ภาพยนตร์ภาษาอีสานต้นทุนต่ำสร้างจากทีมงานเพียงสองคนรวมถึงนักแสดงเด็กหน้าใหม่ได้รับการคัดเลือกให้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์เอเชียที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก
เทศกาลภาพยนตร์อูดีน ฟาร์ อีสต์ ได้ประกาศโปรแกรมการฉายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เทศกาลนี้จัดต่อเนื่องกันเป็นครั้งที่ 18 แล้ว และเป็นหนึ่งในเทศกาลหนังเอเชียที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก ในปีนี้มีภาพยนตร์ไทยสามเรื่องที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าฉาย ได้แก่ "ฟรีแลนซ์" จากค่ายจีทีเอชที่ผู้ชมชาวไทยรู้จักกันดีอยู่แล้ว "รุ่นพี่" ภาพยนตร์สยองขวัญโรแมนติกจากค่าย M๓๙ และสำหรับภาพยนตร์อีกเรื่องที่เป็นตัวแทนของไทย คือ "ป่า" ภาพยนตร์ไทยทุนสร้างต่ำที่ได้รับเสียงชื่นชมจากทั่วโลก
ภาพยนตร์ทั้งเรื่องถ่ายทำในภาคอีสานระหว่งจังหวัดอุดรธานีและสกลนครและใช้ภาษาอีสานในการดำเนินเรื่องประมาณ 50% ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการฉายในเทศกาลหนังซิเนเควสต์ (Cinequest) ในเมืองซานโฮเซ่ในต้นเดือนมีนาคมาและได้รับคำชื่นชมว่าเป็น "ผลงานชิ้นโบแดง" พร้อม "การถ่ายทำที่สยองขวัญอย่างงดงามและการเล่าเรื่องสุดคลาสสิค" ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทอดให้เห็นถึงความงดงามของดินแดนอีสานในรูปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
- ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มีนักแสดงชาวตะวันตกและบอกเล่าเรื่องผีในแบบไทย ๆ แต่ผู้กำกับของเรื่องเป็นชาวอังกฤษ คุณพอล สปาเรีย (Paul Spurrier) ได้ย้ายมาประเทศไทยเมื่อสิบปีที่แล้วเพื่อสร้างภาพยนตร์เรื่อง "ผี" และเป็นชาวต่างชาติรายแรที่กำกับภาพยนตร์ภาษาไทย เรื่อง "ผี" ได้เข้าฉายในกว่าสามสิบประเทศทั่วโลกและทำให้ภาพยนตร์สยองขวัญไทยเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก
- นิรัตติศัย กัลป์จาฤกษ์ หรือ พี่ต๊ะ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับหน้าที่โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เรื่อง "ป่า" ผู้บุกเบิกวงการละครผู้นี้ได้ผลิตละครยอดนิยมสองเรื่องในปีที่ผ่านมา "ทีมของผมเป็นหนึ่งในทีมงานแรกที่ถ่ายทำระบบ HD เราเป็นผู้บุกเบิกระบบ 3 มิติในประเทศไทย และในขณะนี้เรากำลังขยายธุรกิจในระดับนานาชาติและอยู่ระหว่างการช่วยทีมงานประเทศฮังการีถ่ายทำในประเทศไทย ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ภาพยนตร์เรื่อง ป่า ได้รับคำชื่นชมจากทั่วโลก"
- เมื่อเราได้อ่านและพบว่าภาพยนตร์เรื่องต่างๆมีค่าใช้จ่ายหลายล้านเหรียญ คุณพอล สปาเรียจึงได้ตัดสินใจสวนกระแสและสร้างภาพยนตร์เรื่อง 'ป่า' ด้วยทุนสร้างที่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท ทีมงานที่ลงแรงในกว่า 70% ของภาพยนตร์คือคุณพอลและภรรยา คุณจิริยา โดยคุณพอลทำหน้าที่กำกับและดูแลการทำงานของกล้องในขณะที่คุณจิริยาทำหน้าที่บันทึกเสียง
- ผู้กับกับ คุณพอล สปาเรีย (Paul Spurrier) ได้มีโอกาสเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเมื่อสิบห้าปีก่อนและได้ตกหลุมรัก คุณพอลกล่าวว่า "นักท่องเที่ยวทุกคนรู้จักกรุงเทพ ภูเก็ต เชียงใหม่และสถานที่สวยงามอื่นๆ แต่ผมอยากโชว์ส่วนอื่นๆของเมืองไทยที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสปรากฏในภาพยนตร์ และที่สำคัญไปกว่านั้น ผมอยากแสดงให้เห็นถึงสปิริตของคนอีสาน"
