มีผลงานในวงการบันเทิงให้ได้เห็นกันอย่างต่อเนื่อง แต่หลายๆ คนยังคงติดภาพเธอจากดาราเด็กเมื่อ 11 ปีก่อน สำหรับ โฟกัส จีระกุล วันนี้ดาวต่างมุมเลยต้องขอนัดสาวหน้าใสคนนี้มานั่งพูดคุยถึงผลงานภาพยนตร์ "ดิอายส์ไดอารี่ คนเห็นผี" ที่กำลังเข้าฉาย และเรื่องหัวใจ หลังมีข่าวผิดหวังจากความรักกับพระเอกหนุ่มรุ่นพี่ บอม - ธนิน มนูญศิลป์ ที่เจ้าตัวออกปากว่าเป็นความรักครั้งแรก จนวันนี้หัวใจของเธอแข็งแรงดีแล้ว
ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์
ถามถึง "ดิอายส์ไดอารี่ คนเห็นผี" ที่กำลังจะเข้าฉายหน่อย?
"เรื่องนี้โฟกัสรับบทเป็นตัวละครชื่อ "ปลา" ค่ะ เป็นวิญญาณผู้หญิงที่รักแฟนมาก จดจำรายละเอียดเกี่ยวกับแฟนได้เกือบทุกอย่างเลย แล้วเป็นวิญญาณที่กลัวผีด้วยนะ (หัวเราะ) เป็นเหมือนวิญญาณมือใหม่ ซึ่งก็ยากเหมือนกันนะคะ เพราะว่าคนเราไม่เคยตาย เราไม่รู้ว่าวิญญาณมีความรู้สึกนึกคิดยังไง มีบ่วงอะไรหรือเปล่า แล้วพี่ มะเดี่ยว - ชูเกียรติ ผู้กำกับ เขาอยากให้ตัวละครมีความเป็นคนอยู่ ซึ่งตัวของปลาเองก็คล้ายกับโฟกัสอยู่เหมือนกันนะคะ ในแง่ของบุคลิก รวม ๆ แต่เราจะไม่ได้จู้จี้จุกจิกเหมือนปลา สำหรับการร่วมงานในเรื่องนี้กับพี่มะเดี่ยวก็สนุกดีค่ะ พี่เขาเป็นคนตั้งใจทำงานมากจริง ๆ ขนาดเขาไม่สบาย เขายังเฟซไทม์กำกับได้เลย เฟี้ยวมากค่ะ แต่ถึงจะเฟซไทม์กำกับพี่เขาก็คุมกองได้อยู่นะคะ พี่ตั้งใจทำงาน จริง ๆ ส่วนกับพี่ปั้นจั่นก็ปรับตัวเข้ากันได้เร็ว เจอกันวันแรกเราต้องเล่นเป็นคนรักกัน โดยไม่มีการเวิร์กช็อปก่อน เราก็ทำออกมาได้โอเคค่ะ"
โฟกัสคิดว่าทำไมคนต้องไปดูหนังเรื่องนี้?
"โฟกัสว่ามันเป็นหนังโรแมนติก-สยองขวัญ ไม่ใช่หนังผีอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่รักกัน อาจจะมีปากเสียงกันบ้าง แล้ววันหนึ่งที่ทะเลาะกันก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น ผู้ชายเลยคิดมาตลอดว่าเขาเป็นคนทำให้แฟนตาย ก็พยายามจะมองเห็นวิญญาณอีกครั้ง ด้วยการเอาของคนตายมาไว้ที่บ้าน ซึ่งวิญญาณผู้หญิงยังวนเวียนอยู่ข้าง ๆ แต่เขามองไม่เห็น คนที่เห็นกลับกลายเป็นคนรอบๆ ข้าง ก็เป็นหนังแนวของพี่มะเดี่ยว ซึ่งนักแสดงทุกคนก็ตั้งใจทำงานมาก"
นอกจากหนังเรื่องนี้ มีผลงานอะไรอีกบ้าง?
"ตอนนี้มีซิทคอมเรื่อง "เลิฟบลัด จัดรักให้ตรงกรุ๊ป" ออกอากาศทางช่องเวิร์คพอยท์ ทีวี แล้วก็กำลังจะถ่าย คลับฟรายเดย์ซีซั่น 5 นอกจากนั้นตอนนี้จริง ๆ โฟกัสไม่ค่อยรับแล้ว นะคะ แต่ช่วงนี้ใกล้หนังฉายด้วย เลยเหมือน งานเยอะ แต่จริงๆแทบจะไม่ได้รับ เพราะว่าเทอมนี้ เรียนคณะนวัตกรรมสื่อสารสังคม ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เป็นปีสุดท้ายค่ะ ปีนี้เลยต้องทำหนังสั้นทำธีสิสส่งอาจารย์ เลยจะเครียดหน่อย คือเราอาจจะจบช้ากว่าเพื่อนๆสักครึ่งเทอม แต่น่าจะได้รับปริญญาพร้อมเพื่อนๆแหละค่ะ ซึ่งหลังจากเรียนจบเราก็คิดว่าถ้ามีโอกาสจริง ๆ เราคงจะเขียนบทภาพยนตร์มากกว่า เพราะรู้สึกว่าเราทำงานคนเดียวดีกว่า และตอนเรียนก็เป็นวิชาที่เราชอบที่สุด อีกอย่าง ตอนแรก ๆ เราเรียน ปี1-ปี2 ก็คิดว่าอยากจะทำหนัง แต่พอเรียนไปเรื่อย ๆ เราก็รู้สึกว่ามีคนที่เก่งกว่าเราเยอะ เลยขอเป็นคนดูแล้วกัน"
แล้วมีแพลนทำธุรกิจไหม?
"ตอนนี้ที่บ้านมีร้านกาแฟค่ะ อยู่ตรงสามแยกไฟฉาย แต่กำลังดูทำเลย้ายร้าน แล้วก็อยากเปิดคาเฟ่แมวจรจัด เผื่อใครอยากรับไปเลี้ยงก็รับไปได้ด้วย เพราะเราเก็บแมวมาเลี้ยงเยอะมาก เจอตรงแถวร้านกาแฟบ้าง ติดอยู่ตามซอกหลังคา หลังจากนั้นก็เริ่มเจอแมวหน้าบ้าน คลอดลูก แล้วบางตัวโดนตัวผู้กัดตาย เราก็สงสาร ก็เก็บมาเลี้ยงอีก หลายคอกแล้ว ซึ่งเรารู้สึกว่าแมวและหมาทุกตัวสมควรได้รับความรักนะคะ แล้วตอนนี้ทุกตัวน่ารักมาก ขนสวยกว่าตอนมันเป็นแมวข้างถนนเยอะเลย ตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่เราตั้งใจจะทำ เพราะว่าจะเรียนจบแล้วด้วย ห้ามใครแย่งทำนะคะ (หัวเราะ)"
ตัวตนของโฟกัสจริง ๆ เป็นอย่างไร?
"เป็นคนเฮฮานะคะ อยู่เฉย ๆ ไม่ได้ ไม่เป็นคนชอบวางแผน คิดเลย ทำเลย ไม่ค่อยคิดอะไรล่วงหน้าเลย (ยิ้ม)"
เห็นช่วงที่ผ่านมา โฟกัสบอกว่าจะงดเล่นโซเชียลฯสักพัก?
"ใช่ค่ะ คือช่วงนี้เราทำงานด้วย เรียนด้วย แล้วนอนดึกมาก เราตื่นมาแล้วรู้สึกว่าอ่อนล้ามาก เพราะมัวแต่เล่นมือถือ เล่นจนสายตาเราเริ่มเบลอและเริ่มสั้นขึ้น เลยอยากพักสักแป๊บนึง เพราะบางทีแม่เรียกเรายังไม่ได้ยินเลย คือกลายเป็นว่าตอนนี้เราติดโซเชียลฯมาก กลายเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของเราไปแล้ว ต้องหยิบขึ้นมาดูตลอด เดี๋ยวนี้เราแทบจะไม่ได้อ่านหนังสือเลย เพราะอ่านทุกอย่างในมือถือหมด ช่วงนี้เราก็ได้กลับมาคิดเหมือนกันว่าทำไมเราไม่ใช้เวลาตรงนั้น มาอ่านหนังสือ มานั่งดูหนัง"
การโพสต์คลิปและข้อความที่ผ่านมาถือว่าเป็นบทเรียนด้วยไหม?
"ตอนนั้นก็มีฟีดแบ็กเข้ามาทุกทางเลยค่ะ ทั้งดีและไม่ดี ยอมรับว่าเป็นบทเรียนหนึ่งที่ทำให้เราโตขึ้น ทำอะไรต้องคิดมากขึ้น แต่เราก็ตกใจมากค่ะ เพราะจริง ๆ เราไม่ได้นึกว่าใครจะมาสนใจเราขนาดนั้น เราเหมือนเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นกระแสสังคม"
ตอนเป็นข่าว มีองครักษ์พิทักษ์น้อยหน่า ด้วยนะ?
"เราก็ตกใจนะคะ อยู่ดี ๆ มาจากไหนกันเยอะแยะเลย เพราะแฟนคลับเราจะเป็นแค่กลุ่มเล็ก ๆ ที่สนิทกันจริง ๆ เหมือนเป็นพี่น้องกันไปแล้ว แต่เราก็ยอมรับนะคะว่าผ่านมา 11-12 ปีแล้ว ทุกคนยังคิดว่าเราเป็นเด็กตลอดเวลา เป็นเหมือนภาพจำของเขาไป แม้ว่าปัจจุบันโฟกัสจะอายุ 21 แล้ว เป็นสาวแล้ว คนก็ยังติดภาพเราถักเปียสองข้างอยู่ดี"
ความรักของโฟกัสตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
"ไม่มีอะไรเลยค่ะ ตอนนี้ยังไม่มีเลย (ยิ้ม)"
กับบอม - ธนิน ยังได้คุยไหม?
"ไม่ได้คุยเลยค่ะ เขาเคยทักตอนโน้นครั้งหนึ่งในเฟซบุ๊ก สักพักใหญ่ ๆ แล้วค่ะ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีก ณ ตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนกันได้ เป็นพี่น้องกันได้ เพราะเราอยู่ในวงการเดียวกัน เราคงหนีกันไม่พ้นหรอก สักวันหนึ่งเราก็คงต้องมาเจอหน้ากัน เลยคงต้องรักษามิตรภาพเอาไว้ แต่โอกาสได้ร่วมงานกันคงยากมาก อย่างน้อยต้องมีผู้จัดการเรา และผู้จัดการเขา ที่คอยเช็ก คงไม่มีทางได้เจอกันหรอกค่ะ"
หลังจากมีเรื่องก็มีข่าวมาเรื่อยๆ ว่าจะคืนดีกัน?
"เราเข้าใจว่าพอเกิดเรื่องสักเรื่องหนึ่งแล้ว คงต้องมีข่าวออกมาเรื่อย ๆ แต่ถ้ามีอะไรคืบหน้า เดี๋ยวเราจะบอกให้ฟังเองค่ะ ไม่ปิดบัง"
อย่างกับเก้า - จิรายุ แฟนคลับก็จิ้นมาก มีโอกาสไหม?
"จิ้นเนอะ (หัวเราะ) ขนาดเราเองยังรู้สึกเลยค่ะ ว่าเคมีเข้ากัน บทมาแค่นี้แต่เราเล่นมากกว่านั้น เวลาร่วมงานกันเรารู้สึกว่าสนุกดี แล้วเขาก็เป็นรุ่นน้องที่คณะ คนที่ จิ้นก็ต้องรอให้เป็นเรื่องของอนาคต แต่ว่าคงจะไม่มีลุ้นหรอกค่ะ"
จริงๆ มีคนเข้ามาจีบบ้างหรือเปล่า?
"ไม่มีเลยค่ะ เพราะเขาคงกลัวกัน (หัวเราะ) ซึ่งก็ดี เพราะจะได้สแกนคนที่จะเข้ามาในชีวิตเรามากขึ้น จริง ๆ คุณแม่ก็ช่วยสแกนอยู่แล้วนะคะ แต่เอาจริง ๆ ไม่ว่าใครจะสแกนยังไง ก็ต้องดูกันนาน ๆ ดูแค่ผิวนอกไม่ได้หรอก เพราะตอนแรกอาจจะดีมากเลยก็ได้ ไม่มีใครรู้ คือเรายอมรับว่าเคยเข็ดกับความรัก เคยมองความรักในแง่ร้ายมากขึ้น แต่พอไม่ได้มองแค่ตัวเรา ดูคนอื่นที่มีความรักมันก็ยังสวยงามอยู่ เราเลยคิดว่าเราต้องมองว่ามันดีเหมือนเดิมซิ ตอนนี้เลยไม่ได้ปิดกั้น แต่ไม่ได้มีใครเข้ามาจริงๆ"
คนที่จะเข้ามาคุยกับโฟกัสต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?
"สิ่งที่เราพูดมาตลอด และตกลงกันมาตลอดคือ ต้องเข้ากับที่บ้าน เข้ากับเพื่อนเราได้ และไม่เจ้าชู้ แค่ 3 ข้อ ยังหายากเลยค่ะ เพราะแม่เรา ขนาดเพื่อนยังกลัวเลยค่ะ แม่ทั้งห่วง ทั้งหวง จะเรียนจบ ปี 4 แล้ว แม่ยังไม่ค่อยปล่อยให้ไปไหน มีบ้างที่เราไปทำรายงานบ้านเพื่อน แต่นาน ๆ ทีเลย แล้วแม่จะค่อนข้างหงุดหงิดถ้าเราต้องไปนอนที่อื่น"