เพื่อให้เป็นมิวสิคคัลหมอลำที่สมบูรณ์ของภาพยนตร์ "ผู้บ่าวไทบ้าน 2 ตอน แจกข้าวหาแม่ใหญ่แดง" นักแสดงนำหลักของเรื่องจึงต้องสรรหาเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้นักแสดงผู้มีทักษะร้องลำไพเราะ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้คู่จิ้นคู่ใหม่แห่งวงการอย่างพระเอกหมอลำที่ไม่เพียงหล่อสุดๆ และยังมีเสียงร้องชั้นเทพอย่าง เต๋า ภูศิลป์ วารินรักษ์ แห่งค่ายแกรมมี่ โกลด์ มาประกบคู่กับ แอน อรดี นางเอกหมอลำแห่งคณะประถมบันเทิงศิลป์ คณะหมอลำชื่อดังแห่งอิสานที่คอเพลงหมอลำทุกคนต้องรู้จัก
ซึ่งผู้กำกับภาพยนตร์อย่าง บอย-อุเทน ศรีริวิ ได้เล่าถึงการคัดเลือกนักแสดงไว้ว่า "เราเลือกนักแสดงที่เหมาะกับบท และร้องลำได้ดี เต๋า พระเอกของเรื่อง ผมมองเขาตั้งแต่พล็อตเรื่องนี้ยังเป็นคอนเซปไอเดียอยู่เลยว่า ผู้ชายคนนี้น่ามาเล่นบท เคน มากเลย เต๋าร้องลำได้ดีมาก แต่หน้าตาเกาหลี มีลุคทันสมัย ผมมองตัวไว้ตั้งแต่แรกเขียนบทเลย ต่างกับตัวน้องแอน นางเอก เราตามหามาเยอะมาก เปิดคัดเลือกมาเป็นพันคน แคสกันอยู่ 3 วัน จนไปเจอน้องแอน ที่วงประถมบันเทิงศิลป์ น้องมีเสียงร้องหมอลำที่ไพเราะ แสดงได้ ร้องหมอลำได้ดี มีเสน่ห์ ซึ่งหายากมาก ยิ่งพอเห็น สองคนนี้แสดงด้วยกัน เขาดูมีเสน่ห์น่ารักนะ"
เต๋า ภูศิลป์ วารินรักษ์
เต๋า ภูศิลป์ เล่าถึงบทบาทในเรื่องนี้ "เรื่องนี้ผมรับบทเป็น เคน ผู้บ่าวไทบ้านที่เพิ่งเรียนจบกลับมาบ้านที่เป็นคณะหมอลำ พ่อต้องการให้เราทำคณะหมอลำต่อ แต่เราไม่ค่อยอยากทำ แต่ก็มีเหตุให้ต้องเปลี่ยนใจ จริงๆ ผมตกใจมากที่ผู้กำกับชวนให้มาแสดง เขาทักมาทางเฟสบุคด้วย เพราะว่าเราเป็นนักร้อง และผู้บ่าวไทบ้าน 2 ก็เป็นหนังเรื่องแรกที่ถ่ายทำ แต่ความที่เป็นหนังเกี่ยวกับหมอลำ ซึ่งเราถนัดอยู่แล้วและพูดภาษาอิสาน วิถีไทบ้าน ผมชอบหมอลำมากอยู่แล้ว ตัวผมจึงไม่รู้สึกว่า ยาก
ในเรื่องนี้จะแสดงกับ น้องแอน เข้าฉากกับแอนตลอด เจอกันครั้งแรกเรื่องนี้เลย แอน เป็นนางเอกวงประถมบันเทิงศิลป์ ผม โชคดีที่ได้ร่วมงานด้วย น้องถือเป็นนางเอกหมอลำที่มาแรงมากในยุคนี้ เข้าฉากด้วยกันแอนก็น่ารักดี เป็นการแสดงเรื่องแรกของแอนเหมือนกัน เราก็พยายามประคับประคองให้การแสดงมีความเป็นธรรมชาติที่สุด