- นักแสดงหลักของเรื่องสองราย คือ เด็กหญิงวรรณษา วินทวงศ์ อายุ 9 ขวบและเด็กชายธนพล คำคุณขำ อายุ 12 ปี ได้รับการคัดเลือกจากคุณพอลและคุณจิริยา หลังใช้เวลาสองสัปดาห์ในการเฟ้นหาตัวนักแสดงจากโรงเรียนท้องถิ่นในพื้นที่มีนักเรียนกว่า 400 รายที่เข้ารับการสัมภาษณ์ และน้องวรรณษาและธนพลผ่านการคัดเลือก ทั้งสองคนอาศัยอยู่ใกล้ ๆ กับสถานที่ถ่ายทำในจังหวัดอุดรธานีและไม่เคยแสดงมาก่อน ตลอดระยะเวลาการถ่ายทำ คุณพ่อของน้องทั้งสองอยู่เป็นเพื่อนและช่วยในการถ่ายภาพยนตร์ ผลงานของทั้งคู่ได้รับการชื่นชมจากเทศกาลหนังนานาชาติปาล์มบีชเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาและนักวิจารณ์ได้ยกย่องว่าการแสดงของทั้งคู่ "เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง"
- คุณพอลร่วมงานกับบริษัทกันตนาเป็นเวลาหลายปีและมีโอกาสเดินทางไปทั่วโลกเพื่อดึงดูดภาพยนตร์นานาชาติให้ฉายในประเทศไทย คุณพอลกล่าวว่า "ในช่วงชีวิตการทำงานของผม ผมได้ถ่ายทำภาพยนตร์ในสิบกว่าประเทศทั่วโลก แต่ไม่มีประเทศใดที่เหมือนกับประเทศไทย แน่นอนว่าประเทศเหล่านั้นมีสถานที่ถ่ายทำที่ยอดเยี่ยมและทีมงานที่มีความสามารถ แต่คุณภาพของประเทศไทยเป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ทำให้ฉากต่าง ๆ มีความพิเศษมากขึ้น"
- ความสำเร็จของเทศกาลหนังหมายถึงภาพยนตร์เรื่องนั้นเป็น อาร์ทฟิล์ม ที่นักวิจารณ์ชื่นชอบแต่ผู้ชมกลับคิดว่าน่าเบื่อ แต่คุณพอลแน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถดึงดูดผู้ชมชาวไทยทุกเพศทุกวัย ขณะนี้ในหน้าเฟสบุ๊กของภาพยนตร์มีผู้มีกดไลค์แล้วถึง 20,000 ไลค์รวมถึงคนไทยจำนวนมากที่ต่างถามว่าเมื่อใดที่จะได้ชมภาพยนตร์and คุณพอลหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบริษัทจัดฉายภาพยนตร์จะได้มีโอกาสสกรีนภาพยนตร์เรื่องนี้ "ผมรักประเทศไทยและเป็นบ้านที่ผมอาศัยกับภรรยาและลูก แน่นอนว่าผมดีใจอย่างยิ่งที่ภาพยนตร์ได้รับคำชื่นชมและชื่อเสียงในต่างประเทศ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมหวังว่าจะได้มีโอกาสฉายแก่คนไทยและแสดงถึงความรักที่ผมมีต่อเมืองไทยและคนไทยผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้"
- บางส่วนของภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากเกี่ยวกับผีและสร้างความน่ากลัว อย่างไรก็ตาม ความสะเทือนใจที่แฝงในภาพยนตร์ทำให้ผู้ชมในเมืองซานโฮเซ่ต้องหลั่งน้ำตาให้ คุณจิริยาได้กล่าวว่า "โดยทั่วไปเมื่อภาพยนตร์ฉายจบลง ผู้ชมจะเดินออกจากโรงในทันที แต่เรื่องนี้ไม่มีใครลุกเพราะรู้สึกอายกับดวงตาที่แดงกล่ำจากการร้องไห้" ชาวไทยที่อาศัยอยู่ในย่าซานโฮเซ่มีโอกาสเข้าร่วมชมภาพยนตร์ด้วยและประทับใจที่ได้รับชมภาพยนตร์ไทยในโรงหนังอเมริกา ผู้ชมบางท่านเปรียบภาพยนตร์เรื่องนี้กับเรื่อง 'วัลลี' ที่ถ่ายทอดเรื่องราวสะเทือนอารมร์
- ถึงแม้ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างด้วยต้นทุนที่ต่ำแต่คุณพอลและคุณจิริยาสามารถหานักแสดงที่มีชื่อเสียงมารับบทบาทในภาพยนตร์ได้ ไม่ว่าจะเป็น อัสนี สุวรรณ ที่เคยฝากฝีมือไว้ในชื่อน้องตุ้มนักมวยสาวประเภทสองจากภาพยนตร์เรื่อง "บิ๊วติฟูล บ็อกเซอร์" รับบทเป็นครูชาวชนบทที่ต้องเผชิญกับปัญหาจากลูกศิษย์รายหนึ่ง วิทยา ปานศรีงาม เจ้าของรางวัลจากผลงานภาพยนตร์เรื่อง เพชฌฆาต รับบทเป็นผู้ใหญ่บ้านจอมโกง และพงศนารถ วินศิริ รับบทเป็นอาจารย์ใหญ่ นักแสดงที่กล่าวถึงทุกท่านเมื่อได้อ่านบทแล้วได้ตกลงรับเล่นภาพยนตร์โดยลดค่าตัวลงจากปกติ
- ภาพยนตร์เรื่อง "ป่า" ได้รับการคัดเลือกฉายในเทศกาลหนังนานาชาติแล้วถึงสามแห่งและมีเป้าหมายในการเป็นภาพยนตร์ไทยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในระดับนานาชาติในปีนี้