เป็นอีกหนึ่งนักแสดงสาวมากความสามารถ แถมยังมีผลงานให้เห็นอย่างต่อเนื่อง สำหรับ ก้อย - รัชวิน วงศ์วิริยะ ที่ล่าสุด กำลังพัฒนาฝีมือไปอีกขั้น กับบท "มุกริน" ใน "ขอเป็นเจ้าสาวสักครั้งให้ชื่นใจ" ที่เจ้าตัวออกปากว่าเป็นบทบาทสุดท้าทาย วันนี้ "ดาวต่างมุม" เลยไม่พลาดพาตัวเธอมาเปิดใจแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ทั้งมุมมองความคิดในการทำงาน และเรื่องหัวใจกับหนุ่ม ตูน - อาทิวราห์ คงมาลัย นักร้องนำวง บอดี้สแลม ที่เพาะบ่มความรักกันมาถึง 5 ปี ท่ามกลางการเติมเต็มซึ่งกันและกัน
ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์ / ภาพ: @rachwinwong (IG)
บทบาท "มุกริน" ใน "ขอเป็นเจ้าสาวสักครั้งให้ชื่นใจ" เป็นยังไง?
ในเรื่อง "มุกริน" เป็นดาราสาวภายนอกแรง ๆ ได้รับการสอนจากผู้จัดการส่วนตัวให้คอยจับผู้ชายที่มีฐานะ เพื่อจะได้สบาย แต่เนื้อแท้ จริง ๆ เป็นคนมีจิตใจดี เป็นผู้หญิงที่ต้องการความรัก คาแรกเตอร์แบบนี้ก้อยไม่เคยเล่นมาก่อนค่ะ คนยังไม่เคยเห็นก้อยในมุมที่มีความร้ายในแววตา มาเล่นเรื่องนี้ก้อยรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อย เพราะที่ผ่านมาก้อยมักได้บทดราม่าค่ะ
สิ่งที่ยากที่สุดในบทนี้คืออะไร?
การทำให้คนดูเชื่อว่าตอนที่ "วีว่า" ที่แสดงโดย แมท ภีรนีย์ เข้ามาอยู่ในร่างของ "มุกริน" เพราะสลับร่างแล้วคาแรกเตอร์เปลี่ยนชัดเจน แบ๊กกราวด์ตัวละครไม่เหมือนกัน มุกรินเหมือนคนตะกายดาว ไม่เพียบพร้อม ในขณะที่วีว่าเป็นผู้ดี ดังนั้นวิธีแสดงออกเลยไม่เหมือนกัน อีกอย่างก้อยและแมทก็ต่างกันมาก ทั้งเรื่องรูปร่างหน้าตาและท่าทางการแสดง เมื่อก้อยต้องเล่นเป็นวีว่า มันยากที่ทำยังไงให้เชื่อว่าอินเนอร์วีว่ามาอยู่ในร่างก้อยแล้ว มันไม่ใช่แค่การก๊อบปี้ แต่ต้องเชื่อว่าเป็นตัวละครนั้น การแสดงเรื่องนี้ซับซ้อน ก้อยต้องอ่านบทแมทด้วย ต้องดูรายละเอียดจากข้างนอกไปถึงข้างใน ต้องสังเกตท่าทางเขาระหว่างพักกองด้วยค่ะ
ก้อยเป็นอีกนักแสดงที่รับละครได้หลากหลายค่าย คิดว่ามันเป็นข้อดีที่เราเป็นนักแสดงอิสระรึเปล่า?
การเป็นนักแสดงอิสระมีข้อดีคือคุณอาจได้ร่วมงานกับผู้จัดหลากหลายค่าย แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพ ที่ทำให้เรายังมีงานต่อเนื่อง และผู้ใหญ่เมตตา ต่อให้คุณเป็นนักแสดงอิสระแต่ไม่พัฒนาตัวเอง มันก็อยู่ได้ระยะนึง แล้วหายไปตามกาลเวลา สิ่งที่สำคัญคือการพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงานด้วยความรักและความตั้งใจ และผลงานที่ออกมาจะเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่มองเห็น และเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงยังมีคนอยากร่วมงาน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ก้อยต้องรักษาเอาไว้ให้มากที่สุดค่ะ
ท่ามกลางนักแสดงเกิดใหม่ ก้อยมีวิธีรักษามาตรฐานการทำงานของตัวเองยังไง?
จริงใจ รักและซื่อสัตย์กับงาน ก้อยรู้สึกรักการแสดงมาก ชีวิตนี้คงไปทำอย่างอื่นไม่ได้แล้ว ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้เราอยู่ในวงการได้คือการพัฒนาตัวเองเสมอ ก้อยเชื่อว่าทุกคนที่ก้อยเจอเป็นครูหมดเลย สั่งสอนให้มีประสบการณ์มากขึ้น ในขณะเดียวกันการรักษามาตรฐานการเป็นนักแสดง และมีความรับผิดชอบค่ะ
มีวิธีเลือกบทยังไง ต้องเป็นนางเอกตลอดรึเปล่า?
เลือกตามจิตวิญญาณค่ะ มันอาจดูนามธรรมนะ ก้อยอยู่ในวงการเกือบ 10 ปีแล้ว มีประสบการณ์ตรงนี้พอสมควร เมื่อผิดพลาดประสบการณ์นั้นก็เป็นครู ก้อยโชคดีที่ได้ทำงานกับผู้ใหญ่ที่คอยสอน มีช่วงนึงที่เรารับแต่บทเดิม ๆ เราเล่นเองยังเบื่อเลยต้องหาแรงบันดาลใจในการทำงาน การออกจากกรอบแรก ๆ มันยาก เพราะไม่มั่นใจ เมื่อก่อนมีคนให้เล่นบทร้าย ก็คิดว่าตัวเองเล่นไม่ได้ จนวันนึงคิดได้ว่าถ้าอยากเป็นนักแสดงที่ดี ต้องรับงานได้หลายบทบาท ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นนางเอก บทอะไรก็ได้ที่เราอ่านบทแล้วสัญชาตญาณบอกว่าเราอยากเป็นตัวละครนี้ ก็รับเล่นค่ะ
คำว่า "นักแสดง" ในมุมมองของก้อยมีความหมายยังไง?
นักแสดงเป็นอาชีพที่โชคดีมาก นอกจากเราได้ทำในสิ่งที่รักแล้ว ยังสร้างความสุขให้คนอื่น เหมือนได้ทำบุญในทุกวัน สร้างแรงบันดาลใจให้คนดูได้ผ่านผลงาน มันคือศิลปะที่ให้คุณค่าต่อชีวิตคน สิ่งที่ก้อยได้เรียนรู้จากวงการก็มีเยอะ ก้อยชอบดูนักแสดงรุ่นใหญ่ทำงาน แล้วตั้งคำถามว่าจะทำยังไงให้อยู่วงการได้นานแบบเขา อย่าง มี้ พิศมัย, พี่แอน ทองประสม, พี่นก สินจัย เป็นไอดอลเรา และเราก็จะได้ยินตลอดว่าสิ่งที่ทำให้เขาอยู่ได้นานและฝีมือการแสดงยังสุดยอดแบบนี้ นอกจากความสามารถ เขายังมีระเบียบในอาชีพ มี้มากองก่อนเวลา นั่งรอไม่เคยบ่น มี้บอกว่านักแสดงถูกซื้อเวลามาเพื่อทำงานในกองละคร ไม่ว่ารอนานแค่ไหนก็ต้องรอ เพราะเราทำงานกับคนทั้งกอง และทุกครั้งที่ก้อยต้องรอ เราก็จะเอาคำพูดนี้มาบอกตัวเองว่านี่คืออาชีพ คือหน้าที่เรา นักแสดงรุ่นใหญ่จะมีความโอบอ้อมอารีกับทุกคนไม่ว่าจะทำหน้าที่อะไร เราก็จำมา ใครทำอะไรให้เราขอบคุณ เพราะทุกคนมีส่วนให้เรามายืนตรงนี้ หรือแม้แต่การปฏิบัติต่อแฟนคลับที่รักเรา เราต้องขอบคุณเขาค่ะ
เวลาที่ก้อยมีข่าวในแง่ลบ เรามีวิธีคิดหรือรับมือกับมันยังไง?
