ข่าว > ข่าวดาราทั้งหมด > สัมภาษณ์ดารา

'มะปราง' สวยหน้าไทย อนาคตไกล กุมหัวใจ...หนุ่มฮิปฮอป

19 ม.ค. 2558 12:16 น. | เปิดอ่าน 1516 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

กำลังมาแรงทีเดียวสำหรับสาวหน้าไทยคนนี้ "มะปราง" หรือ "กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล" นักแสดงสาวสวย ที่มีละครต่อเนื่องทางช่อง 3 จากภพรัก ก็มาพบกับเธอในละครเรื่อง "บางระจัน" ต่อทันที ซึ่งขณะนี้กำลังออกอากาศอยู่ทางช่อง 3 สวยและโดดเด่นออกมาขนาดนี้ ทำให้หลายคนอยากจะรู้จักเธอให้มากขึ้น โลกสีสวย ของเราวันนี้จึงขอยกพื้นที่ให้ นางเอกหน้าไทยโลกสวย คนนี้อย่างเต็มพื้นที่กันเลยทีเดียว เอาล่ะ เราไปพูดคุยกับเธอคนนี้กันเลยดีกว่า "มะปราง - กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล"

ที่มา: เดลินิวส์ / ภาพ: Mars Magazine, IG @ladiiprang

 

หลังจบ ภพรัก ก็มี บางระจัน ต่อเลย ฮอตมากนะ?
"ดูฮอตไปเลยค่ะ แต่จริง ๆ คือถ่ายบางระจันนานกว่า เพราะถ่ายประมาณ 1 ปี กับอีก 2 เดือน แต่ภพรักนี่ประมาณ 6-7 เดือน ซึ่งภพรักมาเริ่มทีหลังแต่ว่าภพรักออนแอร์ก่อนแล้วก็ต่อด้วยบางระจันค่ะ"


มะปรางได้รับบทหลากหลายมากนะ?
"ใช่ค่ะ ยิ่งถ้าใครได้ดูตั้งแต่ ดาวเกี้ยวเดือน ที่รับบทเป็นหญิงนิ่มก็จะอีกสไตล์หนึ่ง เหมือนสาวทันสมัย แต่พอภพรักก็จะเป็นตำรวจ เท่ ๆ นิ่ง ๆหน่อยแล้วพอเรื่องนี้ก็จะไทยมาก ๆ"


ถือว่าเป็นคนโชคดีนะ ได้บทแตกต่างกันไป?
"ดีใจมากที่ได้รับบทแบบนี้ ไม่อยากได้รับบทเดิม ๆ แล้วก็เรื่องแรกเลยคือแผนร้ายพ่ายรัก อันนั้นเล่นร้าย แบบน้องสาวเอาแต่ใจ คือแบบไม่เคยได้รับบทซ้ำกันเลย ก็เลยรู้สึกดีใจมาก และต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้โอกาส ไม่ได้รับบทเดิมๆเลย ให้เราได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ แต่บางระจันเป็นแบบพีเรียดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตเลย ได้มาทำอะไรที่ไม่คิดว่าตนเองจะทำได้ด้วยซ้ำค่ะ"

 

 

กับ บางระจัน ตอนแรกวาดภาพในความคิดว่ายังไง แล้วพอไปถ่ายจริงเป็นอย่างไร?
"ตั้งแต่แรกเลยคือผู้กำกับ ต้องขอบคุณพี่ใหม่ค่ะ เพราะเขาเดาไม่ออกเลยว่ามะปรางจะเล่นได้ยังไง พี่ใหม่บอกว่าพี่ใหม่ไม่ได้เลือกปรางตั้งแต่แรกค่ะ แต่เป็นพี่หน่อง-อรุโณชา ที่บอกว่าให้ลองคุยกับปรางดูก่อนไหม แล้วปรากฏว่าพี่ใหม่บอกว่าภาพแรกที่เห็นคือคิดว่าไม่ได้ ปรางไม่มีทางใช่ตัวละครเฟื่องตัวนี้ จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีโอกาสเข้าไปนั่งคุยกับพี่ใหม เขาก็บอกว่าให้เรามาแบบแต่งตัวธรรมดา เสื้อยืด กางเกงยีน แล้วมาแบบไม่แต่งหน้า ไม่ทาเล็บ ไม่อะไรเลย แล้วมาแบบคนธรรมดาซิ ซึ่งพี่เขาก็บอกว่าถ้าปรางอยากเล่น พี่ใหม่ให้โอกาส พอเห็นลุคที่ธรรมดาแล้ว พี่ว่าพี่น่าจะเติมแต่งอะไรเข้าไปได้ คือเขาเห็นเราในลุคเป็นสาวทันสมัย เป็นนางแบบ เขาบอกไม่มีทางมาเป็นชาวบ้านได้ ตอนนี้เลยต้องขอบคุณพี่ใหม่มากค่ะที่ให้โอกาสปรางค่ะ และในช่วงที่ถ่ายกันเราอยู่กันนาน มันผูกพันกัน แล้วนักแสดงทุกคนก็เต็มที่ในการแสดงมากค่ะ ๆ สำหรับเรื่อง บางระจัน"


พอจบแล้วเป็นไง?
"โอ้โห...เพิ่งไปงานเลี้ยงปิดกล้องมาค่ะ น้ำตาจะไหล คือมันดีใจด้วย และได้เห็นผลงานเห็นภาพที่มันสำเร็จจริง ๆ คือเราถ่ายมันมานานมากค่ะ บางทีบางฉากมันแทบจะหลงลืมไปแล้วว่ามันเคยถ่ายแถวนี้ แต่พอได้เห็นแล้วมันก็นึกถึงบรรยากาศตอนนั้นว่าตอนนั้นเราเคยผ่านอะไรมาบ้าง เรามีอุปสรรคอะไรบ้าง"


เล่นไปเลือดรักชาติพลุ่งพล่านไหม?
"พุ่งมาก ไปที่ไหนตอนนี้คนแบบตายแล้ว เธอเป็นคนทำเพื่อชาติได้เลยนะ (ยิ้ม) คือเล่นแล้วมันอิน กลายเป็นว่าเราเข้าใจว่าคนสมัยก่อนเขาลำบากแค่ไหน เพราะว่าเราได้ไปใช้ชีวิตแบบนั้นจริง ๆ เราอยู่ที่นั่นจริง ๆ และเราต้องสู้รบ มันไม่มีชีวิตที่แบบได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว แต่คนยุคนั้นมันมีเรื่องราวให้เขาต้องสู้ มีสงคราม ไหนจะแบบมีเรื่องราวความรักที่ไม่สมหวัง คือมันแทบจะไม่มีรอยยิ้มหลงเหลืออยู่แล้ว เราก็เลยรู้ว่ามันลำบากแค่ไหน ก็เลยคิดว่าโอ้โห...กว่ามันจะมาถึงทุกวันนี้ มันยากมากค่ะ กว่าจะมาเป็นประเทศไทยในรูปแผนที่ประเทศไทยแบบนี้ บรรพบุรุษของเราเสียสละมากจริง ๆ"

 

 

คุยเรื่องละคร มาเยอะแล้วเรามาทำความรู้จักกับมะปรางให้มากขึ้นหน่อย ขอย้อนวัยไปตอนเด็กเสียหน่อย มะปราง ตอนเด็กมีความฝันยังไง?
"ไม่เคยมีความฝันจะเป็นนักแสดงเลยค่ะ เพราะเด็ก ๆ เราเป็นคนขี้อายมาก เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง แล้วคุณแม่เลี้ยงมาแบบเรียบร้อย ให้เราต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว เลี้ยงแบบหัวโบราณ มันเลยทำให้เราเป็นคนไม่กล้าแสดงออกสักเท่าไหร่ค่ะจนกระทั่งเหมือนวันหนึ่งก็มีโมเดลลิ่งมาติดต่อพี่สาวก่อน แล้วเราก็แบบไม่เอานะ ให้เราทำแบบนี้ไม่เอา แต่ไป ๆ มา ๆ ได้งาน เขาก็บอกว่าลูกค้าเอา ลูกค้าชอบ นั่นก็คือจุดเริ่มต้น แล้วก็มาเรื่อย ๆ ค่ะ จนกระทั่งมาเริ่มชอบเราเริ่มรู้สึกว่าการแสดงมันทำให้ชีวิตปรางมีสีสันมากขึ้น จากคนที่ใช้ชีวิตแบบเส้นตรงมาตลอด คือเราก็ใช้ชีวิตแบบเด็กทั่วไป เป็นเด็กที่อยู่ในกรอบมาตลอด เพราะคุณแม่สอนให้เป็นแบบนั้น"


