เคลย์ เคย์ทิส ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมกับ เฟอร์กัล ไรลีย์ กล่าวว่าแฟนๆ ที่มีอยู่แล้วของเกมนี้จะทำให้พวกเขาสามารถเล่นกับความคาดหวังของผู้ชมได้ "ผู้คนจะคิดเอาเองว่าพวกเขารู้อยู่แล้วว่าหนังเรื่องนี้จะออกมาเป็นยังไงเพราะพวกเขาเคยเล่นเกมมาก่อน แต่ความจริงก็คือ เรากำลังสร้างสิ่งที่จะทำให้คนประหลาดใจเมื่อพวกเขาได้ดูมัน ในฐานะคนทำหนังแล้วเรากำลังสร้างหนังที่เราอยากจะไปดูครับ ดังนั้นจากพล็อตพื้นฐานของเกม ทีมผู้สร้างก็ได้สร้างเรื่องราวใหม่ขึ้นมา เป็นคอเมดี้ที่มีตัวละครเป็นพื้นฐาน แน่นอนครับว่าเร้ดเป็นนกขี้ยัวะ ส่วนชัคและบอมบ์ ก็มีปัญหาของตัวเอง แต่จริง ๆ แล้ว พวกเขาก็เป็นแค่กลุ่มนกนอกคอกน่ะครับ" ไรลีย์กล่าว
"คุณจะแคร์พวกเขาจริงๆ ไม่เพียงแต่เพราะพวกเขาต้องรับมือกับปัญหาของตัวเองเท่านั้น แต่พวกเขาต้องเจอปัญหาเรื่องหมูที่หนักหนาสาหัสกว่าด้วย พวกเขาต้องกอบกู้เผ่าพันธุ์ตัวเอง แม้ว่าพวกเขาเป็นกลุ่มที่ไม่น่าจะถูกเลือกเลยก็ตามครับ ภารกิจของเร้ดในการควบคุมความโกรธของตัวเอง เป็นธีมที่ผู้ชมทุกคนสามารถจะเข้าถึงได้ พ่อแม่และลูกทุกคนต่างก็เรียนรู้ที่จะหาทางก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากพวกนั้นในชีวิตของพวกเขาครับ ผมคิดว่าเด็ก ๆ หลายคนจะเข้าใจเร้ดในตอนที่เขาหาทางที่จะใช้พลังงานนั้นไปในทิศทางที่ถูกที่ควรครับ ในตอนที่ตัวละครเริ่มเป็นรูปเป็นร่างบนแผ่นกระดาษ ก็ถึงเวลาที่ทีมผู้สร้างจะคัดเลือกนักพากย์ที่จะเนรมิตชีวิตให้พวกเขาเหล่านั้นกันต่อครับ ตอนที่นักพากย์เข้าห้องบันทึกเสียง พวกเขาก็ถูกพรากจากเครื่องมือทั้งหมดที่พวกเขามี พวกเขาไม่ได้มีรูปร่าง สีหน้าท่าทาง การเคลื่อนไหว หรืออากัปกิริยา รวมทั้งนักแสดงให้แสดงประกบ พวกเขามีเพียงแค่เสียงของตัวเองครับนักแสดงตลกอิมโพรไวส์เก่ง ๆ อย่าง เจสัน ซูเดคิส, จอช แก็ด, มายา รูดอล์ฟ, แดนนี แม็คไบรด์, คีแกน-ไมเคิล คีย์ หรือ เคท แม็คคินนอน ไม่เพียงแต่สามารถคิดไอเดียคอเมดี้เยี่ยม ๆ ออกมาได้ แต่ในการทำแบบนั้น พวกเขายังทำให้การพากย์เสียงของพวกเขามีความเป็นธรรมชาติมาก ๆ ซึ่งช่วยทำให้ตัวละครเหล่านี้โลดแล่นมีชีวิตในรูปแบบอนิเมชั่นจริง ๆ ครับ"
ในการอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ โรวิโอได้ก่อตั้งโรวิโอ อนิเมชั่น ซึ่งจะรักษาอำนาจควบคุมด้านครีเอทีฟเหนือตัวละครและให้ทุนสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เองได้ ด้วยรูปแบบนี้ โรวิโอก็สามารถทำให้แน่ใจว่าองค์ประกอบหลักที่ผู้ชมชื่นชอบเกี่ยวกับ Angry Birds จะปรากฏในภาพยนตร์ฉบับสมบูรณ์ด้วย ในปี 2012 เฮ็ด, มิกโก้ พอลลา (ผู้บริหารฝ่ายครีเอทีฟที่โรวิโอ) และโคเฮนก็ได้ร่วมมือกันเพื่อพัฒนาเรื่องราวออริจินอลของภาพยนตร์เรื่องนี้
การสร้างสตูดิโออนิเมชั่นจากศูนย์นำมาซึ่งการรวมตัวกันของผู้มีพรสวรรค์ระดับแนวหน้าของวงการอนิเมชันมากมาย โคเฮน, เฮ็ดและเมเซลเริ่มจากการจ้างมือเขียนบทจอน วิตตี้ ผู้เป็นคนสำคัญของ "Simpsons" ที่เขียนบทเอพิโซดจำนวนมากของซีรีส์อายุยืนนี้ และได้ร่วมทำงานในภาพยนตร์เรื่อง The Simpsons Movie และได้ร่วมงานกับโคเฮนในแฟรนไชส์ Ice Age, Alvin and the Chipmunks และ Dr. Seuss' Horton Hears a Who! หลังจากนั้น โคเฮนก็นำ แคทเธอรีน วินเดอร์มาร่วมอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้กับเขา ก่อนหน้านี้ วินเดอร์เคยทำหน้าที่ผู้บริหารที่ทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ อนิเมชันและทำงานภายใต้ จอร์จ ลูคัส เพื่อนำแบรนด์ Star Wars สู่แวดวงอนิเมชั่นมาแล้ว