทีเหมือนทะเลาะกับตัวเองเลย เพราะเขาไม่สนใจ รู้ว่าเดี๋ยวก็หาย เลยกลายเป็นทะเลาะเอง โกรธเอง ดีเอง ง้อตัวเอง (หัวเราะ)


เรื่องราวที่ประทับใจที่สุดต่อ "โชแปง" คืออะไร? 
ถ้าเทียบกับผู้ชายที่เรารู้จักมา เรารู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดีมาก เทคแคร์ดี เป็นสุภาพบุรุษ ไม่มีเรื่องที่ทำให้เราไม่ไว้ใจในเรื่องผู้หญิง คือหนูก็ขี้หึงนะ ถ้าเจอผู้ชายที่เจ้าชู้คงไม่รอดแน่ ๆ แต่เขาไม่มีเรื่องนี้เลย ไว้ใจได้ ส่วนตัวเขาเองแรก ๆ ก็มีหึงเราแหละ แบบเอ๊ะ! คนนี้เพื่อนหรืออะไร เพราะแรก ๆ เรายังไม่รู้จักนิสัยกันดี ยังไม่รู้ว่าคนไหนเพื่อน คนไหนเคยคุยกัน แต่เพราะนิสัยส่วนตัวหนูเวลาคบใครอยู่ก็จะไม่ยุ่งกับคนอื่นเลย จะปิดตัวเองอัตโนมัติ สักพักเขาก็ไม่ค่อยหึงแล้ว เพราะเขารู้ว่ายังไงเราก็ยังอยู่ ยังไงก็ไม่ไปไหน (ยิ้ม) จริง ๆ หนูไม่เคยเอาโทรศัพท์เขามาเช็ก แต่ต่างคนต่างเล่นโทรศัทพ์อีกคนได้ ไม่มีอะไรต้องปิดบังกัน


คาดหวังกับรักครั้งนี้แค่ไหน? 
ก็คาดหวังว่าจะไม่มีสิ่งจากภายนอกเข้ามายุ่งกับเรา เพราะสมัยนี้คนก็มีคบไปคบมาซ้อนไปเรื่อย ๆ มีเยอะมาก ผู้ชายนอกใจ ผู้หญิงก็นอกใจ เข้ามายุ่งกับคนที่เขามีแฟนแล้ว มีลูกแล้ว จนรู้สึกว่าผู้ชายดี ๆ มันหายาก เราต้องเก็บไว้ให้จนถึงที่สุด (หัวเราะ)

 

 

แปลว่าคนนี้ดีจนเราสามารถมองถึงอนาคตได้? 
เราก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต แต่ก็อยากให้ยืนยาว ถ้าวันนึงมันอาจต้องแยกกันก็อยากให้แยกด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่เรื่องเรื่องคบซ้อน แต่ถ้าเกิดว่าเรายังเป็นแบบนี้เรื่อย ๆ นิสัยต่างคนก็ยังคงที่ประมาณนี้ หนูคิดว่าคนนี้สามารถฝากอนาคตได้ แต่ก็ต้องรอดู บางทีคนเราก็เปลี่ยนไป อีก 5 ปีข้างหน้าเราอาจอยู่ดี ๆ เปลี่ยนไปเป็นอีกคนเลยก็ได้ค่ะ


จริง ๆ เรามีคิดเรื่องแต่งงานมั้ย? 
ไม่ได้คิดกับคนนี้ว่าเราต้องแต่งงานกันปีนี้นะ แต่ส่วนตัวเราคิดมาตลอดว่าอยากแต่งงานตอนอายุ 30 ปี ยังมีเวลานะคะ อีก 7 ปี ที่เราอยากแต่งงานช่วงนั้น เพราะหนูไม่อยากแต่งงานแล้วมีลูกทันที แต่อยากแต่งงานแล้วมีช่วงอยู่ด้วยกัน 2 คนก่อน มันเป็นความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่อยากผูกมัดว่าต้องเป็นเขา เพราะไม่อยากกดดันเขาและไม่อยากกดดันตัวเองด้วยค่ะ คือเราไม่รู้หรอกเราอาจเจออะไรแตกต่างออกไปก็ได้


คู่เรามีสัญญาใจกันบ้างมั้ย? 
ก็ไม่มีอะไรมาก แต่ต่างคนจะต่างไม่อยากให้มีใครหายไป อย่างน้อยแค่ให้รู้ว่าทำอะไรอยู่ ทิ้งข้อความไว้ก็ยังดี อย่างแบตจะหมด เราก็พิมพ์ข้อความบอกเขาว่าแบตจะหมดนะ คอยรายงานให้อีกคนรับรู้ว่าตอนนี้อยู่ไหน อะไรยังไงค่ะ


สุดท้ายอยากฝากบอกอะไรแฟน ๆ ที่คอยติดตามและให้กำลังใจเรามาตลอดบ้าง? 
อยากขอบคุณแฟน ๆ ที่ติดตาม เราหายไปตั้งนาน กลับมาก็ยังรอดูผลงานเราอยู่ อยากให้ทุกคนสนุกกับละครเราจริง ๆ มีอะไรก็ติชมได้ รับข้อติได้ค่ะ แต่ไม่ใช่ด่าเพื่อความสะใจ (หัวเราะ) อันนั้นพักก่อนเนอะ แต่ถ้ามีชอบหรือไม่ชอบอะไรก็บอกกันได้ ผลงานก็มีออกมาให้เห็นเรื่อย ๆ แน่นอน ก็หวังว่าจะเห็นว่าเราพยายามที่จะพัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ

 

: มารี เบิร์นเนอร์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • เรื่องย่อละคร "พิษรักรอยอดีต" ออกอากาศวันจันทร์-อังคารที่ 25-26 เมษายน 2565 ทางช่องวัน31
  • "มารี" เดินเกมชำระแค้น ใครจะเป็นรายต่อไป?
  • เรื่องย่อละคร "พิษรักรอยอดีต" ตอนที่ 9-10 ออกอากาศวันจันทร์-อังคารที่ 18-19 เมษายน 2565 ทางช่องวัน31
  • "มารี" รุก! ปั่นหัว "อาร์ต" อยู่หมัด จากเสือผู้หญิงเป็นแมว
  • เรื่องย่อละคร "พิษรักรอยอดีต" ออกอากาศวันจันทร์-อังคารที่ 4-5 เมษายน 2565 ทางช่องวัน31
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :