ภาพยนตร์เรื่อง "เทริด" ผลงานการกำกับเรื่องที่ 2 ของ เอกชัย ศรีวิชัย ที่นำเสนอเกี่ยวกับการร่ายรำมโนราห์ ผสมดราม่าที่น่าจะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สนุกได้ไม่น้อย โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ผู้กำกับฝีมือดีอย่าง เพื่อน-ภาคภูมิ วงศ์จินดา มาช่วยกำกับอีกแรง ซึ่ง เอกชัย ศรีวิชัย ตั้งใจอย่างมากที่จะนำเสนอการเผยแพร่วัฒนธรรมแขนงมโนราห์ ลงทุนเล่นเอง กำกับเอง ร่วมถึงใส่ใจรายละเอียดเกี่ยวกับวัฒนธรรมทางภาคใต้ให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ได้ชมกัน และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เตรียมที่จะไปฉายที่งานเทศกาลหนังที่ เซี่ยงไฮ้ อีกด้วย
ซึ่งสำหรับภาพยนตร์นี้ เพื่อน ภาคภูมิ บอกเลยว่า
"ร่วมงานกับพี่เอกชัยเป็นครั้งที่สองครับ ครั้งแรกเป็นพระเอกให้หนังผม เรื่องแรกที่กำกับคือ ฟอร์มาลีนแมน รักเธอเท่าฟ้า (2547) ผ่านไป 11 ปีที่แล้ว มาวันนี้พี่เอกได้มีโอกาสกำกับหนังเรื่องแรก เลยชักชวนผมเป็นโปรดิวเซอร์ให้ เรื่องเทริดเกิดจากไอเดีย ที่พี่เอกอยากทำเรื่องเกี่ยวกับมโนราห์ ซึ่งมันอยู่ในสายเลือดของพี่เอกอยู่แล้ว แกเติบโตมาจากครอบครัวที่เป็นมโนราห์ ดังนั้นภาพในหัวของแกมันชัดอยู่แล้ว เราแค่คิดว่าจะทำยังไงให้ภาพในความคิดของพี่เอกนั้น มากลายเป็นภาพบนจอหนัง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเพราะพี่เอกเป็นศิลปินอยู่แล้ว แนวคิดอะไรต่างๆ มันค่อนข้างตรงกัน อะไรที่รู้ พี่เอกก็จะมีภาพชัดเลยว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ ส่วนงานโปรดักชั่น หรืองานด้านเทคนิคต่างๆ แกไม่รู้อะไร เราก็จะเป็นที่ปรึกษาให้กันและกัน เรื่องอะไรที่ผมไม่รู้พี่เอกก็จะแนะนำให้ โดยเฉพาะเรื่องภาษาใต้ ขนบธรรมเนียมต่างๆ ที่ถูกต้องของมโนราห์ เราช่วยกันในทุกๆ ส่วนของหนัง ตั้งแต่บทจนถึงขั้นโพสต์โปรดักชั่นครับ
ซึ่งความจริงหนังเรื่องเทริด มันเกิดจากจุดประสงค์ ที่ต้องการเผยแพร่วัฒนธรรมแขนงมโนราห์ ไม่ใช่ต้องการรายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศ หลายส่วนหลายฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนมาลงขันกัน เพื่อให้ได้ทำหนังเรื่องนี้ โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ความกดดันมันเลยไม่มี เราทำงานโดยไม่ต้องคำนึงถึงการตลาดเลย ไม่มีคำว่าขาย! ไม่ขาย! มีแต่ทำในสิ่งที่เราเชื่อ เราอยากจะให้เป็น เป้าหมายคือทำให้มโนราห์ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้"
เมื่อถามว่าคนดูจะได้อะไรจากการดูหนังเรื่องเทริด ผู้กำกับอย่าง เอกชัย ศรีวิชัย ได้เปิดเผยว่า
"ไม่ได้คาดหวังว่า คนดูจะไปดูแล้วได้อะไรกลับมาบ้าง เพราะหนังบางเรื่องที่ไม่ได้มีอะไร ก็ยังไปดูกัน เรื่องเทริดเราบรรจงทำ เอาความรู้เรื่องรากของศิลปวัฒนธรรมของเรามาเผยแพร่ คนที่ไม่เคยรู้ก็จะได้รู้ คนที่รู้อยู่แล้ว ก็จะรู้สึกรักและภูมิใจมากขึ้นไปอีก ผมว่าเรื่องศิลปวัฒนธรรมไทยเราอยู่ในตัวเราคนไทยทุกคนอยู่แล้ว ขึ้นอยู่ที่ว่ามันจะสำแดงออกมาเมื่อไหร่ พอถึงช่วงเวลาที่เราต้องการวัฒนธรรมจริงๆ ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีใครผลักไสวัฒนธรรมของเราไปนะ เรื่องวัฒนธรรมไม่ใช่แค่การปลูกฝังจิตสำนึก ไม่ใช่แค่การสอนในโรงเรียน หรือแค่การมีภาพยนตร์ เราต้องอาศัยการปลูกฝังทั้งเลือดเนื้อและจิตวิญญาณ"
ชีวิตดับ อย่าให้เทริดหัก
"เทริด" 19 พฤษภาคม ในโรงภาพยนตร์
<iframe scrolling="no" src="https://www.youtube.com/embed/AtQ-9fu37QE?rel=0" "="" width="640" height="360" frameborder="0">
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์