ก้อยปลงค่ะ บางอย่างเรารู้อยู่มันไม่ใช่เรื่องจริง ต้องปล่อยผ่านไป เราอยู่จนเข้าใจธรรมชาติของวงการบันเทิงแล้ว บางทีวงการก็แปลกที่ขับเคลื่อนด้วยข่าวที่ไม่ดี อะไรที่ฉาวโฉ่มันแปลกที่ทำให้คนนั้นมีชื่อเสียงชั่วข้ามคืน ซึ่งเราไม่ได้อยากเป็นแบบนั้น ช่วงเข้ามาแรก ๆ เราเอาใจไปติดกับทุกอย่าง อ่านคอมเมนต์ในอินเทอร์เน็ต ถ้าคนชมเราสัก 10 คน แต่มีคนว่าสาดเสียเทเสียเราแค่คนเดียวใจก้อยจะติดแค่คอมเมนต์นั้นอันเดียว โดยที่ไม่ได้มองความเห็นคนที่รักเรา ไปยึดติดกับการจะทำให้คนนึงนี้รักเราให้ได้ จนเรารู้สึกทรมาน ถ้าเขาไม่รักเรา ท้ายที่สุดเขาก็ไม่รักเราอยู่ดี ไม่ว่าเราจะพิสูจน์ตัวเองแค่ไหน เราเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้ จนกว่าเขาจะเปลี่ยนเอง ดังนั้นก้อยเลยเอาเวลาที่มีไปให้คนที่รักเรา พอทำแบบนั้นเรามีความสุขขึ้นเยอะ ไม่ต้องเหนื่อยในการพยายามให้ใครมารักเรา และมีช่วงนึงที่เราไปปฏิบัติธรรม ซึ่งการแสดงกับธรรมะมันเกี่ยวพันกัน พระพุทธเจ้าสอนมีเกิดมีดับ แอ๊คชั่นคือเกิด คัตคือดับเช่นเดียวกัน เราต้องจับให้ได้ พอเข้าใจตรงนี้มันดีขึ้น รู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง มันก็มีแต่ความรู้สึกอยากเป็นตัวเองที่ดีขึ้น เวลาทำงานก็จะมีแต่พลังดี ๆ เราไม่ลืมนะคำพูดแง่ลบต่าง ๆ แต่เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ แค่เราจะไม่อยู่กับคำพูดที่ทำให้เสียใจ จะอยู่กับปัจจุบันที่พัฒนาตัวเอง เพื่อคนที่รักและเชื่อมั่นในตัวเรา ไม่ใช่คนที่มาว่าเราค่ะ
ถามถึงความรักกับตูน คบกันมา 5 ปีแล้ว คิดว่ามีอะไรที่ต้องปรับกันอีกมั้ย?
ก็มีนะ ทุกวันเราก็โตขึ้นเรี่อย ๆ ความคิดก็เปลี่ยนตามวัย เรารู้สึกว่าอยากเป็นคนที่ดีกว่านี้ ให้เขาได้มากกว่านี้ สิ่งที่เขาทำให้เรามันยิ่งใหญ่ ก้อยไม่อยากได้อะไรมากไปกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไม่ได้คาดหวังในสิ่งที่ทุกคนถามกัน เพราะทุกวันนี้ก็มีความสุขมากอยู่แล้วที่เราห่างกัน 5 ปี พี่ตูนเป็นผู้ใหญ่กว่าก้อย บางอย่างเรายังมีความเป็นเด็ก ซึ่งในวันนึงเราก็อยากเป็นเราที่ดีขึ้น ทำให้เขาสบายใจ ไม่ต้องเป็นห่วงเราจะดูแลตัวเองได้ และในอนาคตเราก็ไม่อยากให้เขามาดูแลเราฝ่ายเดียว แต่เราอยากดูแลเขาให้ดีที่สุดด้วยค่ะ
ถึง ณ ตอนนี้ ตูนเปลี่ยนไปจากวันแรกมั้ย?
ก้อยว่าเขาเครียดน้อยลงนะ (ยิ้ม) คือพี่ตูนเป็นคนคิดเยอะและละเอียดกับทุกอย่าง เซ้นซิทีฟมาก ซึ่งเราก็เป็นเหมือนกัน เขาค่อนข้างไม่เปลี่ยนเลยในเรื่องความคิด เขาจะมีเป้าหมายชัดเจนมาก แต่เขาน่าจะผ่อนคลายขึ้นเวลาที่อยู่กับก้อย ก้อยไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาเป็นยังไง แต่เวลาที่เราอยู่กับเขาก็มีมุมที่เขาบอกว่าไม่เคยเป็นมาก่อน คงติดจากเราไป เช่นเดียวกันเราก็ติดนิสัยบางอย่างจากเขามา เห็นสิ่งดี ๆ ของใครเราก็ซึมซับจากการที่เราอยู่ด้วยกันค่ะ
แล้วก้อยเปลี่ยนไปจากเดิมรึเปล่า หลังจากที่คบกับตูน?
