ถือเป็นอีกหนึ่งนางเอกน้องใหม่มาแรง ที่กำลังมีผลงานอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว สำหรับสาว ลิลลี่-ภัณฑิลา วิน ปานสิริธนาโชติ วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยไม่รอช้า รีบนัดแนะเธอมานั่งคุยกันแบบชิลชิล เพื่อเปิดตัวตนและมุมมองของเธอให้แฟน ๆ ได้รู้จักกันสักหน่อย ใครอยากใกล้ชิดเธอให้มากขึ้น รีบไปอ่านคำสัมภาษณ์ที่เอ็กคลูซีฟแบบสุด ๆ พร้อมกันเลย
ที่มา : ดาวต่างมุม เดลินิวส์
ถามถึงผลงานละคร “อีสา” หน่อย เป็นยังไงบ้าง?
"ลี่รับบทเป็น “ใจสว่าง” ค่ะ เป็นคนที่คอยให้กำลังใจอีสา ดูแลเขา ลี่เล่นคู่กับพี่ ไนกี้-นิธิดล คาแรกเตอร์เรื่องนี้ก็ไม่ได้ต่างจากเรื่องที่ผ่าน ๆ มาก เพียงแต่อาจจะเรียบร้อยกว่าทุกเรื่องที่เล่นมา เล่นละครรีเมค จริง ๆ เราก็กดดันนะคะ บทนี้ในเรื่องเดิมพี่อั้ม-พัชราภา เป็นคนเล่น แล้วตัวเราประสบการณ์ก็น้อยมาก แต่ก็ดีใจที่ผู้ใหญ่ให้โอกาส เพราะเป็นละครฟอร์มยักษ์ด้วย ต้องบอกเลยว่าพี่ ๆ ทุกคนในเรื่องเขาเก่งอยู่แล้วในการรับส่งบท คือลี่รับอย่างเดียวเลย แต่เอาจริง ๆ เล่นกับรุ่นใหญ่ลี่รับได้นะ แต่ถ้าเล่นกับนักแสดงหน้าใหม่เหมือนกัน มันจับทางไม่ถูก รุ่นใหญ่เขาส่งมาทีเดียวเลย และเราก็รับได้ นักแสดงรุ่นพี่จะให้คำแนะนำลี่เยอะเลยค่ะ ทั้งเรื่องมุมกล้อง บอกเทคนิคต่างๆ"
จริง ๆ ลิลลี่เข้าวงการมาได้ยังไง?
"ลี่เจอ พี่บอย-ถกลเกียรติ ที่นิวยอร์ก อเมริกา ค่ะ เขาชวนมาออดิชั่น เราก็เลยกลับมาเมืองไทยเพื่อออดิชั่นดู เพราะคิดว่ามันไม่ได้เสียหายอะไร พอเราออดิชั่นได้ก็ดีใจ เลยไปคุยกับคุณพ่อ ตอนแรกคุณพ่อไม่ถึงกับห้ามแต่ก็มีท้วงว่าจะดีเหรอ เพราะตอนนั้นลี่อยู่อเมริกา แต่ถ้าทำงานในวงการก็ต้องกลับมาที่นี่ แล้วเรื่องเรียนล่ะ คุณพ่อมีกังวลบ้าง กลัวเราจะขาดการเรียนรึเปล่า เราก็เลยอธิบายให้เขาฟังว่าเราสามารถเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่นี่ได้ ไม่มีปัญหา เพราะยังไงการเรียนลี่ก็ไม่ทิ้งอยู่แล้ว สำหรับการที่ลี่ตัดสินใจเลือกเป็นนักแสดง เพราะลี่คิดว่าโอกาสมันไม่ได้มีมาง่าย ๆ มีแค่ครั้งเดียวเอง ถ้าตอนนั้นเราปฏิเสธไป โอกาสคงไม่มีแล้ว เลยคิดว่าเราเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่นี่ก็ได้ และทำงานพร้อมกันไปด้วยมันก็ดีเหมือนกัน ซึ่งการที่ตัดสินใจเลือกเป็นนักแสดงลี่คิดว่าคุ้มนะคะ เราอาจจะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้าง แต่เราก็ได้อะไรกลับมาเยอะ ทั้งเรื่องของประสบการณ์ชีวิต ตอนแรก ๆ ลี่ไม่คิดว่าตัวเองจะชอบการแสดง แต่พอหลัง ๆ ลี่รักมันแล้วล่ะ เวลาเล่นแล้วเราอินไปกับมัน คิดว่านี่แหละคือสิ่งที่เราชอบจริง ๆ ในตอนนี้จริง ๆ แล้วลี่เคยไปแคสติ้งโฆษณาตั้งแต่อายุ 13 ปี แต่ดวงมันยังไม่ได้ ทุกอย่างมันไม่ใช่ ก็ไม่ได้มาตลอด เหมือนพอจะได้งานปุ๊บเราก็ถูกเปลี่ยนตัว จนมาถึงจุดนี้ที่เราได้ทำงานในวงการ ก็คิดว่าเราเคยโดนปฏิเสธมาตลอด พอได้โอกาสขึ้นมาก็ไม่อยากให้มันหลุดมือไป แต่ลี่ไม่ใช่คนที่อยากเป็นดารามาตั้งแต่เด็ก ๆ นะคะ จนได้รับการทาบทามนี่แหละ เลยคิดว่าโอเค ลองก็ได้ คือเราสนใจแต่ไม่ได้ถึงกับคาดหวัง"
พอเป็นดาราแล้วชีวิตแตกต่างจากเดิมบ้างรึเปล่า?
"แตกต่างนะคะ แต่ก็ไม่ได้มากขนาดที่เราต้องเปลี่ยนไป ลี่ยังคงไปเรียน ไปเที่ยวเล่น ไปหาเพื่อนปกติ แต่บางครั้งเราก็ทำตัวเหมือนที่เคยทำมาตลอดไม่ได้แล้ว เมื่อก่อนยังไม่เป็นดาราเราก็จะแก่น ๆ พูดโน่นนี่ แต่ตอนนี้เราต้องสำรวมขึ้น สำหรับเรื่องที่ต้องปรับตัวเป็นพิเศษ น่าจะเป็นเรื่องการพูด ที่เมื่อก่อนลี่จะเป็นคนที่พูดกับเพื่อนแบบเอ็นจอยเต็มที่ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว ต้องเพลาลงนิดนึง ระวังคำพูดมากขึ้น ส่วนเรื่องการโดนจับตามอง ตอนแรกลี่ก็ยังไม่ชิน แต่พอเราเล่นเรื่อง “จ้าวพายุ” มันก็เริ่มมีคนจำเราได้มากขึ้น เมื่อก่อนลี่เป็นคนไม่ชอบแต่งหน้าแต่งตัว แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้แล้ว เราต้องรักษาดูแลตัวเองขึ้นอีกเยอะค่ะ"
ตอนนี้เหมือนเราเป็นนางเอกเลือดใหม่ของค่าย “เอ็กแซ็กท์” รู้สึกยังไงบ้าง?
"ทั้งดีใจและกดดันค่ะ เราอยากทำให้ดีที่สุด ลี่เองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้ดีรึเปล่า แต่ก็ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ที่ไว้ใจเราให้ได้รับบทบาทแบบนี้ เรื่องการปรับปรุงด้านการแสดง คือลี่ต้องพัฒนาอีกเยอะมากเลย ทั้งเรื่องคำพูดที่เรายังติดพูดเร็ว และไม่ชัดบ้าง ก็ต้องปรับอยู่ ในส่วนของแอ๊คติ้ง ลี่ยังมีเรียนคลาสเพิ่มเติมการแสดง เรียนเพิ่มในส่วนที่ขาดไป คือเวลาที่แสดงลี่จะไม่ค่อยมีภาพในหัว เราต้องคิดมาก่อนว่าเกิดเหตุการณ์อะไรบ้าง แต่บางครั้งเราจะเบลอ ๆ ไปบ้าง นี่คือส่วนที่เราปรับปรุงค่ะ"
คำว่านางเอกสำคัญกับลิลลี่มั้ย?