แล้วเรื่องแฟชั่นล่ะ มะปรางดูเป็นสาวทันสมัย แต่คุณแม่เลี้ยงมาในกรอบ?
"ปรางเป็นคนแฟชั่นอยู่แล้วค่ะ เป็นคนรักสวยรักงามอยู่แล้ว คืออยู่ในกรอบแต่ไม่ได้เฉิ่ม เชย อะไรค่ะ เรื่องนี้คือเป็นตั้งแต่เด็ก รักสวยรักงาม (หัวเราะ) จนแม่บอกจะส่องกระจกไปไหน เมื่อก่อนเป็นเด็กติดกระจกมาก"


แฟชั่นของมะปรางมีลิมิตไหม ว่าอันนี้สั้นไป สั้นมาก?
"มีค่ะ เพราะแฟชั่นเดี๋ยวนี้มันไปไกลมาก เราจะเปิดหนังสือให้แม่ดูว่าแฟชั่นมันเป็นแบบนี้ บางทีแต่งแล้วแม่งงว่ามันใช่เหรอ เราก็จะได้บอกได้ว่าแม่มันเป็นแฟชั่นแบบนี้นะ เขาก็จะเข้าใจค่ะ"

 

 

ขอถามเรื่องความรักกันบ้าง เป็นไปได้ยังไงเพราะทางนั้นก็ออกจะฮิปฮอป (โต้ง เซาไซด์)?
"จริง ๆ แล้วไลฟ์สไตล์ไม่ได้ตรงกันเลยค่ะ มาแบบคนละขั้ว แต่เนื่องจากมารู้จักกันเขาเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกทีที่มหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน คืออยู่กันคนละมหาวิทยาลัย แล้วเหมือนก็เจอกันมาเรื่อย ๆ ค่ะ"


คบหากันมากี่ปีแล้วคะ?
"ถ้ารู้จักกันจริงๆก็น่าประมาณ 3-4 ปี ได้แล้วค่ะแล้วก็ค่อยพัฒนามาเรื่อย ๆ เพราะว่าอย่างที่บอกที่บ้านปรางก็ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องนี้มาก เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ได้รีบอะไรอยู่แล้ว ตัวปรางเองก็ต้องทำงาน ตัวเขาเองก็มีสายงานของเขาที่แตกต่างจากเรา เพราะฉะนั้นเรื่องเวลายากมากที่จะมาเข้ากันได้ เพราะฉะนั้นเราก็เลยเหมือนค่อย ๆ ศึกษาดีกว่า เราไม่รู้ว่าแบบมันจะไปกันได้ไหมอะไรแบบนี้ค่ะ"


คือเริ่มต้นจากความเป็นเพื่อนกันมาก่อน?
"เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนกันมาก่อนใช่ค่ะ"


แล้วมันตกลงมาเป็นแฟนกันตอนไหน ยังไง?
"มันไปเรื่อย ๆ เลยค่ะ ไม่รู้ว่าจุดไหนที่ทำให้รู้สึกโอเคว่าคนนี้ใช่ คือ ถ้าคนภายนอกส่วนใหญ่จะมองว่าเหมือนเราจะเข้ากันไม่ได้ ไม่เหมาะกันเลย แต่ด้วยว่าที่เราเป็นเพื่อนกันมาก่อน ทำให้เรารู้ว่ามันมีอีกหลายมุมที่คนยังไม่เคยเห็นว่าเขาเป็นคนยังไง แล้วก็ยังมีอีกหลายมุมที่คนอื่นไม่รู้ว่าปรางเป็นคนยังไง ซึ่งมันอาจจะมีจุดที่ทำให้คลิกกันก็ได้ เราก็เลยคุยกันเรื่อย ๆ"

 

 

