มีงานเข้ามาต่อเนื่องไม่ขาดสายกันเลย สำหรับนางเอกใจบุญ "จั๊กจั่น - อคัมย์สิริ สุวรรณศุข" ที่ตอนนี้กลายเป็นนางเอกขายดี หยิบจับทำอะไรก็รุ่ง โดยเฉพาะกับงานละครเรื่องล่าสุด "คาดเชือด" ที่เรตติ้งพุ่งไม่หยุด แต่เรื่องหัวใจของสาวจั๊กจั่นกลับเงียบสนิท เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น "ดาวต่างมุม" เลยต้องมาจับเข่าคุยกับสาวจั่นเจาะลึกกันทั้งเรื่องงานเรื่องส่วนตัว
ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์
ละครคาดเชือกเป็นอย่างไรบ้าง?
"ละคร "คาดเชือก" จั่นไม่ค่อยได้บู๊อะไรกับเขา หนุ่ม ๆ จะบู๊มากกว่า เราก็จะคอยไปอยู่ในเหตุการณ์ตื่นเต้นกับเขาด้วย เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของผู้ชายเขา แต่เราก็เหมือนไปสร้างสีสัน สนุกสนาน บทเรื่องนี้ก็เป็นเจ้าของตลาด เป็นนักธุรกิจท้องถิ่น ใครที่ชอบเรื่องราวของบู๊ ศิลปะแม่ไม้มวยไทยก็น่าจะชอบ จั่นเองก็ชอบ อย่างตอนถ่ายเห็นท่าไหว้ครูแล้ว ยังคิดว่าเขาต้องไปเรียนกันขนาดนี้เลย"
มีงานต่อเนื่องตลอดเลย?
"มันอาจจะไม่ได้ออนแอร์ต่อกัน เพราะหลังจาก "สุสานคนเป็น" ก็ยังถ่าย "คาดเชือก" นาน แล้วมันก็มีงานอื่นที่ทำ ก็เลยดูเหมือนไม่ได้หายหน้าไปไหน จั่นว่าโอเคนะ ถ้าเทียบกับงานที่กำลังจะเปิดกล้อง อีก 2 เรื่อง ก็ถือว่าท้าทายดี เป็นบทแปลกใหม่ที่ยังไม่เคยเล่น จั่นไม่ได้ระบุว่าปีหนึ่งต้องรับกี่เรื่อง แต่ก็ดูบท ดูเรื่อง คิวได้ก็โอเค งานที่ผ่านมามันแล้วแต่ช่วงมากกว่า ถ้าช่วงไหนถ่ายนานก็ไม่เห็นเลย ถ้าช่วงไหนเห็นติดกันคือมันบังเอิญ ไม่ถึงขนาดเรื่องต่อเรื่อง"
ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ดีของจั่นเลยนะ?
"ปีที่แล้วเป็นปีที่ดีมาก ๆ ได้พลิกบทบาท ได้ผลตอบรับดี ถ่ายชุดว่ายน้ำครั้งแรกก็เสียงตอบรับดี ปกติชุดว่ายน้ำเป็นอะไรที่เขินมาก ๆ ไม่ได้คิดว่าจะถ่าย แต่เราคิดว่าพลิกบทร้ายแล้ว ก็อยากทำให้คนเชื่อว่าทำได้ ก่อนหน้านั้นงานเซ็กซี่ก็มีถ่ายบ้างอยู่แล้ว แต่ยอมรับว่าหลังจากถ่ายชุดว่ายน้ำไปก็มีงานเซ็กซี่ติดต่อมาเยอะขึ้น มีงานล้างรถติดต่อมา แต่ไม่ไหว มันไม่ใช่เรา ถ้าถ่ายแฟชั่นนี่พอได้ ตอนนั้นที่ถ่ายเพราะอยากให้คนเชื่อในตัวละคร บทรสสุคนธ์ ใน "สุสานคนเป็น" คือคนเห็นครั้งแรกจะบอกว่า เรียบร้อยจังเลยจะไหวเหรอ จะร้ายไหวเหรอ จะยั่วยวนได้เหรอ ก็รู้สึกว่าเราทำเต็มที่ พอชุดว่ายน้ำติดต่อมา คอนเซปต์มันตรงกับละคร ก็เลยตัดสินใจถ่าย แต่ปีนี้ชุดว่ายน้ำจะไม่เห็นอีกแล้ว เพราะเราถ่ายแล้ว ประสบความสำเร็จไปแล้ว และเราก็ไม่ใช่ทรวดทรงนางแบบ เราก็ไม่ค่อยมีอะไรโชว์ด้วย แต่ถ้าเซ็กซี่นิด ๆ หน่อย ๆ โอเค"
เห็นว่ามีงานละครรออยู่ 2 เรื่องเลย?
