เมื่อไม่นานมานี้เรามีโอกาสได้สัมผัสกับความเนิบช้าในชนบทจากภาพยนตร์สัญชาติญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งกับ "Little Forest" ภาพยนตร์ที่พาเราไปใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติผ่านฤดูกาล หว่านเมล็ดเพื่อปลูก ดูแลจนเติบโต แล้วเก็บเกี่ยวกลายเป็นวัตถุดิบในครัว นำไปปรุงเป็นอาหารโฮมเมดที่แสนธรรมดา แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความอิ่มเอมของชีวิต เรานั่งนึกอยู่นานว่าเคยมีละคร หนัง หรืออะไรก็ตามที่บอกเล่าเรื่องราวเช่นนี้ แต่เป็นอาหารรสจัดจ้านแบบไทยหรือไม่ ใช่แล้ว ยังไม่เคยมีชาวไทยคนไหนปรุงสิ่งนี้ขึ้นมา จนกระทั่ง อาจารย์วันดี ณ สงขลา แห่งโรงเรียนสอนอาหารครัววันดี และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ "พริกแกง" ครูคนสำคัญที่จะพาเราไปชิมรสพริกแกงที่ไม่เคยมีใครทำขึ้นมาก่อน
ชื่อพริกแกงนี้มาจากเครื่องปรุงอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยที่ขาดไม่ได้ และไม่มีชาติไหนเหมือน ซึ่งเดิมทีอ.วันดีมีความต้องการอยากสร้างหนังที่เกี่ยวกับอาหารไทยอยู่แล้ว เพียงแต่ติดอยู่ที่ความคิดว่าคงทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ จนในที่สุดความเป็นไปได้ก็เดินเข้ามาโดยผู้กำกับทั้งสอง คุณเจ๋ง-เอกลักษณ์ อนันตสมบูรณ์ และคุณบุ๊ค-ประเสริฐสุข เหมทานนท์ ซึ่งต้องการทำหนังที่มีชั้นเชิง มีความพิเศษเฉพาะตัวเพื่อส่งประกวดเข้าเทศกาลหนังนานาชาติ โดยมีอ.ดาว-ดร. วิชุดา ณ สงขลา ศรียาภัย ผู้อำนวยการผลิตอีกท่านหนึ่ง ร่วมปลูกจิตสำนึกให้คนในชาติเห็นคุณค่าของอาหารไทยมากขึ้น
"ที่ต่างประเทศเขามีทำหนังอาหารกัน จนมีชื่อเสียงโด่งดัง คนดูได้รู้จักกับอาหารประเทศนั้นๆ แถมโปรโมตการท่องเที่ยวอีก แล้วอาหารไทยที่ดังไปทั่วโลก ทำไมถึงไม่มีใครทำล่ะ วันหนึ่งกลุ่มโปรดิวเซอร์ก็มาหาเราที่โรงเรียน บอกว่าอยากทำหนังเกี่ยวกับอาหาร เหมือนเรามีความรู้ให้เขา เพราะบทหนังทั้งหมดที่เขียนขึ้นครูเป็นคนตรวจความถูกต้อง เราเห็นว่าเขามีความตั้งใจตรงนี้มาก เลยตัดสินใจทำ ซึ่งคนที่จะได้เต็มๆ คือหนึ่ง ประเทศชาติ เราจะได้รู้จักกับอาหารไทยที่แท้จริง หรือแม้แต่เมนูที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน อย่างแกงสิงหล แกงนอกหม้อ พร้อมทั้งเคล็ดลับต่างๆ สอง ร้านอาหารที่อยู่ต่างประเทศ เพราะในเรื่องมีเชื่อมโยงไปถึงตรงนั้นด้วย และสาม คนจะหันมาสนใจอาหารไทย และอาชีพเชฟมากขึ้น โรงเรียนสอนอาหารก็จะได้ผลพลอยได้ไป"
อ.วันดีมองว่าพริกแกงไม่ควรดูเป็นสารคดีนัก เพราะต้องการให้เป็นภาพยนตร์ที่มีชีวิตจิตใจ ร้อยเรียงเจตนาผ่านอาหาร โดยแบ่งออกเป็นสองเรื่องใหญ่ด้วยกัน เนื้อเรื่องที่คุณเจ๋งกำกับจะเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว ต้องการให้คนรุ่นลูกกลับไปนึกถึงรสมือแม่ที่กินที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่า พูดง่ายๆ ว่าเมื่อหนังจบเป็นต้องอยากกลับบ้านไปกินกับข้าวของแม่เลย ส่วนเรื่องของคุณบุ๊คจะเน้นไปทางธุรกิจร้านอาหารต้นตำรับ เป็นเรื่องของการเชื่อมโยงระหว่างรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ โดยมีนักแสดงรุ่นใหญ่อย่างหนิง-นิรุตติ์ ศิริจรรยา, ป๋อง-พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา, ต่าย-เพ็ญพักตร์ ศิริกุล และดารารุ่นใหม่ เอิร์ธ-อติคุณ อดุลโภคาธร ฝน-นรินทร์ทิพย์ เพิ่มภัทรสกุล จากเรื่องชัมบาลามาร่วมแสดงอีกด้วย
"ในเรื่องเราพูดถึงร้านอาหารที่เป็นต้นตำรับจริงๆ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามต้นแบบห้ามผิดเพี้ยน เชฟต้องรักษารสชาติความเป็นไทยให้ได้ ทีนี้พอร้านไปเปิดที่ต่างประเทศ เราจะยึดมั่นให้เหมือนเดิมทุกอย่างไม่ได้ เพราะวัตถุดิบบางตัวหายาก เราต้องยืดหยุ่นได้เมื่อถึงคราวจำเป็น"
อ.วันดี เสริมถึงจุดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเอกลักษณ์ของอาหารไทยว่าเป็นอาหารที่ได้มาจากบรรพบุรุษ บ้านไหนชอบกินหวานก็ใส่หวาน บ้านนี้ชอบเนื้อไก่ บ้านนั้นชอบเนื้อปลา คือลางเนื้อชอบลางยา ลักษณะอาหารจึงเหมือนนิสัยคนไทยที่อะไรก็ได้ สามารถมีวัตถุดิบอื่นมาใส่แทน แต่รสชาติต้องเข้ากันได้ด้วย
เมื่อถามถึงความคืบหน้าของการถ่ายทำ ผู้กำกับทั้งสองบอกกับเราว่าเริ่มถ่ายทำกันบางส่วนแล้ว และมีกำหนดปิดกล้องประมาณเดือนพฤษภาคม เพราะในช่วงกรกฏาคมจะเริ่มส่งหนังเข้าประกวดในเทศกาลหนังต่างประเทศที่เมืองคานส์ โตรอนโต้ และฮ่องกง หลังจากส่งพริกแกงเข้าประกวดจึงจะลงฉายตามโรงภาพยนตร์ทั่วไป
"พริกแกง" เรื่องนี้ไม่ได้เป็นภาพยนตร์ที่แค่เล่าเรื่อง แต่เป็นภาพยนตร์ที่มีเรื่องเล่าของรากเหง้าอาหารไทย สำหรับอ.วันดีแล้วไม่ใช่เรื่องของตัวเลขหรือชื่อเสียง แต่เป็นความต้องการที่อยากให้คนไทย และคนทั่วโลกรู้จักกับอาหารไทยอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยกลั่นกรองออกมาเป็นเรื่องราวอันละมุนละไม บ้างแข็งกร้าว บ้างละเอียดอ่อน เพื่อย้ำถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยที่นับวันก็มีแต่จะพร่องลงไปในความรู้สึกโดยไม่รู้ตัว
ขอบคุณที่มา : http://foodstylistchannel.com
Teaser 1
Teaser 2