พี่ตูนเขาไม่ได้พยายามเปลี่ยนก้อยทั้งหมด แต่อันนี้ก้อยรู้สึกจากที่คนนอกบอกว่าเราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น พี่ตูนเป็นอีกคนที่ก้อยยึดถือเป็นแบบอย่าง ว่าทำไมคนถึงรักเขามาก เพราะเขารักแฟนคลับมาก เขาให้ความสำคัญกับทุกคนที่เข้ามาหาเขา ไม่ว่าเขาจะเหนื่อย แต่ก็อ้าแขนรับทุกคนด้วยความจริงใจ และสิ่งสำคัญมากก็คือเขาจริงใจกับงาน มันเป็นสิ่งดี ๆ ที่เขาสอนก้อยทางอ้อม ที่ก้อยบอกว่าการที่เราทำอาชีพนี้เป็นเหมือนการทำบุญ สร้างความสุขให้คน ก็เป็นสิ่งที่เขาพูดกับก้อย แล้วก้อยก็จำมาใช้ในการทำงานตัวเองค่ะ
สิ่งที่ประทับใจที่สุดในตัวตูน?
ก้อยประทับใจพี่ตูนทุกอย่างเลยค่ะ พี่ตูนเป็นคนที่ดึงส่วนที่ดีที่สุดของก้อยออกมาได้ ทำให้เป็นก้อยที่ดีขึ้น ก้อยรู้สึกว่าเขาไม่พยายามเปลี่ยนก้อยเลย เพราะเขารู้ว่าก้อยเป็นแบบนี้ ก้อยรู้นะบางทีเขาก็อยากให้เราตื่นเช้ามาทำกับข้าว อยากให้เราเป็นแม่บ้าน เขาจะแอบบอกว่าพี่อยากกินอันนี้ทำให้หน่อย ซึ่งเราไม่มีความเป็นแม่บ้านเลย ก็อยากไปฝึกทำกับข้าวให้เขาทาน หรือเมื่อก่อนเราไม่เรียบร้อย เรารู้สึกว่าอยากเป็นคนที่มีการจัดการที่ดีขึ้น มีความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นมากขึ้น มันเป็นสิ่งที่ก้อยได้รับจากเขามาเรื่อย ๆ จนวันนึงก้อยมองย้อนกลับไปแล้วก็เห็นว่าสิ่งที่เขาให้ก้อยมา มากมายกว่าแค่วัตถุ เขาทำให้เราดีขึ้นโดยไม่มีการบังคับ และเรายินดีที่จะเป็นแบบนั้น เหมือนคนละขั้วที่มาเจอกันแล้วเราสามารถทำให้พอดี มาเติมเต็มกันได้ อะไรที่ก้อยขาดพี่ตูนก็เติมให้เรา อะไรที่พี่ตูนขาดก้อยก็เติมให้เขาค่ะ
คู่เรามีเรื่องหึงหวงบ้างมั้ย?
เรื่องหึงหวงมีน้อยมาก มันอยู่ที่แต่ละคน คือก้อยไม่จุกจิก ไม่เคยโทรฯเช็ก ไม่เคยถามว่าอยู่ไหนทำอะไรเลย ก้อยเชื่อใจพี่ตูนมาก แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้ก้อยเป็นแบบนี้มันมาจากเขา ต้องยกความดีให้เขา ผู้หญิงไม่มีใครอยากเป็นคนจู้จี้ ขี้หวง ขี้หึง ถ้าเกิดว่าคนที่เราอยู่ด้วยทำให้เราเชื่อใจและมั่นใจ ซึ่งก้อยไม่เป็นแบบนั้นเลย เพราะพี่ตูนทำให้ก้อยเชื่อใจได้ค่ะ
ดูแลความรักท่ามกลางแสงสปอตไลต์กันยังไง?
ข่าวไม่ค่อยมีผลต่อชีวิตเราทั้งคู่ ความเป็น 'ก้อย รัชวิน' หรือ 'ตูน บอดี้สแลม' ไม่มีผลใด ๆ สิ่งสำคัญคือการดูแลกันในฐานะคนรักกัน อยู่ต่อหน้ากันเราคือพี่ตูนกับก้อย ไม่ใช่นักแสดงและนักร้อง เขาลงเวทีมาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง เราก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอาชีพนักแสดง แสงไฟ สปอตไลต์ ทำให้คนมองเห็นเราได้ง่ายขึ้น แต่มันไม่มีผลต่อความสัมพันธ์ เพราะสุดท้ายแล้วเรากลับมาบ้านเราก็เห็นแค่กันและกัน สปอตไลต์ไม่ได้ส่องตลอดเวลา และเราก็ไม่ได้เอามาเป็นปัจจัยสำคัญในการเป็นแฟน กันค่ะ
ความรักลงตัวแบบนี้ ไม่เคยมองเรื่องแต่งงานเลยเหรอ?