ตอนนี้เรียกแฟนได้รึยัง?
"อย่าไปจำกัดความเลย ไม่ใช่อะไรหรอกเดี๋ยวแม่ด่า(หัวเราะ) เป็นห่วงแม่ที่สุดแล้ว คือแม่เป็นคนค่อนข้างซีเรียสกับข่าวมาก ทุกวันนี้ปรางก็พยายามบอกว่าแม่มันโอเคมาก ข่าวนี้มันไม่ได้เสียหายนะ เราไม่ได้เป็นมือที่สามหรือไปแย่งแฟนใครมานะแม่ ทุกวันนี้ก็เหมือนแม่เปิดใจมากขึ้น แล้วอีกอย่างปรางก็ยังไม่ได้พาเขาไปเจอคุณแม่เลยค่ะ"


คิดว่าอีกนานไหม กว่าจะพาไปเจอคุณแม่ของเรา?
"ก็อีกสักนิดนึงอย่าเพิ่งรีบ เพราะว่าเราพาไปตอนที่เรามั่นใจมาก ๆ จะดีกว่า เอาให้ชัวร์แล้วพาไปดีกว่า คุณแม่จะชอบพูดคำนี้บ่อย ๆ แต่เขารับรู้ทุกอย่างว่าเราคุยกับใคร เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่ปัญหา รอให้พร้อมกว่านี้ก่อนดีกว่า ให้ทุกคนโตให้ถึงจุดที่โอเคก่อน"


อยู่ในวงการเราต้องเจอคนเยอะ ๆ เจอคนหน้าตาดีจากหลากหลายวงการเขามีหวง ๆ บ้างไหม?
"จริง ๆ แล้วเขาก็ค่อนข้างขี้หึง แต่พอเราคุยกันไปเรื่อย ๆ เขาก็เข้าใจ เพราะเขาก็ทำงานในวงการเหมือนกันแค่อยู่กันคนละสาย หลัง ๆ เขาก็เข้าใจมากขึ้น"

 

 

ทะเลาะกันบ่อยไหม?
"จริง ๆ ก็ทะเลาะกันมาเรื่อย ๆ อยู่แล้ว แต่การทะเลาะกันมันทำให้ความสัมพันธ์ของเราพัฒนาไปด้วยกันได้ อย่างที่บอกไลฟ์สไตล์เราไม่ตรงกันเลย มันก็ต้องปรับเข้าหากันเรื่อย ๆ ทั้งนี้มันขึ้นอยู่ว่าเราเข้าใจเขาแค่ไหน แล้วเขารับในสิ่งที่เราเป็นได้มากน้อยแค่ไหน ด้วยความที่เราเป็นดาราก็ต้องเจอนักแสดงชาย ต้องเป็นคู่บ่อย ๆ ตอนแรกเขาก็ไม่เข้าใจ แต่หลัง ๆ ก็ดีขึ้นมากค่ะ"


แล้วเขาไปเล่นดนตรีก็ต้องเจอสาว ๆ เรามีหวงเขาบ้างไหม?
"โอ๊ย...เอ็มวีเขาสาว ๆ หุ่นเอ็กซ์มาก เรายังเข้าใจเลย ปรางว่าทุกอย่างมันคืออาชีพการงาน ถ้าเราคบกันแล้ว เรารู้ว่าเขาเป็นคนยังไง เราเชื่อใจกัน มันก็ไม่น่าจะมีปัญหา"


ถามถึงเรื่องความรักแล้ว ต้องถามถึงเรื่องข่าวด้วย เวลาที่มีเสีย ๆ หาย ๆ ทำยังไง แรก ๆ ตั้งรับกับมันได้ไหม?
"แรก ๆ ที่มีข่าวเขียนถึงผู้ชาย แม่โทรฯมาเลย เครียดมาก ถ่ายละครก็เครียดอยู่แล้ว แม่โทรฯมายิ่งเครียดเข้าไปอีก เราก็ว่าตายแล้วทำยังไงดี เราก็เพิ่งเห็นตอนนั้นเหมือนกัน ความจริงเราก็เข้าใจในระดับหนึ่งว่าข่าวมันก็คือข่าว แต่เราก็รู้ว่าเราทำอะไรอยู่ แต่คนอื่นก็อาจจะไม่เข้าใจบ้าง อย่างคุณแม่เขาจะเหมือนเป็นห่วงความรู้สึกคนอื่นมากกว่า ประมาณว่าคนรอบข้างจะมองเรายังไง เขาค่อนข้างแคร์สายตาคนอื่น เราก็เลยเป็นห่วงคุณแม่มากกว่าตัวเราเอง ส่วนคุณพ่อจะออกแนวนิ่ง ๆ เขาจะอยู่เบื้องหลังคุณแม่อีกทีนึง จะสั่งการมาอีกที แต่ไม่ออกเสียง แต่จริง ๆ เขาก็เป็นห่วงเราทั้งคู่แหละค่ะ"

 

 

เรามีวิธีผลักดันตัวเองให้อยู่ในวงการยังไง?
"สมมุติว่าวันนึงเราก้าวไปถึงจุดจุดนึงที่ดังมาก แล้วย้อนกลับมาดูว่าเราดัง โดยที่เราไม่เคยมีข่าวเสียหายเลย ปรางจะภูมิใจมาก ปรางเพิ่งจะพูดกับแม่ว่าเราอยากดังเพราะละคร อยากดังเพราะฝีมือการแสดงมากกว่าดังเพราะข่าวฉาว ปรางไม่เคยน้อยใจเลย บางทีพี่ ๆ นักข่าวยังจำปรางไม่ได้ บางทีเขาก็ถามว่าคนนี้คือใคร เพราะบางทีหนูก็อาจจะไม่ได้อยู่ในกระแส แต่เราก็ภูมิใจที่เขาจำเราจากละครได้มากกว่าที่จะให้เขาจำเราได้จากข่าวเสีย ๆ หาย ๆ"


แต่เอาตรง ๆ ลุคมะปรางดูแรงนะ?
"จริง ๆ มีคนทักเยอะเพราะปรางเป็นคนชอบแต่งตัว คนก็จะทักว่าดูแรง แต่พอได้มารู้จักตัวตนจริง ๆ แล้ว เขาก็บอกว่าตัวจริงปรางเป็นคนเรียบร้อยมาก แต่ถ้าดูจากภายนอกเห็นเราแต่งตัวแรง ก็จะมองว่าเราเป็นคนแรง ๆ"


สวยเซ็กซี่ขนาดนี้ มีชุดว่ายน้ำติดต่อเข้ามาไหม?
"มีบ้าง แต่ยังดีกว่า เรายังไม่พร้อมด้วย อีกอย่างเรามองว่าเราต้องเป็นสาวมากกว่านี้ ที่สำคัญต้องขออนุญาตคุณแม่ก่อน"


สุดท้ายมีอะไรอยากบอกแฟนละครบ้าง?
"ปรางดีใจมากที่เวลาไปไหนมาไหนมีคนมาเรียกอีเฟื่อง ก็ฝากละครบางระจันด้วยนะคะ ทุกคนตั้งใจกับเรื่องนี้มาก ๆ เราทุ่มเททำงานมาเป็นปีเพื่อรอคอยละครเรื่องนี้จริง ๆ เชื่อว่าถ้าละครเรื่องนี้จบไปทุกคนจะยังจำบางระจันได้อีกนาน"

 

: มะปราง กัญญ์ณรัณ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • "โอบนิธิ" ยก "เลดี้ปราง" เป็นความสุขของตัวเองในวันนี้
  • เรื่องย่อละคร "บุหงาส่าหรี" ตอนที่ 16-17 ออกอากาศวันพุธ-พฤหัสบดีที่ 4-5 ตุลาคม 2566 ทางช่องวัน31
  • เรื่องย่อละคร "บุหงาส่าหรี" ตอนที่ 14-15 ออกอากาศวันพุธ-พฤหัสบดีที่ 27-28 กันยายน 2566 ทางช่องวัน31
  • เรื่องย่อละคร "บุหงาส่าหรี" ตอนที่ 12-13 ออกอากาศวันพุธ-พฤหัสบดีที่ 20-21 กันยายน 2566 ทางช่องวัน31
  • เรื่องย่อละคร "บุหงาส่าหรี" ตอนที่ 10-11 ออกอากาศวันพุธ-พฤหัสบดีที่ 13-14 กันยายน 2566 ทางช่องวัน31
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :