ตามความเชื่อของหลาย ๆ คน อาจคิดว่าเหล่าผู้กำกับหนังสยองขวัญนั้นจำเป็นต้องได้รับคำปรึกษาจากนักจิตวิทยา แต่สำหรับ เจมส์ วาน (James Wan) ผู้มากประสบการณ์ในการทำหนังสยองขวัญที่เคยฝากผลงานชวนขนลุกให้ชมกันไว้ในเรื่อง Saw (2004) และ Insidious (2011) เขาคิดว่าความเป็นมืออาชีพมันช่วยให้เขายังมีสุขภาพจิตที่ดีได้โดยไม่ต้องปรึกษาจิตแพทย์ "คุณใส่ความสยดสยองทั้งหมดลงไปบนจอแล้ว ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องแบกมันเอาไว้อยู่รอบ ๆ ตัวคุณทุกวัน มันเป็นการบำบัดที่แท้จริงเลยล่ะ"
นอกจากนี้ เจมส์ วาน ยังพูดถึงโปรเจ็ค The Conjuring 2 ที่กำลังจะเข้าฉายในไทย 9 มิถุนายนนี้อีกว่า... "หลังจาก Conjuring ภาคแรกจบไป ผู้ชมหลาย ๆ คนต่างก็คาดเดา แล้วก็หวังว่าในภาคต่อไปจะต้องเป็นคดีความเกี่ยวกับ Amityville ผมรู้ดีว่าผมจะต้องจับเอาเรื่องของ Amityville มาทำ แต่ผมก็รู้ว่าผมไม่ได้ต้องการจะเอาเรื่องราวเกี่ยวกับ Amityville มาทำเป็นหนังเรื่องอื่นอีก เพราะมันมีเรื่องราวอีกเยอะแยะที่พูดถึงกรณีนี้ สำหรับผมประเด็นของ Enfield มันก็เป็นเรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึงกรณี Amityville เหมือนกัน พวกเราวางเส้นทางในหนังให้หนึ่งในตัวละครพูดว่า 'นี่คือ Amityville แห่งอังกฤษ' ด้วย แค่ทำให้มันเชื่อมโยงกันระหว่างสองเรื่อง ทั้งสองกรณีมันได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ทั้งสองกรณีมันมีแฟน ๆ ติดตามพอ ๆ กัน และทั้งสองกรณีมันก็มีคนที่สงสัยพอ ๆ กันด้วย มันเป็นอีกฟากฝั่งหนึ่งของหนองน้ำ แต่มีความเชื่อมโยงกันด้วยเรื่องราวที่คล้าย ๆ กัน ส่วนใหญ่แล้วในความเป็นจริงคุณสามารถสร้างหลักฐานขึ้นมาได้ แล้วมันก็จะสมจริงยิ่งขึ้นถ้าหนังจับเอามันมาเล่น ความหวาดกลัวมันจะสะท้อนให้เห็นความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น"
ตอนเปิดกล้อง The Conjuring 2 แรก ๆ นั้นจะเห็นว่าทางกองถ่ายได้รับพรจากนักบุญด้วย ซึ่ง เจมส์ วาน ก็พูดถึงประเด็นนี้ว่า "ผมเปิดเผยออกมาวันหนึ่ง... แล้ว โอ้โห! มีนักบวชอยู่ที่นี่ด้วย! ผมแค่จะบอกคุณว่า มันไม่ได้มีอะไรผิดหนิเรื่องนั้น มันไม่ได้มีอะไรผิดที่จะร้องขอพร แล้วก็พลังบวกที่ยอดเยี่ยมในการถ่ายทำ คุณรู้มั้ย การถ่ายทำหนังเรื่องนี้ต้องไปถ่ายในสถานที่ที่อันตราย และการถ่ายทำมันก็อาจจะยากลำบาก ทุกอย่างที่ทำนั่นก็เพื่อปัดกวาดพลังชั่วร้ายมันก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีนะ"
ที่มา: Ew.com