"สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล" พร้อมส่งภาพยนตร์คอเมดี้ผีฮาสยองเรื่อง "อาม่า" ของผู้กำกับหน้าใหม่แต่มากประสบการณ์อย่าง "จืด-บดีกร โลหะชาละ" ออกฉายเรียกเสียงหัวเราะกันได้ทั้งครอบครัวทุกเพศวัยต้อนรับวันแม่ปีนี้ โดยภาพยนตร์จะเล่าเรื่องราวของเหล่าลูกหลานที่หวังมรดกหลังจาก "อาม่า" เสียชีวิต แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะทุกคนต้องทำตามคำสั่งเสียในพินัยกรรมพิศวงของอาม่าให้จบครบทุกภารกิจซะก่อน นั่นทำให้พวกเขาได้พบเจอกับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่กลายเป็นเรื่องราวสุดป่วนชวนฮาฮวงซุ้ยแตกกันเลยทีเดียว ผู้กำกับไฟแรงซึ่งผ่านงานเบื้องหลังภาพยนตร์และเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำหนังในฐานะผู้ช่วยผู้กำกับมามากมายเปิดเผยถึงที่มาที่ไปและจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์นี้ว่า

"มันเริ่มมาจากที่ผมสนใจและอยากทำหนังผีเกี่ยวกับครอบครัวคนจีน ซึ่งก็ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่อง "ฮูอากง" หนึ่งในสี่ตอนของ "หลุดสี่หลุด" เมื่อปี 2554 ซึ่งเรื่องนี้เป็นตอนที่ผมชอบมาก เพราะเป็นหนังผีตลกที่มีความสนุกและเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ ผมก็เลยปรึกษาพี่หม่ำ และลองเข้าไปคุยกับเสี่ยเจียงดู ซึ่งเสี่ยก็มีความสนใจตรงกันพอดี คุยกันอยู่ซักพักจนเราได้ไอเดียมาระดับหนึ่งแล้วก็ต่อยอดไปเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นเรื่อง "อาม่า" หนังผีตลกในแนวทางของผม ซึ่งเสี่ยก็โอเค และผมก็ได้พี่หม่ำมาเป็นที่ปรึกษาให้ด้วย เค้าก็จะแนะนำทุกอย่าง ก็ปรับโน่นปรับนี่ให้เป็นแนวทางของเรามากที่สุด

ซึ่งผมเป็นคนชอบดูหนังง่ายๆ ไม่ซับซ้อนอะไร ก็เลยอยากจะทำหนังตัวเองให้ไม่ซับซ้อนมาก ง่ายๆ เป็นหนังสนุกดูได้ทุกๆ วัย ไม่เครียด เอาให้ดูสนุกในโรงตอนนั้นจนบอกต่อๆ กันอะไรประมาณนี้ ซึ่งเรื่องนี้ก็จะออกมาในโทนหนังตลกครอบครัวคนจีน มีความน่ากลัวของผี มีดราม่าแทรกบ้าง ก็น่าจะเป็นหนังครบรสเรื่องหนึ่งครับ"

แน่นอน แม้จะมีเครดิตการทำงานเบื้องหลังภาพยนตร์ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้กำกับมาหลากหลายเรื่อง แต่เมื่อมานั่งแท่นกำกับเองเป็นครั้งแรก ความกดดันย่อมมาพร้อมกับความตั้งใจที่อยากจะให้ผลงานกำกับเรื่องแรกของตนเองออกมาสมบูรณ์เต็มร้อย
"แรกๆ มันก็มีความกดดัน แต่พอเวลาผ่านไปมันก็มีความชินละ มันต้องมาเจอนักแสดงที่มีความสามารถ ผมก็จะเกร็งตรงนี้มากกว่า กลัวเค้าไม่ฟังผม กับพี่หม่ำเราเข้าขากันอยู่แล้ว แต่กับพี่ต๊งเหน่ง กับแม็กกี้ที่ผ่านงานแสดงมาเยอะ เราจะเกร็งมาก ไม่กล้าคุย จะพูดอะไรดีวะ พูดอย่างงี้ดีมั้ย แบบนี้โอเคมั้ย พี่ต๊งก็บอกคำแรกเลย จืดเป็นผู้กำกับต้องมั่นใจ ไม่งั้นคนอื่นเค้าจะไม่ฟัง แต่พี่น่ะเชื่อที่จืดทำ เพราะจืดทำบทนี้มานานแล้ว อันนี้เค้าสอนผม ก็เลยทำให้ผมมั่นใจ รู้สึกไม่เครียด สบายละ คุยกับเค้ารู้เรื่องแล้ว ก็ผ่อนคลายขึ้น

แต่โดยรวมก็ถือว่ายากพอตัวเหมือนกันครับ ถึงจะเป็นหนังผีตลกแต่ก็ไม่ได้กำกับง่ายซักเท่าไหร่ เพราะด้วยเนื้อเรื่อง ด้วยมุกตลก ด้วยความสยองของผี ก็ต้องเตรียมงานและทำการบ้านหนักขึ้น แต่ก็ได้มีการเวิร์กช็อปก่อนเปิดกล้อง และทีมนักแสดงก็ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ก็ถือว่าช่วยได้เยอะมากครับ พวกซีนอารมณ์หรือซีนต่างๆ ไม่ค่อยยาก แต่ถ้าเป็นฉากที่รวมตัวสมาชิกครอบครัวเป็นสิบคนเนี่ยอาจจะยากขึ้น เพราะต้องแบ่งพาร์ตแบ่งช็อตให้ดีว่าจะเก็บยังไงให้ครบองค์ประชุมอะไรอย่างนี้ครับ"

แม้จะเป็นภาพยนตร์ที่เน้นความสนุก ฉาบด้วยมุกตลก ขนลุกด้วยความสยอง แต่หนังก็ได้สอดแทรกข้อคิดให้ผู้ชมเก็ยเอาไปขบคิดกันได้บ้างไม่มากก็น้อย
"เรื่องนี้ก็เป็นหนังผีตลกเกี่ยวกับพินัยกรรมพิศวงของครอบครัวคนจีนที่กว่าจะแบ่งมรดกกันได้ก็ต้องไปเจอกับเหตุการณ์แปลกประหลาดจนแทบเอาตัวไม่รอดกันเลยทีเดียวครับ ก็เป็นหนังเบาสมองครบรส ดูได้ทุกเพศทุกวัย ผมอยากทำให้หนังดูสนุก บันเทิง ไม่ต้องคิดมาก กลับบ้านแล้วคิดถึงครอบครัวตัวเอง โทรหาพ่อแม่ คิดถึงคนที่เรารัก ทีมนักแสดงก็เล่นเข้าขากันได้ดีทั้งพี่รัดเกล้า, พี่หม่ำ, ฮัท, จันจิ, แม็กกี้ และพี่ๆ ตลกอีกหลายคน รับรองความสนุกที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ มันได้คลายเครียดแน่ๆ จะได้หัวเราะและอมยิ้มตลอดเวลา สนุกกับการที่ครอบครัวนี้ต้องผจญภัยเพื่อพินัยกรรมและมรดกพันล้านที่กว่าจะได้มามันยาก แล้วสุดท้ายมันคุ้มกันหรือเปล่า

หนังเรื่องนี้ก็มีข้อคิดเยอะ พยายามจะแทรกไว้ให้คนดูง่ายๆ เป็นเรื่องของครอบครัวสมัยนี้ที่บางทีเราอาจลืมพ่อแม่หรือคนที่เลี้ยงดูเรามา สนใจแต่ชีวิตเราเอง เราอยากจะให้ย้อนกลับมาดู กลับมาคิดถึงพ่อแม่บ้าง เฮ้ย แม่เราแก่แล้วนะ, แม่เป็นไงกินข้าวรึยัง จริงๆ ผมคิดมาตลอดว่าอยากจะแทรกอะไรไว้ในหนัง อย่างเรื่องมุกตลกมันก็เป็นส่วนเสริม แต่ลึกๆ ผมอยากให้คนดูหนังเรื่องนี้คิดถึงครอบครัวที่เลี้ยงเรามา แค่อย่าลืมกัน ผมว่าทุกครอบครัวต่างก็มีปัญหากันหมดแหละ แต่อยากให้ดูจบแล้วย้อนมองดูคนในครอบครัวตัวเอง มันอาจจะช่วยลดปัญหาหรือสร้างความเข้าใจที่ดีขึ้นในแต่ละครอบครัวก็เป็นได้ครับ"