"ไม่นะคะ ตอนที่เข้ามาลี่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาจะวางลี่ไว้อยู่ตรงจุดไหน ลี่รู้แค่ว่าเราได้เล่นละคร ทุกบทบาทมันต้องสำคัญ ไม่ได้คิดว่าเราต้องเป็นนางเอกหรืออะไร ได้บทอะไรมาก็อยากรับหมดค่ะ คือที่ผ่านมาลี่มักได้รับบทแก่น ๆ ซึ่งมันก็ใกล้เคียงตัวลี่นะคะ แต่ลี่อยากเล่นบทที่เป็นดราม่าจัด ๆ ผู้ใหญ่ก็มีมาถามเหมือนกันว่าเราชอบแบบไหน เราก็เคยบอกเขาว่าอยากเล่นแนวดราม่าหรือไม่ก็เรียบร้อยไปเลย เพราะคิดว่ามันท้าทายดี"
ตอนนี้ดาวรุ่งใหม่เกิดขึ้นเยอะมาก ลิลลี่คิดว่าตัวเองมีจุดเด่นอะไร?
"แต่ละค่ายก็มีดาราที่แข่งขันกันเองอยู่แล้ว ดาราใหม่เยอะมากจริง ๆ แล้วเราก็เป็นดาราหน้าใหม่เหมือนกัน ลี่ว่าทุกอย่างมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับหน้าตาหรือสิ่งภายนอกค่ะ มันขึ้นอยู่กับฝีมือการแสดงมากกว่า ถ้าเราทำดีจริง ๆ คนดูก็จะชื่นชม ถามว่าลี่คิดว่าตัวเองมีจุดเด่นอะไรที่ทำให้คนจดจำเราได้ คือลี่เป็นคนที่เป็นกันเองกับแฟนคลับ เราจะให้เขาแบบสุด ๆ แฟนคลับสำคัญมาก ๆ ค่ะ สำหรับลี่คิดว่านักแสดงอยู่ไม่ได้หรอกถ้าไม่มีแฟนคลับ ถ้าไม่มีคนที่เรารัก เราจะอยู่แบบไม่มีคนมาเชียร์ มันก็ไม่ใช่"
จนถึงตอนนี้คิดว่างานวงการบันเทิงให้อะไรกับลิลลี่มากที่สุด?
"ถึงชั่วโมงบินลี่ยังน้อย แต่ก็ได้เรียนรู้เยอะ ลี่รู้จักคนมากขึ้น ได้ดูแลตัวเองมากขึ้น เมื่อก่อนไปที่ไหนเคยมีคนขับรถให้ แต่ตอนนี้ลี่เหมือนต้องแกร่ง ใครจะพูดอะไรลี่ก็ต้องแกร่ง คิดว่าเราต้องยึดมั่นในความรู้สึกของตัวเอง ใครจะว่าอะไร เราต้องคิดว่าไม่เป็นไร เราต้องแข็งแรง สำหรับเสียงวิจารณ์หรือข่าวอะไรที่ไม่ดี จริง ๆ ลี่เตรียมรับมือไว้แล้วค่ะ ในวงการข่าวมันต้องมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ลี่เตรียมใจไว้ว่าไม่เป็นไร เรารู้ตัวเราเอง คนรอบข้างรู้ว่าเราเป็นยังไงก็พอค่ะ ส่วนคติประจำใจในการทำงาน คือลี่เป็นคนที่ไม่พยายามคิดถึงอนาคต อยู่กับปัจจุบันดีกว่า เราก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ต่อไปลี่จะดังมั้ย จะยังมีละครต่อเนื่องรึเปล่า แต่เราก็ทำวันนี้ให้มันดีที่สุด ลี่เองยังต้องฝึกฝนอีกเยอะ และจะทำให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ค่ะ"
เรื่องเรียนตอนนี้เรียนถึงไหนแล้ว?
"ตอนนี้ลี่เรียน ม.ธรรมศาสตร์ คณะวารสารศาสตร์ค่ะ กำลังจะขึ้นปี 2 ปีนี้ ที่ลี่เลือกเรียนคณะนี้ คือตอนเด็กลี่อยากเป็นหมอ ต่อมารู้สึกว่าไม่ใช่เลยเปลี่ยนอยากเป็นทูตแทน เพราะเราชอบพูดเรื่องประวัติศาสตร์ แต่ก็มาคิดว่าประวัติศาสตร์ต้องเรียนหนักแน่นอน ประกอบกับตอนนั้นเราเข้าวงการแล้ว และมันเป็นจังหวะเดียวกับที่เราเลือกคณะพอดี แล้วลี่เป็นคนชอบงานเบื้องหลังด้วย อีกอย่างลี่เป็นคนพูดเก่ง เลยคิดว่าคณะวารสารฯ นี่แหละน่าจะใช่กับเราที่สุดค่ะ จริง ๆ ตารางเรียนกับงานมันก็มีชนกันบ้าง บางวันที่จำเป็นจริง ๆ ก็มีโดดเรียนบ้าง ลี่ก็เข้าไปคุยกับอาจารย์ คือมันก็เหนื่อยนะกับการเรียนและทำงานไปพร้อมกัน แต่เราเลือกแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด ยังไงลี่ก็ไม่มีทางทิ้งการเรียน เรื่องเรียนคุณพ่อคุณแม่ก็มีขอไว้อยากให้ลี่เรียนจบใน 4 ปีให้ได้ ลี่ก็บอกว่าจะพยายามทำให้ แต่ถ้ามันมีเหตุการณ์ไหนที่ทำให้เราทำไม่ได้จริง ๆ ก็คิดว่าไม่เป็นไร แต่ ณ ตอนนี้การแบ่งเวลายังโอเคอยู่ค่ะ"
มองอนาคตตัวเองยังไงบ้าง?
"อย่างที่บอกอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ไม่ว่าจะดีหรือร้ายยังไง ลี่ขอแค่ตอนนี้ลี่ทำดีที่สุดแล้วรึยัง เพราะตอนนี้มันคือรากฐานของอนาคต ถ้าเราตอนนี้เราทำดี อนาคตเราก็จะดีไปด้วย ลี่หวังว่าอนาคตในวงการบันเทิงของลี่จะราบรื่น มีสิ่งดี ๆ เข้ามา มีงานเยอะ มีคนรัก แต่เราต้องดูตัวเองด้วยว่าเราดีรึยัง ถามว่าลี่หวังเป็นซุป’ตาร์มั้ย จริง ๆ คนที่เข้ามาในวงการก็หวังที่จะมีชื่อเสียง แต่ลี่ไม่ได้คิดไปไกลว่าเราต้องเด่นหรือดัง แค่คิดว่าถ้าเราทำผลงานออกมาดี คนดูชอบ มันก็จะไปเรื่อย ๆ ตามสเต็ปของมันเอง ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปค่ะ ลี่ไม่ได้รีบ ลี่ว่าถ้ารีบมันจะลงเร็ว ลี่ไม่ได้หวังว่าลี่จะดัง แต่หวังว่าทุกเรื่องที่เล่นคนดูจะชอบและชื่นชมการแสดงของเรา ไม่ดังไม่เป็นไร แต่ขอให้คนดูชมว่าคนนี้เล่นดีนะมากกว่าค่ะ"
หัวใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
"ตอนนี้โสดค่ะ จริง ๆ ก็มีคนคุย แต่เราก็คิดว่าเป็นเพื่อนดีกว่า เราให้ฐานะเขาไว้แค่นั้น เพราะลี่อยากทำงานและเรียนไปด้วย ตอนนี้ลี่เอ็นจอยกับชีวิตโสดมาก ๆ อยากทำอะไรก็ได้ หนุ่ม ๆ ในมหาวิทยาลัยก็มีเข้ามาจีบนะ แต่ลี่ยังไม่โฟกัสเรื่องพวกนี้ในตอนนี้ ถามว่าลี่มีเหงามั้ย คือเราก็มีคนคุยแล้วมันก็ไม่ได้เหงาขนาดนั้น ลี่เองก็เจอเพื่อนบ่อย ไปหาเพื่อนทุกวันเลย แต่ลี่คิดว่าถ้าวันนึงมันจะมีใครก็มีเอง แต่ตอนนี้ลี่ยังไม่คิดอะไรค่ะ"
มีประสบการ์เฟิร์สเลิฟบ้างมั้ย?
"มีนะคะ แต่มันเด็กมากจริง ๆ ลี่เคยปิ๊งเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ตอนนั้นลี่อยู่อนุบาล 3 เองค่ะ (หัวเราะ) เด็กมาก ลี่ยังจำชื่อเขาได้อยู่จนถึงทุกวันนี้เลย เขาเป็นหัวหน้าห้อง ลี่เป็นรองหัวหน้าห้อง เราอยู่ด้วยกันตลอดไง แล้วตอนนั้นเราก็แอบชอบเขา จนลี่ย้ายโรงเรียนแล้วก็ไม่ได้เจอกันแล้วค่ะ คือตอนที่ชอบเขาเราก็ไม่ได้บอกเขาเลยนะ ตอนที่เขาไม่อยู่ลี่ก็แอบไปวาดรูปหัวใจแล้วไปวางตรงโต๊ะเขา เขาเห็นก็จะงง ๆ ว่าใครให้ คือคนนี้เขาฮอตมาก สาวกรี๊ดทั้งห้องเลยค่ะ จากนั้นเราก็ไม่ได้เคยแอบรักใครแล้วค่ะ"
อย่างเราเป็นคนในวงการมีคนเข้าหาเยอะ ต้องสแกนผู้ชายเยอะขึ้นด้วยรึเปล่า?
"ลี่สแกนเยอะมากเลยค่ะ ในมหาวิทยาลัยก็มีคนหน้าตาดี มีคนดี ๆ เข้ามา แต่ลี่คิดว่ามันจะใช่เหรอ เราไม่ได้ปิดกั้น แต่คุยแล้วไม่ใช่ลี่ก็เบรกเลย ให้เป็นเพื่อน สำหรับคนที่เข้ามาแบบอยากควงดาราก็มีนะ แต่ลี่ก็ไม่เอาเลย เคยมีคนแบบนี้เข้ามา พอเขาทักลี่ก็ไม่คุยเลย เขาถามเราก็ไม่ตอบ ถามคำตอบคำ แล้วเขาก็เฟดออกไปเองค่ะ เพราะเรารู้ว่าเขาเข้ามาหาเราเพราะอะไร ก็เชื่อในพรหมลิขิตนะคะ วันหนึ่งถ้ามันจะเจอใคร มันจะใช่ เดี๋ยวมันก็ใช่ของมันเอง ผู้ชายที่ใช่สำหรับลี่ ในเรื่องรูปร่างลี่ชอบผู้ชายที่สูงกว่าลี่ สูง 180 แต่ไม่เกิน 185 อันนี้เป็นข้อจำกัดเลย และขอผิวสีแทน ไม่ต้องขาว จมูกโด่ง ขอแค่นี้ ส่วนเรื่องนิสัยขอเป็นคนขี้เล่น ตลก ดูแลเทคแคร์เราได้ค่ะ"
ท้ายสุดมุมมองความรักของลิลลี่ในวันนี้เป็นยังไงบ้าง?
"ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม มีก็ดี ลี่อยากได้ความรักที่เข้าใจกันค่ะ มีอะไรคุยกันได้ทุกเรื่อง คนเราคบกันมันต้องมีทะเลาะ มีงอนกันอยู่แล้ว แต่ลี่คบใครก็คบนานเป็นปี ๆ ฉะนั้นสิ่งที่ทำให้เราอยู่กันได้นานสำหรับลี่คือเรื่องความซื่อสัตย์ต่อกัน ความรักที่ดีในความคิดของลิลลี่ คือลี่ต้องการคนที่อยู่กับเราได้ ดูแลเรา ไม่จำเป็นต้องคุยกันทุกวัน แต่ขอแค่ทุกครั้งที่เจอกันก็ยังรักกันเหมือนเดิม ไม่ได้น้อยลง และมีความซื่อสัตย์ด้วย มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับความสัมพันธ์ของเราค่ะ"
ค่อย ๆ เดินอย่างช้า ๆ พร้อมพัฒนาฝีมือตัวเองแบบนี้ อนาคตในวงการบันเทิงของเธอน่าจะไปได้อีกไกลเลยทีเดียว