มันแค่ยังไม่ได้คุยกันมาก กว่า ก้อยก็ไม่กล้าวางแผนเรื่องแต่งงาน อาจกลัวด้วย เวลาเดินไปอะไรก็ไม่แน่นอน ก้อยดีใจนะที่มีคนเชียร์ พอคนพูดก็ทำให้เรามีภาพในหัวขึ้นมาบ้าง แต่เราเข้าใจก้อยรู้จักธรรมชาติพี่ตูน เขาเป็นคนคิดเยอะ และสิ่งที่เขาต้องรับผิดชอบในชีวิต สิ่งที่เขาแบกไว้มันเยอะ เขาเป็นคนทำอะไรทีละเรื่อง ซึ่งเราก็เป็นเหมือนกันที่อยากโฟกัสอะไรเพียงอย่างเดียว ก้อยเคยให้สัมภาษณ์ว่าถ้ามีครอบครัว ก้อยอยากมีลูก ดังนั้นถ้าก้อยจะแต่งงาน ก็จะทุ่มเทในการเป็นคุณแม่ เป็นภรรยาที่ดูแลสามีให้ดี แต่ ณ วันนี้ทั้งเขาและเรายังมีไฟในการทำงาน ดังนั้นอาจยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง
สำหรับเรา "ตูน" เป็นเจ้าบ่าวไม่เปลี่ยนแปลงแล้วใช่มั้ย?
เราก็ไม่กล้าฟันธงว่าต้องเป็นคนนี้ แต่เราไม่มองใครแล้วค่ะ (ยิ้ม) มันลงตัว แต่ก้อยว่าเป็นเรื่องของเวลาที่จะพิสูจน์ทุกอย่าง ตอนนี้มีความสุขแล้ว ชีวิตพอดี ไม่ใช่อิ่มตัวแบบฉันพอแล้วนะ แต่ก้อยตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกว่าช่วงชีวิตตอนนี้ดีจังเลย ได้ทำงานที่รัก มีความสุขกับงาน มีคนรักที่ดี มีเวลาให้ครอบครัว เลยไม่รู้ว่าต้องรีบหาอะไรที่ดีไปมากกว่านี้ ณ เวลานี้เราก็ทำทุกวันให้ดีที่สุด พอไปถึงวันนั้น การแต่งงานอาจเป็นแค่งานนึง แต่สิ่งสำคัญไปกว่านั้นคือการใช้ชีวิตคู่ คำว่าการแต่งงานสำหรับก้อยเป็นพิธีบอกให้สังคมรับรู้ แต่ขั้นต่อไปคือการมีครอบครัว การเป็นแม่คน ตอนนี้เราอยากให้เวลากับครอบครัวของเราเมื่อไหร่ที่เรามีอีกครอบครัว เราก็ต้องไปโฟกัสครอบครัวของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องของเราสองคน แต่ตอนนี้เรามีคนที่ต้องดูแล คนที่เราอยากให้ความสำคัญมากกว่าตัวเอง เหมือนช่วงเวลาที่เราได้ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ อยากอยู่กับท่าน ทำอะไรให้กับท่านได้มากที่สุด ซึ่งก้อยคิดว่าพี่ตูนก็คิดตรงกันค่ะ เขามีความฝันของเขา เราเองก็เหมือนกันค่ะ
สุดท้ายฝากอะไรแฟน ๆ ที่คอยให้กำลังใจเราตลอดหน่อย
ขอบคุณนะคะ คนที่สนับสนุนเราเหมือนเป็นเพื่อนแท้ ก้อยคงไม่สามารถทำงานอย่างนี้ได้ หากไม่มีคนสนับสนุน แฟนคลับที่รอติดตามผลงาน คนเหล่านี้เป็นผู้มีพระคุณกับก้อยมาก และความรักที่ให้เราเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ก้อยเคยคิดนะว่าเราไปทำอะไรให้เขาถึงรักเรามากขนาดนี้ ขอบคุณมากจริง ๆ ที่ยังอยู่ตรงนี้ และก้อยก็จะอยู่ตรงนี้เพื่อแฟน ๆ ต่อไปค่ะ