เป็นหนังนอกกระแสอีกหนึ่งเรื่องของผู้กำกับ "บูม พลัฏฐ์พล มิ่งพรพิชิต" จาก "ประโยคสัญญารัก" ที่ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก สำหรับภาพยนตร์รัก "Fathers" โดยเนื้อเรื่องจะเป็นเกี่ยวกับความรักอันบริสุทธิ์ระหว่างชายหนุ่มสองคนที่อยากมีลูก ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้สองนักแสดง "อั๊ต อัษฎา พานิชกุล" และ "ณัฐ ศักดาทร" มาเล่นเป็นตัวเอก โดยมี "นก สินจัย เปล่งพานิช" มาร่วมสร้างความน่าสนใจของเรื่อง
เนื้อเรื่องเป็นยังไง
"ฝุ่น" (อัษฎา พานิชกุล) ผู้จัดการฝ่ายการเงินและการลงทุนวัย 36 ปี กับ "ยุกต์" (ณัฐ ศักดาทร) Illustrator หนุ่มวัย 33 ปี กับ ทั้งคู่อยู่กินกันมาแล้วกว่า 13 ปี โดยทั้งสองได้รับ "บุตร" ซึ่งเป็นเด็กกำพร้ามาเลี้ยงด้วยกันตั้งแต่เด็กน้อยยังเป็นทารก จนเมื่อบุตรเริ่มเข้า ป.1 ก็ได้ถูกเพื่อนล้อว่าไม่มีแม่ ความพิเศษของเขาที่มีพ่อถึงสองคนเริ่มกลายเป็นสิ่งที่ไม่ต้องการ บุตรเริ่มถามถึงแม่ของเขาจนสร้างความอึดอัดใจบางประการให้กับฝุ่นและยุกต์ จนกระทั่งวันหนึ่ง การมาถึงของ "รัตติยา" (สินจัย เปล่งพานิช) ผู้อำนวยการสำนักคุ้มครองสิทธิเด็กก็ทำให้บรรยากาศในบ้านหลังนี้เริ่มเปลี่ยนไป คำแนะนำของรัตติยาและการสืบค้นถึงประวัติการเกิดมาของบุตรทำให้ฝุ่นและยุกต์เริ่มอึดอัด ทั้งคู่มีทางเลือกไม่มากนัก และอาจจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกทางที่บุตรจะมีความสุขที่สุด แม้ว่าเขาทั้งสองคนจะทุกข์ก็ตามที
มีแรงบันดาลใจมาจากอะไร
ที่จริงเริ่มจากการที่มีคนบอกให้เริ่มทำหนังจากเรื่องใกล้ตัว มันน่าจะอินและถ่ายทอดได้ดี ซึ่งมันก็คือหนังเกย์ แต่ว่าสิ่งที่เราเห็นในสังคมปัจจุบัน หนังเกย์ที่เห็นจะเน้นไปทาง "Sex Sense" ซึ่งจริงๆความรักผู้ชายกับผู้ชาย ไม่จำเป็นต้องมุมมองนั้น กลายเป็นว่าทุกคนมองว่า หนังเกย์คือหนังโป๊ แต่อยากให้มองว่าหนังเกย์คือหนังที่ถ่ายทอดมุมมองความรักของชายกับชาย ซึ่งชายกับชาย หญิงกับหญิง มันไม่ต่างกันกับชายกับหญิง แค่มาอยู่ในบริบท ของรสนิยม ซึ่งมันเป็นปัจเจก แต่ความรักมันเป็นสากล อยากถ่ายทอดให้ทุกคนเห็นว่ามันมีมุมหนึ่งของชายชายที่น่าสนใจ ครั้งแรกตั้งใจจะทำเป็นหนังประกวดแต่ก็กลายมาเป็นหนังใหญ่
เหตุผลในการเลือกนักแสดง
ตอนเลือกพี่ อั๊ต อัษฎา คือ ตั้งใจเลือกเขาอยู่แล้ว หนึ่งคือหน้าเค้าดูอินเตอร์ สองคือ มีสเน่ห์ เป็นดาราไม่กี่คนที่ยิ่งแก่ก็ยิ่งหล่อ รู้สึกว่าเค้าน่าสนใจ คนที่สองคือ ณัฐ ศักดาทร คนนี้คือ เราอยากได้ดาราที่ไม่เคยเล่นหนังมาก่อน เหตุผลคือมันไม่ช้ำ ถ้าเราไปเลือกดาราที่ผ่านการเล่นหนังมาเยอะ มันจะช้ำ มันจะเกิดการ Down Acting ได้ สมมุติเช่น ดาราเอ เมื่อโดนด่า จะมี Reaction เป็นแบบนี้ คนเราจะรู้ถึงความช้ำไปแล้ว คนเราจะเดา Reaction ได้ว่า คนๆนี้จะเป็นยังไงถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ ไม่มีความสดใหม่ เราก็เลยเลือกนักแสดงที่ไม่เคยมีผลงานทางฟิล์มมาก่อน ซึ่ง ณัฐ ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ หนึ่งคือเค้าร้องเพลงเพราะ สองคือ รูปร่างดี สามคือ ทราบมาว่าเค้าเป็นคนที่ทำการบ้านเยอะ อย่างละครเวทีที่เขาเล่นเรื่อง วันสละโลด ก็ได้รับ Feed Back เยอะดีเราเลยเลือกเค้า
มีนักแสดงที่เป็นเด็กด้วย ในเรื่องมีปัญหาในส่วนนี้ไหม
ทำงานกับเด็กก็ยาก จริงๆในหนังเรื่องนี้มีหมด ทั้ง เอฟเฟค สลิง เด็ก สัตว์ ลม ฝน ขาดแค่ผี พาหนะก็มีครบ ทั้งเรือ รถ มอเตอร์ไซต์ เครื่องบิน ถ้าถามว่ายากไหม ก็ยากเพราะเด็กเค้าต้องการการพักผ่อนด้วย แต่ก็นับว่าเด็ก 5 ขวบ ทำได้เท่านี้ก็เก่งมาก
คิดถึง Feedback หนังไหมว่าหลังจากออกไปจะเป็นยังไง เพราะอย่างที่บอกมาครั้งแรกว่าเป็นหนังรักแนวชายชาย
จริงๆตอนทำครั้งแรกไม่ได้คิดถึง Feed Back อะไรเลย แค่อยากทำ ตั้งใจเป็นหนังอินดี้ด้วยซ้ำ แต่ไปมาๆหลังจากได้รับเกียรติจากนักแสดงหลายๆท่านมันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ส่วนในเรื่องสังคมไม่ได้คิด จะพูดว่าไม่แคร์ก็ไม่ได้แคร์ เพราะตัวหนังค่อนข้างที่จะ Clear มาก ไม่มีฉากหวือหวา ไม่มีฉากโป๊ มันเหมือนหนังรักเรื่องนึงที่มีฉากเลิฟซีนที่ควรมีแต่ไม่ได้มีฉากที่หวือหวามาก อีกอย่างคือ สังคมเริ่มตื่นตัวกับเรื่องนี้มากพอสมควร อย่างเรื่องกฏหมายสมรสเพศเดียวกัน ซึ่งตอนนี้ก็มีการให้ความสนใจคู่ชีวิตเยอะ
ฝากถึงคนดู
หนังเรื่องนี้เป็นหนังครอบครัว อย่างพี่นก พูดไว้ การเลี้ยงลูกไม่มีวิธีที่ถูก ไม่มีวิธีที่ผิด แต่ไม่มีวิธีที่ง่ายอย่างแน่นอน ผมมองว่า คู่รักชายหญิง หรือชายชาย หรือต่อให้ไม่ได้เป็นคู่รักก็ตาม เอาแค่เป็นลุงป้า น้าอา การที่จะเลี้ยงเด็กสักคน มันไม่มีวิธีที่ถูกหรือผิด แค่ไม่ง่ายกับการที่จะทำให้เด็กสักคนเติบโตมากับสังคมปัจจุบันที่มีสื่อมากมาย สำหรับผมหนังเรื่องนี้เป็นหนังครอบครัว เพียงแต่ครอบครัวนี้เป็นผู้ชายสองคนที่มีลูก เท่านั้นเอง
ที่มา daradaily.com