"ใช่ค่ะ กำลังจะเปิด "นางเหยี่ยวรัตติกาล" อีกเรื่องหนึ่งคือ "ลิขิตริษยา" คือ พี่เอ - ศุภชัย โทรฯมาหาผู้จัดการจั่น บอกว่ามีเรื่องที่พี่เอพล็อตขึ้นมา อยากให้เล่น อ่านเรื่องย่อแล้วก็เป็นพีเรียด มีมิติของตัวละครที่น่าเล่น ก็เป็นร้ายแบบเชือดเฉือน ร้ายแบบมีปมในอดีต บทแรงแต่ที่รับ เพราะหลังจาก "สุสานคนเป็น" คนก็คาดหวังจะดูอะไรที่มันโดน ๆ จั่นอ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นบทที่ดี โอกาสอย่างนี้มันนาน ๆ ทีจะเจอ เราเล่นมาหลายแบบ ทั้งบทดี ใส ๆ น่ารัก แก่นเซี้ยว พอมีบทร้ายมาทำให้เรารู้ว่าการเล่นร้ายนี่สนุกและเหนื่อยมาก คนที่เล่นร้ายต้องใช้พลังเยอะมาก มีคนถามว่าอยากเล่นบทร้ายอีกไหม พอมีบทดีติดต่อมาก็โอเค คือบทนี้มันเป็นตัวเดินเรื่อง มันมีมิติ มันถึงได้ร้ายขนาดนี้ อ่านแล้วรู้สึกว่าถ้าไม่รับจะเสียดายมาก"
พอร้ายไปมาก ๆ อาจจะมีแต่บทร้ายเข้ามาหาเยอะ?
"ไม่นะ มันยังมีบทดีอยู่ ก็เลยไม่ค่อยกังวลมาก แต่ถ้ามันจะเป็นอย่างนั้นแล้วบทมันโอเค ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะตัวละครทุกตัวมันสำคัญหมด ถ้าจั่นยึดกับบทนางเอก บทรสสุคนธ์คงไม่ได้รับ เพราะบทนั้นมันก็ร้ายมาก"
เป็นความตั้งใจที่จะรับบทหลากหลายมากขึ้น?
"ด้วยความที่อยู่วงการมาปีที่ 12 แล้ว จั่นก็อยากเล่นบทที่มันดูแตกต่าง ที่คนดูเห็นแล้วไม่เบื่อ ให้รู้ว่าหลากหลายเราก็เล่นได้ ก็เลยอยากรับงานที่มันท้าทายมากขึ้น จริง ๆ แล้วเป็นคนชอบละครพีเรียดด้วย ก็เลยรับเรื่องนั้น เพราะเราโตขึ้นด้วยเราก็เลยกล้าที่จะรับบทแบบนั้น วัยวุฒิมันก็ได้ด้วยก็เต็มที่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะไม่กล้ารับ แต่ทุกวันนี้ก็ยังต้องมีการพัฒนาหลายอย่าง ถ้ามีโอกาสก็อยากไปเรียนการแสดงเพิ่ม คือกับบทร้ายจั่นเองก็ยังใหม่ การเล่นบทร้ายมิติร้ายมันก็จะต่างจากตัวดี ก็มีการบ้านให้ทำตลอด อย่าง "นางเหยี่ยวรัตติกาล" นี่ก็เป็นทั้งทนาย เป็นนักข่าว ต้องไปดูว่าทนายเวลาพูดเขาพูดยังไง ก็ต้องศึกษาไปในแต่ละบทบาทที่ได้รับ"
วางแผนอนาคตกับงานการแสดงของเรายังไงบ้าง?