ที่ถ่ายทำไป ก็มีฉากกุ๊กกิ๊กน่ารักหลายฉาก อย่างฉากที่ เขาใช้ให้เราไปเฝ้าควายให้ ฉากอาบน้ำควาย บรรยากาศฉากนั้นมันเป็นธรรมชาติ ดูน่ารักดี ถ่ายทำตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ผมกับแอน เราก็อาบน้ำควาย ก็เล่นน้ำไป สาดน้ำใส่กัน คือเป็นฉากที่บอกเล่าถึงความรักหนุ่มสาววิถีชีวิตชาวบ้านอิสาน เรียบง่าย อยู่กับธรรมชาติ ที่สมัยนี้ไม่ค่อยได้เห็นแล้ว ซึ่งในหนังเรื่องนี้ จะมีเพลงที่ผมร้องประกอบด้วยครับ ชื่อเพลง "ฝากเพลงถึงเธอ" แต่งโดย วิสา คัญทัพ การออกเสียงเพลงนี้หินมาก หินที่สุดในการการเป็นนักร้องของเต๋าเลย เพลงนี้หินมาก โปรดิวเซอร์ละเอียดมาก ไม่ปล่อยผ่าน ก็อยากให้ฟังกันนะครับ"
แอน อรดี
สำหรับนางเอกใหม่อย่าง แอน อรดี ก็กล่าวถึงความประทับใจที่มีต่อบทบาท "ในเรื่องรับบทเป็น วรรณ สาวไทบ้าน อยู่บ้านเลิ้ยงวัวควาย ดูแลพ่อแม่ ทำกับข้าว ชอบร้องเพลง อยากเป็นหมอลำ เป็นชีวิตปกติสาวบ้านนอกบทจะคล้ายตัวเรามาก สาวบ้านๆ หนูก็เป็นแบบนี้เลย ดีใจที่หนังพูดภาษาอิสานด้วย เพราะว่าถนัดเลย
ในเรื่อง ครอบครัวพระเอกเป็นหมอลำอยู่แล้ว ตัวเราก็อยากเป็นหมอลำ แต่พ่อแม่จะส่งไปกรุงเทพฯ เราได้มีโอกาสรู้จักกันก็สอนเขาให้รู้จักร้อง รู้จักลำ แต่บังเอิญว่าพ่อส่งเราไปกรุงเทพฯพอดี ก็ต้องลุ้นว่า เราจะได้มีโอกาสมาร้องเพลงช่วยวงเขาหรือไม่ หนูจะได้กลับมาร้องหมอลำอย่างที่อยากเป็นไหม พอรู้ว่าจะได้เล่นกับพี่เต๋าก็ดีใจ พี่เขาก็เป็นกันเอง แล้วรู้จักกับหลายคนพี่ๆ ในวงเราด้วย เป็นคนไม่ไกลกันเลย อีกอย่างอายุเท่ากัน คุยกันได้ เวลาจะเข้าฉาก เขาก็จะบอกว่า ขอโทษนะ ทุกวันนี้ก็ยังแบบติดต่อ คุยกันตลอด แฟนๆ ก็จิ้นคู่ของเรากันไปแล้ว"
สำหรับการถ่ายทำฉากใหญ่ของเรื่อง ทีมงานถ่ายทำฉากแสดงหมอลำ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ ลานกิจกรรมบ้านหนอหว้า ต.ชื่นชม อ.ชื่นชม จ.มหาสารคาม โดยหมอลำคณะประถมบันเทิงศิลป์ ได้ยกวงมาเข้าฉากแสดง โดยมีนักแสดงเข้าฉากครบ ซึ่ง แอน อรดี ได้เล่าถึงการถ่ายทำฉากสำคัญนี้ ว่า "การถ่ายทำวันนั้น ก่อนถ่ายก็เตรียมตัวเยอะ ทั้งเตรียมชุดแสดง เตรียมบล็อกกิ้งถ่ายทำ เตรียมการแสดง เตรียมชุดมาใหม่เลย จริงๆ ก่อนจะมาถ่าย เรายังไม่เต้นแบบนี้ แดนเซอร์ยังไม่เต้นแบบนี้ พอถึงวันถ่ายผู้กำกับฯก็มาดูว่า บล็อกแบบนี้ ซึ่งเป็นฉากใหญ่ ที่วงหมอลำของพระเอกต้องมาแสดง
วันนั้นที่ถ่ายทำฉากแสดงหมอลำ ฉากนั้นแอนต้องร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ ชื่อเพลงนางฟ้าชาวดิน เพลงนี้ก็ร้องยาก มีเสียงสูง และที่สำคัญคือร้องสดทุกเทค วันนั้นถ่ายประมาณ 8 เทค ในเรื่องนี้ร้องสดหมดเลย ตอนแรกก็ถามว่าจะให้ซิงค์ไหม ผู้กำกับฯบอกร้องสดเลย เราก็นึกจะไหวไหมก่อนหน้านั้นถ้ามีคิวถ่าย 2 วันติดกัน วันนั้นคือถ่ายมาแล้วก่อนหน้าวันหนึ่ง วันนั้นถ่ายทำมาแล้วทั้งวัน แล้ววันนั้นก็เป็นลมด้วย คือเราไม่ได้นอนมาวันนั้นถ่ายตากแดดทั้งวัน เป็นทุ่งนา แล้วเราก็ต้องแบบเราเดินมาหาพระเอก ปลอบใจพระเอก แต่เดินไกลมาก แล้วเดินมาคุยกันอีก เดินไปกลับอยู่ประมาณ 2 รอบหนูก็ไม่ไหว หนูก็เป็นลม แล้วหนูก็หลับไปเลย พอมาตื่นก็ช่วงกลางคืน มาถ่ายทำฉากใหญ่กับวงของเรา แล้วก็ถ่ายทำกันทั้งคืน ถึงเกือบประมาณ ตีสาม คือวันนั้น ถ่ายเฉพาะเพลงในภาพยนตร์ ก่อนถ่ายเราประชาสัมพันธ์ให้ผู้ชมมาชมกัน ซึ่งก็ให้ความร่วมมือกันน่ารักมาก ถ่ายทำออกมาน่ารักมาก"
และ แอน อรดี กล่าวฝากภาพยนตร์เรื่องนี้ ถึงแฟนๆ ว่า "เป็นหนังเรื่องแรกในชีวิตแอน พิสูจน์ความสามารถ ทั้งการแสดง การร้องหมอลำ แอนตั้งใจมาก ทุกคนก็ตั้งใจมาก หนูอยากฝากหนังเรื่องนี้ไว้ในใจของทุกๆ คนนะคะ ทุกคนต่อสู้กันจริงๆ ภาพที่ออกมาสวยมากๆ ทุกที่ที่ไปถ่ายไกล และสวยมาก แอนไปทุกที่ก็ยังประทับใจ และตัวหนังก็สนุก ครบรสเลย ได้หัวเราะ ได้อมยิ้ม ได้ฟังเพลง ฟังหมอลำด้วย รับรองว่า ประทับใจแน่นอน"
ปิดท้ายด้วย เต๋า ภูศิลป์ ขอแรงเชียร์ให้กับ ผู้บ่าวไทบ้าน 2 "ในความเป็นวัยรุ่นอีสานด้วยตัวผมเอง ก็อยากให้เป็นกำลังใจให้ เพราะพวกเราตั้งใจถ่ายทำกันจริงๆ เราเห็นความเป็นพี่น้อง ช่วยเหลือกันให้งานสำเร็จไปได้ ตอนนี้ก็ใกล้จะนำเสนอสู่สายตาพี่น้องประชาชน ก็ฝากถึงผลงานหนังที่ผมรัก ตั้งใจและนำเสนอมุมมองของความเป็นอีสานวิถีชีวิต ผมคิดว่า คนอีสานดูแล้ว ได้หัวเราะ ได้ซึ้ง ร้องไห้แน่นอน แต่ส่วนอื่นๆ ตลกแน่นอน ตลกทุกสองนาที คนอีสานไปดูตลกแน่นอน คนภาคอื่นๆ ก็สนุกได้นะครับ ฝากไปเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ"