ก่อนหน้านี้ชื่อของนักร้องสาว หนิม - คนึงพิมพ์ ธนพิชชากรณ์ แห่งบ้านเอเอฟ อาจไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากนัก จนกระทั่งมาเกิดกรณีข่าวดัง เพราะช้ำรักจนต้องเลิกรากับนักร้องหนุ่มใหญ่ จิ๊บ - วสุ แสงสิงแก้ว แล้วก็มีชื่อของ จ๊ะจ๋า - พริมรตา เดชอุดม เข้ามาพัวพันแทรกแซงความรักของทั้งคู่ ทำเอาชื่อของหนิมเป็นที่จดจำทันที ถึงแม้ว่าทั้งทางหนุ่มจิ๊บและสาวจ๊ะจ๋าจะออกมาปฏิเสธข่าวไปแล้วว่าเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมงานกัน แต่รักครั้งนี้ก็ทำให้หัวใจของสาวหนิมบอบช้ำไม่น้อย วันเวลาผ่านไปหัวใจเข้มแข็งขึ้น สาวหนิมจึงพร้อมเปิดใจกับ "ดาวต่างมุม" ถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา
ที่มา : ดาวต่างมุม เดลินิวส์
ตอนนี้สภาพของจิตใจเป็นอย่างไรบ้าง?
"ก็ดีขึ้นเยอะแล้วนะคะ เราเข้มแข็งขึ้น เหมือนได้กลับมาอยู่กับตัวเอง จะสุขจะทุกข์มันอยู่ที่ตัวเราแล้ว ก่อนหน้านี้เราอาจจะเอาความสุขของเราไปฝากไว้กับอีกคนหนึ่ง พอไม่ได้ดั่งใจมันก็เป็นทุกข์ ตอนนี้เรามีความสุขกับการทำงาน หากจะทุกข์มันก็เกิดจากเรา แก้ไขที่ตัวเราค่ะ ก็พยายามคิดให้ตัวเองสบายใจค่ะ"
ช่วงที่จิตใจแย่ ๆ มีวิธีทำใจอย่างไรบ้าง?
"คงต้องปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้นไปค่ะ เพราะต่อให้ปลอบใจตัวเองเท่าไรมันก็ไม่ช่วยหรอก ใช้ธรรมะช่วยบ้างว่ารู้สึกอย่างไร ต้องรู้ทันกิเลสของเรา ตอนนั้นมันฟุ้งซ่านคิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อย คือเราทั้งโกรธทั้งเสียใจ ก็เลยมานั่งดูความรู้สึกนั้นของเรา สักวันหนึ่งเมื่อเวลามันผ่านไปมันก็จะค่อย ๆ หายไปเอง ใช้เวลาไม่นานนะ ประมาณหนึ่งเดือน ถือว่าเร็วกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะหนิมได้กำลังใจจากคนรอบข้างเยอะมากเลย ทั้งเพื่อนเรา น้อง ๆ เอเอฟบางคนที่ไม่ค่อยได้คุยกัน ไม่ค่อยสนิท เขาเห็นเราจากข่าวก็มาถามไถ่ว่าพี่เป็นอย่างไรบ้าง แฟนคลับทุกคนแสดงความห่วงใยมา เราเลยรู้สึกอบอุ่นและมีกำลังใจขึ้นอีกเยอะค่ะ"
หนิมจริงจังกับความรักครั้งที่ผ่านมามากแค่ไหน?
"หนิมรักใครก็ทุ่มเทนะคะ แต่ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องแต่งงานนะ เพราะอะไรมันก็เกิดขึ้นได้สำหรับทุกความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นแฟนหรือเป็นเพื่อนก็ตาม เพราะวันหนึ่งเขาอาจจะไปเจอคนที่ใช่กว่าเราก็ได้ ก็ปล่อยให้มันเป็นไปค่ะ แต่ก็เป็นรักครั้งที่เสียใจมากที่สุด อาจเป็นเพราะเราให้โอกาสเขามาเยอะมั้งคะ เพราะคิดว่ามันจะดี แต่สุดท้ายมันก็ไม่ดีขึ้น เหมือนเริ่มจากศูนย์ใหม่ทุกครั้ง ตลอดเวลาที่คบกันความรักไม่ได้ราบรื่นมากนัก แต่ส่วนที่ดีของเขาก็มีนะ เขาเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนอบอุ่น ช่วยเหลือให้คำปรึกษาเราได้ สิ่งที่ไม่ดีเราพยายามมองข้ามไป แต่ครั้งสุดท้ายทนไม่ไหวจริง ๆ ค่ะ"
ทำไมจึงโพสต์ลงอินสตาแกรมแบบนั้น?
"ที่ผ่านมาหนิมไม่เคยพูดอะไรถึงเขาเวลาสัมภาษณ์กับพี่ ๆ นักข่าวเลย แต่ความจริงเป็นยังไงเราสองคนรู้กันอยู่ว่าคบกัน เราไม่พูดออกไปเพราะเกรงใจเขา แต่เขากลับไปบอกคนอื่นว่าไม่ได้คบกัน สุดท้ายผลเสียกลับมาที่เรา เราโกรธมากเลยจึงโพสต์ไปแบบนั้น แต่มันก็ส่งผลกระทบนะทั้งตัวหนิมที่คนอื่นจะมองว่าทำแรงเกินไปหรือเปล่า ขาดสติหรือเปล่า แต่ของหนิมคงไม่มากเท่าที่พี่เขาโดน ก็ต้องขอโทษเขาด้วยเหมือนกันค่ะ"
ทุกวันนี้ยังคุยกับพี่เขาบ้างไหม?
"เขาโทรฯ มาตลอดเลยค่ะ แต่ไม่ได้คุยกันแบบเดิมแล้ว เขาจะถามเราว่าเป็นอย่างไร แล้วก็เล่าว่าวันนี้เขาไปไหนมา ทำอะไรบ้าง จริง ๆ แล้วช่วงก่อนหน้านี้ก็ไม่แข็งแรงพอที่จะคุยนะคะ แต่ตอนนี้โอเคแล้ว โทรฯ มาก็คุยค่ะ"
ถ้ามีรักใหม่สเปกเปลี่ยนไหม?
"ยังชอบคนที่อายุมากกว่าค่ะ เคยคุยกับเด็ก ๆ เหมือนกันนะ แต่คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องค่ะ ตอนนี้แทบไม่ได้คิดเรื่องรักครั้งใหม่เลยค่ะ โฟกัสกับงานมากกว่าเพราะช่วงนี้งานเยอะ ถามว่าตั้งเป้าอะไรไว้ไหม ขอคนที่ดีพอก็พอค่ะ แต่เราก็ไม่รู้ว่าคนที่เราชอบหรือถูกใจจะเป็นอย่างที่เราคิดไว้ไหม มันคงต้องใช้เวลาศึกษากันไปนาน ๆ"
พอมีข่าวแบบนี้ทำให้มีคนรู้จักหนิมมากขึ้น รู้สึกอย่างไรบ้าง?
"มันเหมือนเหรียญ 2 ด้านค่ะ มีทั้งด้านดีและด้านลบ บางคนดูข่าวแล้วเห็นอกเห็นใจ บางคนก็ไม่ชอบ แล้วแต่คนจะคิดค่ะ สำหรับหนิมแล้วคงไม่อยากเป็นที่รู้จักด้วยการเอาข่าวอกหักผิดหวังของตัวเองเข้ามาแลก แต่ถ้ามันเป็นข่าวไปแล้ว คงไปห้ามอะไรไม่ได้ ต้องยอมรับมันไม่ว่าจะดีหรือร้าย"
ข่าวของหนิมทำให้เพื่อนต้องคอยตอบคำถามแทนเรา โดยเฉพาะฝ้าย (ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล)?
"รู้สึกเลยว่าเพื่อนคนนี้คือเพื่อนแท้ ครั้งแรกที่เห็นเขาเมนต์ในไอจีของเรา คิดเลยว่าเพื่อนเอาตัวเขาเข้าชนแทน ต้องขอบคุณเขานะสำหรับอะไรหลาย ๆ อย่างที่เราไม่สามารถพูดเองได้ มีหลายคนไปว่าเพื่อนคนนี้บ้าง อย่าไปว่าเขาเลยค่ะ เพราะถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนของเรา เราก็คงทำแบบที่ฝ้ายทำเหมือนกัน"
ช่วงที่จิตใจแย่แต่ต้องขึ้นไปร้องเพลงให้ผู้คนมีความสุข มีวิธีการจัดการกับอารมณ์ตอนนั้นอย่างไร?
"พูดแล้วจะร้องไห้ค่ะ บางทีร้องไม่ได้เลย เพราะเพลงใหม่มันเป็นเพลงอกหักด้วย ชื่อเพลง "โปรดจีบฉันที" ก่อนหน้านี้ตอนอัดเสียงมันไม่มีปัญหาเลย แต่พอเกิดเรื่องแล้วต้องมาร้องเพลงนี้ ทุกคำในเนื้อเพลงมันกระแทกใจเราหมดเลย 2 วันแรกที่เกิดเรื่องร้องเพลงนี้ไม่ได้เลยค่ะ แต่ก็นึกถึงเส้นทางของเราที่ผ่านมากว่าจะมาได้ยืนตรงจุดนี้ เราผ่านความลำบากอะไรมาบ้าง ผ่านการประกวด ผ่านความผิดหวังมาเยอะ แต่สำหรับเขา เราเจอเขาแค่ช่วงนี้ เป็นเวลาเพียงไม่นาน ก็แค่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราช่วงหนึ่งเท่านั้น การนึกถึงความลำบากและความฝันของตัวเองเข้าไว้ก็ช่วยได้มาก สำหรับเพลงเร็วจะไม่มีปัญหาเพราะเนื้อหาของเพลงมันเป็นแง่บวกอยู่แล้ว เราก็ลืมความเจ็บปวดไปได้ ถ้าเป็นเพลงเศร้านี่สิ (หัวเราะ) ซึ่งเนื้อเพลงมันกระแทกใจทุกคำขนาดนี้ ก็ไม่ไหวนะ ยิ่งในเอ็มวีด้วยแล้ว (เพลงโปรดจีบฉันที) ก็มีส่วนคล้ายชีวิตจริงด้วย ในเรื่องพระเอกเอ็มวีเป็นผู้กำกับแล้วก็เป็นแฟนกับเราด้วย เป็นแบบปิดบัง ไม่เปิดเผย เลิกกันก็ไม่มีใครรู้ โอ๊ย ทำไมมันช่างบังเอิญขนาดนี้ (หัวเราะ)"
จากนี้ไปจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร?
"จะพยายามใช้ชีวิตให้มีความสุขค่ะ จะรักตัวเองให้มาก ๆ ดูแลกายและหัวใจตัวเองให้ดีเหมือนกับเขาเป็นเพื่อนสนิทของเราคนหนึ่ง แล้วก็ลุยงานค่ะ ส่วนใหญ่เป็นงานร้องเพลง แม้การร้องเพลงจะเป็นการออกไปโชว์หน้าเวทีซึ่งแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่ก่อนขึ้นเวทีเราต้อง เตรียมตัวเตรียมพลังเยอะมาก มันจะทำให้หนิมได้มีเวลาไปโฟกัสตรงจุดนี้มากขึ้น ส่วนเรื่องละครและภาพยนตร์มีติดต่อเข้ามาบ้าง คงจะได้ชมกันในเร็ว ๆ นี้ จะใช้ทุกโอกาสที่ได้รับมาทำมันให้ดีที่สุดค่ะ หนิมมีความฝันตั้งแต่แรกเลยว่าอยากเป็นนักแสดงเป็นดารา แต่ด้วยความที่อยู่ต่างจังหวัดก็ไม่รู้จะเข้าวงการอย่างไร เผอิญโชคดีที่ร้องเพลงได้ ก็เลยหัดร้องเพลง ไปเรียนร้องเพลง ไปประกวด ได้รางวัลมา จนได้เข้ามาในวงการบันเทิงเป็นนักร้อง แต่ที่เราเคยชอบที่เราเคยฝันไว้ว่าอยากเป็นนักแสดงเราก็ไม่เคยลืมนะ อยากจะได้โอกาสทำมันเหมือนกัน ซึ่งถ้ามีโอกาสก็จะทำมันให้ดี"
เข้าวงการมาตั้งแต่เอเอฟ 5 ผ่านมา 6 ปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้าง พอใจกับชื่อเสียงตอนนี้แค่ไหน?
"ถือว่าพอใจค่ะ แต่ยังคาดหวังว่าเราจะเป็นที่รู้จักมากกว่านี้อีก ถ้ามีโอกาสทำในสิ่งที่เราอยากทำเยอะ ๆ ก็น่าจะดี ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ทางทรูด้วยที่ไม่เคยทิ้งหนิมและให้โอกาสมาเสมอ ให้มีผลงานมาตลอด 6 ปี ถ้าเขาไม่ให้โอกาสเราคงหายไปแล้ว 6 ปีในวงการบันเทิง ให้ชีวิตที่ดีขึ้นนะคะ ถึงจะไม่ได้ดังมากมายเท่าคนอื่น อายุเราแค่นี้แต่สามารถมีบ้านมีรถเป็นของตัวเอง แล้วก็ส่งเงินให้พ่อแม่ได้บ้าง รู้สึกภูมิใจกับตรงนี้แล้วค่ะ มันยังทำให้เรามีความรับผิดชอบมากขึ้นด้วย ถึงงานของเราเป็นการมอบความสุขให้แก่คนอื่น แต่เราก็ต้องทำความสุขกับตัวเองให้ได้ก่อน ซึ่งมันก็ยากนะ เพราะทุกคนย่อมผ่านทั้งเรื่องร้ายบ้างเรื่องดีบ้าง แต่หน้าที่ของเราในการมายืนอยู่ตรงนี้ หากมีความทุกข์ก็ต้องทำให้มันหายเร็ว ๆ หนิมภูมิใจที่ได้ทำให้ทุกคนมีความสุขบนเวทีในงานดี ๆ วันดี ๆ ของเขา คือเขามีวันดี ๆ ใช่ไหม เขาจึงจ้างเราไปร้องเพลง แล้วเขามีความสุขสนุกสนานไปกับเรา"
ก่อนเข้าวงการกับตอนนี้ทัศนคติต่อวงการบันเทิงเปลี่ยนไปไหม?
"เมื่อก่อนคิดว่าวงการบันเทิงเป็นอะไรที่สวยงามและน่าสนุก ทุกวันนี้ก็ยังคิดแบบนี้อยู่นะคะ เราได้ทำอะไรที่มีความสุข แล้วคนอื่นก็มีความสุขไปกับเราด้วย อีกด้านหนึ่งเราได้มายืนอยู่ในจุดที่คนอื่นมองเห็น บนท้องฟ้ามีดาวหลายดวง หนิมอาจจะไม่ใช่ดาวดวงใหญ่ แต่ว่าก็ยังมีคนมองเห็นหนิม เพราะฉะนั้นเราก็ต้องทำตัวให้ดีด้วย"
สุดท้ายนี้ฝากอะไรถึงแฟน ๆ ที่ติดตามหนิมมาตลอด 6 ปี
"ขอบคุณนะคะสำหรับการติดตามผลงานมาโดยตลอด อย่างที่ทุกคนทราบดีว่าเวทีเอเอฟไม่ใช่ตัวเราเท่านั้นที่จะทำให้เราก้าวมายืนตรงนี้ได้ แต่ยังมีแฟนคลับด้วยที่พวกเขายอมเสียเงินโหวตให้เราได้มายืนอยู่บนเวทีนี้ ขอขอบคุณที่ผลักดันให้หนิมมาไกลมาก ทุกวันนี้พวกเขาก็ยังสนับสนุนอยู่เรื่อย ๆ และให้กำลังใจเวลาที่หนิมทุกข์หรือมีปัญหา ทุกคนจะเข้ามาซัพพอร์ตเสมอ ขอบคุณมากค่ะ"
ไม่มีอะไรที่จะบอกไปมากกว่าคำว่า “ขอให้หัวใจแข็งแรง” เพื่อที่จะได้มาร้องเพลงสร้างความสุขให้กับแฟน ๆ ต่อไปจ้า