"จั่นก็อยากลองเล่นหลาย ๆ บทที่แตกต่างจากเดิม งานในวงการก็รับไปเรื่อย ๆ นี่แหละ เพราะเป็นงานที่เราชอบ และเราก็ทำธุรกิจด้วย คือตอนนี้ก็จะทำ แคทคาเฟ่ และอาหารเสริม กลูต้า บี ไวท์ ดีท็อกซ์ ที่อยากจะทำแคทคาเฟ่ ก็คือ เราเลี้ยงแมวอยู่แล้ว และชอบทานขนม รู้สึกว่าเป็นอะไรที่เราอยากทำ และเราคงมีความสุขมาก ให้คนได้มาเล่นแมวที่น่ารัก ๆ คือไม่ได้มีแค่แมวอย่างเดียว ชั้นล่างจะเปิดเป็นคาเฟ่ธรรมดา ใครอยากทานกาแฟ ทานขนม แพ้แมว ก็ไม่ต้องไปเล่นแมว ซึ่งแมวจะอยู่ชั้น 2 จริง ๆ มาจากจั่นใจรักเอง และอยากให้คนเห็นความน่ารักของมันด้วย ก็คงต้องจัดสรรเวลาให้ดี"
ภาพลักษณ์ของจั่นที่เห็นได้ชัดเลยคือการเป็นนางฟ้าหมาแมว?
"ไม่รู้สิ ก็คือการที่ได้เล่นกับเขาแล้วเรามีความสุข ได้เห็นพัฒนาการของแมวที่เราเลี้ยง แล้วยิ่งแมวที่บ้าน ที่เราเก็บเขามาจากวัด มาจากข้างถนน แล้วเขามีชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุข เราก็แฮปปี้ แมวแต่ละตัวนิสัยก็ไม่เหมือนกัน เวลาอยู่บ้านเราก็เพลิน ๆ มันเป็นความสุขเหมือนคนชอบเล่นตุ๊กตา ชอบเล่นเกม นอกจากแมวจั่นก็มีหมาชื่อ "ประสบโชค" เก็บมาตอนน้ำท่วม เขารักจั่นมาก คือแมวจะมีคนให้เป็นของขวัญตัวหนึ่งเป็นแมวพันธุ์ชื่อ "จูเนียร์" แต่ตัวอื่นก็จะเก็บมาจากวัด จากข้างถนน เจอแล้วต้องเก็บ ไม่ได้ถึงขนาดเป็นนางฟ้า แต่เนื่องจากเคยมีความผิดในใจ เคยไปถ่ายละครแล้วเจอลูกแมวที่วัด 3 ตัว เขาก็ถามว่าจะเอาไปเลี้ยงไหม แม่มันไม่ค่อยสนใจ เราก็เออเดี๋ยวรุ่งขึ้นจะช่วยไปประกาศหาบ้านให้ เพราะว่าวันนั้นเราไม่มีคนขับรถ ไม่สะดวก มันยุ่งยากมากเลยคิดว่าเช้าค่อยไปเอาก็ได้ แต่พอตอนเช้าไปถึง มันโดนหมากัดตายไปแล้วทั้ง 3 ตัว หลังจากนั้นก็เลยรู้สึกผิด ถ้าเจออะไรแบบนี้จะไม่ผัดวันประกันพรุ่งอีก อย่างน้อยถ้าช่วยเก็บมามันก็รอด ตอนนั้นก็ทำให้นอนไม่หลับไปหลายวันเลย"
อยู่แต่กับหมาแมวไม่มีผู้ชายมาจีบบ้างเลยหรอ?
"ไม่มีเลย คือไม่ได้วางเรื่องความรักมาเป็นอันดับหนึ่งด้วย วางเรื่องงานมาเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ได้หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องมีแล้วนะ คืออยากจะทำงานก่อน รู้สึกว่ามีความสุข มีอะไรใหม่ ๆ ให้ลองทำ ไม่ได้รู้สึกว่าฉันจะต้องมีแฟน ไม่ได้ซีเรียส และรู้สึกว่าทุกวันนี้ตัวเองมีความสุขดีแล้ว ไม่ได้เครียด ถ้าจะมีแฟนก็อยากได้คนที่ไม่ต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของเรา เราไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร ด้วยความที่เริ่มโตขึ้นแล้ว ยกตัวอย่าง ถ้ามีแฟนเป็นนักแข่งรถ ไลฟ์สไตล์มันไม่เหมือนกัน เราต้องไปนั่งรถแฟนเราที่สนามแข่งรถ แรก ๆ ก็พอได้ นาน ๆ ก็คงไม่ไหว หรือว่ามีแฟนที่ใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนเรา ก็ไม่ใช่ ก็รู้สึกว่าตอนนี้ชีวิตแฮปปี้ดี ไม่ได้ขวนขวาย"
ถ้าวันหนึ่งเจอผู้ชายรักสัตว์จะรับพิจารณาก่อนไหม?
"มันก็แน่นอนอยู่แล้วค่ะ (หัวเราะ) จั่นรู้สึกว่าคนที่เขารักสัตว์เขาต้องมีจิตใจเมตตา มีความอ่อนโยนอยู่ในตัวเป็นพื้นฐาน อยากได้คนที่ไม่กลัวไม่รังเกียจแมว คือช่วงนี้ไม่มีคนมาจีบเลย แต่ช่วงก่อนมี แต่คุยกันแล้วไม่ใช่ ก็เป็นแค่เพื่อน"
ดูวัยวุฒิน่าจะมีแฟนได้แล้ว?
"ควรจะมีได้แล้วใช่ไหม จั่นก็รู้สึก อย่างที่บอกว่าเราทำงานตรงนี้ ใช้ชีวิตส่วนตัวมีความสุขดีแล้ว สมมุติคนที่เข้ามาแล้วไลฟ์สไตล์ต่างกันมากแล้วต้องไปปรับ คือรักตัวเองมากกว่า ไม่อยากเปลี่ยนตัวเองเพราะใคร อยากให้เขารับที่เราเป็นเราได้ ทุกวันนี้ไม่เหงานะ เห็นเพื่อนมีแฟน แต่งงานก็ไม่ได้รู้สึกอยากมี เพราะรู้สึกว่าชีวิตมันไม่ได้จบที่การแต่งงาน การใช้ชีวิตคู่เหมือนกับการเริ่มต้นใหม่ คือเราก็ไม่ได้ปิด แต่มันยังไม่ใช่ ชีวิตตอนนี้แฮปปี้ เราทำงาน มีเงินใช้ เลี้ยงดูครอบครัวได้ ความรักถ้ามันเข้ามาเจอใช่มันก็โอเค แต่คงไม่ขวนขวายให้ได้มันมาเป็นที่หนึ่งเหมือนตอนเด็ก ๆ"
เป็นห่วงตัวเองในอนาคตไหม หากต้องอยู่คนเดียว ไม่มีคนมาดูแล?
"ด้วยความที่คุณพ่อเราเสียตั้งแต่เด็ก เราก็รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรที่แน่นอน สามีภรรยารักกันไป แต่งกันไป แต่พอคนหนึ่งเกิดอุบัติเหตุเสียไป เราก็ต้องอยู่คนเดียว เราเกิดมาคนเดียว สุดท้ายแล้วก็ต้องอยู่คนเดียว คนเราบางทีคบกันเป็น 10 ปีแล้วเลิกกันก็มี คือคนเราเกิดมาคนเดียว ก็ตายไปคนเดียว พ่อเราเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต เราไม่รู้อนาคตว่าจะเป็นยังไง ถ้าเรายืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง ทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้ ชีวิตมั่นคง ต่อให้มีคนรักเพิ่มเข้ามาเป็นส่วนเสริมก็โอเค แต่เราคงไม่ให้เขามาเป็นปัจจัยหลักที่ทำงาน พอแต่งงานไป แฟนตายไป เราเคว้งทำอะไรไม่ได้ มันก็ไม่ใช่ ส่วนตัวจั่นยังมีทัศนคติที่ดีต่อความรักนะ แต่มันยังไม่เจอแค่นั้นเอง แล้วก็รู้สึกว่าถ้าเจอแล้ว ยังไม่โอเค ก็อยู่เฉย ๆ ได้ ทุกวันนี้มีความสุขแบบคนเดียวได้ ไม่ต้องใช้ชีวิตคู่แบบคู่รัก เพราะรักตัวเองมากกว่า ไม่กลัวคนมองเป็นเลสเบี้ยนด้วย เพราะว่ายังชอบผู้ชาย ยังอยากมีครอบครัว แต่แค่ไมได้โฟกัสเรื่องความรักเท่านั้นเอง ด้วยความที่โตขึ้น ประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น รู้สึกว่าความรักแบบชู้สาว ไม่ใช่เรื่องอันดับหนึ่งของชีวิต เรื่องความรักถ้าจะเข้ามาเป็นเรื่องที่ดีก็โอเค แต่ถ้าจะเป็นเรื่องมีแล้วไม่ดี ก็เลือกที่จะอยู่กับตัวเองคนเดียว"
อยากฝากอะไรกับแฟน ๆ?
"ฝากติดตามละคร "คาดเชือด" ด้วยนะคะ ฝากติดตามผลงานต่อ ๆ ไปของจั่นด้วย รับรองว่าปีนี้จะไม่ทำให้ผิดหวัง สำหรับคอละคร จั่นก็จะมีคาแรกเตอร์ ผลงานหลากหลายแบบ หลากหลายรสให้ได้ชมกัน เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ"