1) กระหึ่มเวทีรางวัลปี 2015!
"Spotlight" การันตีคุณภาพในทุกด้านจากการติดโผภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากสถาบันนักวิจารณ์และสื่อชั้นนำของอเมริกา รวมไปถึงการเข้าชิงและคว้ารางวัลใหญ่จากสถาบันเวทีชื่อดังมาแล้วนับไม่ถ้วน อาทิเช่น ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากสถาบันนักวิจารณ์ลอส แองเจลิส, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม "ไมเคิล คีตัน" จากสถาบันนักวิจารณ์นิวยอร์ค, ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม "ทอม แม็คคาร์ธี" จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิซ, อันดับ 1 ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2015 จากนิตยสารไทม์ และเอนเตอร์เทนเมนท์ วีคลีย์, เข้าชิง 3 รางวัลใหญ่จากเวทีลูกโลกทองคำ (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม) และเข้าชิง 2 รางวัลจากเวทีสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ (ทีมนักแสดงยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม) รวมทั้งล่าสุดยังได้กลายเป็น ภาพยนตร์ที่เดินหน้าสู่เวทีออสการ์อันทรงเกียรติ ในฐานะเต็งหนึ่งอย่างสมศักดิ์ศรี
2) เจาะลึกการทำงานของคนข่าวอย่างเข้มข้น
หนึ่งในหัวข้อที่สื่อใหญ่หลายสำนักต่างวิจารณ์ชื่นชมถึงตัวภาพยนตร์อย่างท่วมท้นนั่นก็คือ "Spotlight" เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับนักข่าวอันยอดเยี่ยมที่สุดแห่งทศวรรษนี้
ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่สนใจในภาพยนตร์ประเภทนี้, อยากเรียน - อยากเป็นนักข่าว หรือเป็นสื่อมวลชนโดยส่วนตัวอยู่แล้ว และหากเคยชื่นชอบภาพยนตร์นักข่าวชื่อดังระดับคลาสสิคอย่าง All the president's Men, Wag the Dog, The Insider, Zodiac … เชื่อได้ว่า Spotlight ก็จะเป็นอีกหนึ่งผลงานที่จะสามารถก้าวเข้าไปอยู่ในใจของคุณได้ไม่ยาก
"Spotlight แสดงตัวอย่างชั้นยอดให้ผู้ชมเห็นว่า นักข่าวมืออาชีพ และชั่วโมงบินสูงๆ เขาทำงานสำเร็จกันอย่างไร ผมอยากให้ทุกคนได้รู้สึกตัวว่า หัวใจหลักของการทำข่าวคืออะไร เพราะสำหรับผมแล้ว นักข่าวเหล่านี้ คือฮีโร่ตัวจริงเสียงจริง" - ผู้กำกับ ทอม แม็คคาร์ธี กล่าวเสริมถึงในหัวข้อนี้
3) ทีมนักแสดงในฝัน
ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นนักแสดงคุณภาพระดับแถวหน้าของวงการหลากหลายคนมาร่วมงานกันในผลงานเรื่องหนึ่ง ... แต่สิ่งอันน่าอัศจรรย์นี้เกิดขึ้นแล้วใน "Spotlight" นี่จึงถือเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับแฟนภาพยนตร์ทั้งโลก เมื่อทีมนักแสดงในฝันมารวมตัวกันอย่างคับคั่ง เพื่อสวมบทบาทเป็นทีมนักข่าวแห่งประวัติศาสตร์ ‘สปอตไลท์’ ทีมข่าวที่สืบสวนคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายในโบสถ์คาทอลิกระดับท้องถิ่นจนสร้างการสั่นสะเทือนไปทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็น “ไมเคิล คีตัน” ผู้ซึ่งเข้าชิงรางวัลออสการ์สดๆ ร้อนๆ เมื่อปีก่อนจาก Birdman, “มาร์ค รัฟฟาโล่” นักแสดงผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ถึง 2 ครั้ง และโด่งดังในบทบาทของยักษ์เขียว ‘ฮัลค์’ จากผลงานซุปเปอร์ฮีโร่สบล็อคบัสเตอร์ The Avengers, สาวสวยสวยหน้าหวาน "เรเชล แมคอดัมส์" ผู้ขอพลิกบทบาทจากภาพยนตร์รัก-โรแมนติกอย่าง The Notebook หรือ About Time มารับบทบาทครั้งที่เข้มข้นที่สุดในชีวิต, "ลีฟ ชไรเบอร์" นักแสดงผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงลูกโลกทองคำถึง 3 ครั้ง และมีผลงานคุณภาพล่าสุดกับ Pawn Sacrifice ร่วมด้วย "ไบรอัน ดาร์ซี่ย์ เจมส์" ผู้เป็นทั้งนักดนตรีและนักแสดง เขาเคยเข้าชิงรางวัลโทนี่ อวอร์ดส์มาแล้ว 3 ครั้ง และ "สแตนลี่ย์ ทุชชี่" นักแสดงที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์รวมทั้งบทบาทล่าสุดในภาพยนตร์ฮิต The Hunger Games
4) การแสดงเหนือชั้น ทึ่งคนข่าวตัวจริง!
เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นเหล่านักแสดงยอดฝีมือระดับแถวหน้าของวงการ การถ่ายทอดบทบาทของพวกเขาย่อมไม่ธรรมดา ... เพราะในที่สุดแล้วทั้งหมดต่างมอบการแสดงได้อย่างแนบเนียน เรียกได้ว่าทีมนักข่าว "สปอตไลท์" ตัวจริงถึงกับต้องทึ่งจนขนลุกเลยทีเดียว! ทีมนักแสดงหลักทุกคนต่างทุ่มเทใช้เวลาอยู่หลายสัปดาห์ไปกับการเตรียมตัวมารับบทบาท ด้วยการศึกษาหาข้อมูลจากทีมนักข่าวสปอตไลท์ตัวจริงทั้งการเดินทางไปพบปะเพื่อขอสัมภาษณ์ หรือศึกษาบุคลิกผ่านทางคลิปวีดีโอสัมภาษณ์จากข่าวและสื่อรูปแบบอื่นๆ ดังเช่น
"ฉากแรกที่ผมดูคือ ฉากที่ไมเคิล คีตันปรากฏตัว ผมแทบหงายหลังตกเก้าอี้เลยล่ะ เพราะเขาเล่นเป็นผมได้อย่างสมบูรณ์แบบ … เขาไม่ได้แค่เลียนการออกเสียงของผม หรือสำเนียงพูดแบบบอสตันได้เท่านั้นแต่การแสดงออกทางสีหน้า อากัปกิริยา โคตรเหมือนเลยครับ" - นักข่าวอาวุโสชื่อดัง วอลเตอร์ โรบินสัน เล่าถึงการรับบทอย่างเหนือชั้นของ ไมเคิล คีตัน
มาร์ค รัฟฟาโล่ ลงทุนตามติด ไมค์ เรเซนเดส ตัวจริงเพื่อที่จะดึงเอาบุคลิกความเป็นนักข่าวมาใช้ในการแสดง "วันแรกที่ผมเจอไมค์ เขาไว้เชิงพอสมควร หลังจากนั้นเราก็ไปที่อพาร์ทเม้นท์ของเขา ทานข้าวเย็นด้วยกันเสร็จ ก็ออกไปเดินคุยกันข้างนอก เราคุยกันนานมากๆ คุยจนผมเริ่มเข้าใจว่า เขาผ่านอะไรมาและเขารับมือกับเรื่องต่างๆ ด้วยวิธีการใด แล้วผมก็ไปที่สำนักงานของบอสตัน โกล้บ ใช้เวลาดูไมค์ทำงาน 5 วันเต็ม ๆ ก่อนที่จะเริ่มซ้อมบท"
เรเชล แม็คอดัมส์ พยายามจะเรียนรู้ทักษะการพูดจาเกลี้ยกล่อมแหล่งข่าวของ ซาช่า ไฟเฟอร์ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลสำคัญ "ฉันถามซาช่าทุกเรื่องที่ฉันสามารถนึกออกเลยค่ะ แม้กระทั่งพวกรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ตอนคุณไปสัมภาษณ์แหล่งข่าว คุณใส่นาฬิกาข้อมือหรือเปล่า? ไม่ว่าจะถามอะไรไป เธอก็ตอบให้ฉันหายสงสัยได้ทุกอย่าง"
5) รวบรวมทีมงานสายแข็งฮอลลีวู้ด
นอกจากจะเป็นการรวมตัวกันของเหล่านักแสดงยอดฝีมือแล้ว ... ทีมงานเบื้องหลังของ "Spotlight" ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะนี่ถือได้ว่าเป็นการระดมทีมสร้างคุณภาพ มาร่วมถ่ายทอดความเยี่ยมจนทุกเวทีรางวัลต้องสั่นสะเทือน อาทิเช่น "สตีฟ โกลิน" ผู้อำนวยการสร้างจาก Babel และ Being John Malkovich, "โฮเวิร์ด ชอร์" ผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบระดับชั้นครูจากผลงานชั้นเยี่ยมอย่าง The Silence of The Lambs, The Aviator, Hugo รวมทั้งยังเป็นเจ้าของรางวัลออสการ์จาก The Lord of the Rings, "สตีเฟน เอช. คาร์เตอร์" ผู้กำกับศิลป์และออกแบบงานสร้างจาก Birdman และ The Adjustment Bureau, "มาซาโนบุ ทากายานางิ" ผู้กำกับภาพจาก Silver Linings Playbook และ Warrior ร่วมด้วย "เชน เวียว" ผู้ตกแต่งฉากจาก Crimson Peak และ Dawn of the Planet of the Apes และ "เวนดี้ ชัค" ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายจาก Nebraska และ The Descendants
6) ใส่ใจทุกฉาก เก็บทุกรายละเอียด
ฉากหลักของการถ่ายทำ "Spotlight" ก็คือภายในสำนักงาน หนังสือพิมพ์ บอสตัน โกล้บ แต่การจะรังสรรค์ห้องทำงานของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ที่หมดยุคข่าวบนหน้ากระดาษไปนานแล้ว และเข้าสู่ยุคดิจิตัลเว็บไซต์แบบเต็มตัวในปัจจุบัน ก็นับได้ว่าเป็นงานที่ท้าทายอย่างมากทีมงานฝ่ายศิลป์
อย่างไรก็ตาม "สตีเฟน เอช. คาร์เตอร์" ผู้ออกแบบงานสร้างก็ได้ใช้แปลนสำนักงานใหญ่ของบอสตัน โกล้บยึดเป็นพิมพ์เขียวในการสร้างสำนักงานขึ้นมาใหม่บนพื้นที่ว่างของห้างสรรพสินค้าเซียร์ส แถบชานเมืองโตรอนโต (แคนาดา) ด้วยการใส่ใจในทุก ๆ รายละเอียดและสมจริงทุกอย่าง อาทิเช่น ของประดับตกแต่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในห้องทำงานของนักข่าว ไปจนถึงการหาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องตรงกับ ยุคสมัยของเรื่องนั่นก็คือประมาณ 15 ปีก่อนมาใช้ภายในฉากสำนักงาน "อุปกรณ์สำนักงานมันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก พวกเราทุกคนต้องตรวจดูสิ่งของในฉากทุกชิ้น ว่าชิ้นไหนดูโดดจากยุคสมัยบ้าง สิ่งที่เป็นของใช้ในยุคปัจจุบัน ห้ามปรากฏตัวอยู่ในภาพยนตร์เด็ดขาดเลย" - ผู้ออกแบบงานสร้าง สตีเฟน เอช. คาร์เตอร์ กล่าวถึงกระบวนการทำงาน
7) ‘ความสมจริง’ คือหัวใจสำคัญ
สำหรับการทำงานใน "Spotlight" ผู้กำกับ ทอม แม็คคาร์ธี ให้ความสนใจกับเนื้อเรื่องมากกว่าอะไรทั้งหมด "ผมและทุก ๆ คนในกองถ่ายทำงานเหมือนเดินตามรอยเท้านักข่าวเลยครับ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะปรุงแต่งให้งดงามมากเกินไปไม่ได้ มันต้องเล่าแบบตรงไปตรงมา หน้าที่สำคัญของมันคือเล่าเรื่อง เรื่องที่เล่าต้องถูกต้อง นั่นคือคติที่เราใช้กับการถ่ายภาพและองค์ประกอบด้านงานสร้างอื่นๆ ... มันต้องถูกต้องและตรงไปตรงมา"
เหตุผลที่ ทอม แม็คคาร์ธี ต้องการขับเน้นความสมจริงนั่นก็เพราะว่า เขาอยากให้นักข่าวสปอต์ไลท์ตัวจริง ดูแล้วเกิดความพอใจด้วย "เราต้องทำให้ทุกอย่างเป๊ะ ไม่ได้หมายถึงแค่ข้อมูล หรือรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้นนะครับ แต่ความสมจริงด้านอารมณ์ก็ต้องตรงตามที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ... เราต้องการให้คนที่เคยผ่านหรือประสบเรื่องเหล่านี้มาจริงๆ มาดูภาพยนตร์แล้วสามารถพูดออกมาได้ว่า ใช่ ตอนนั้นมันเป็นแบบนั้นเลย"
ซึ่งหลังจากที่ทีมนักข่าวสปอตไลท์ตัวจริงได้ลองรับชมภาพยนตร์ฉบับตัดต่อคร่าวๆ แล้ว พวกเขาต่างก็ยกนิ้วโป้ง ชมเชยกันอย่างพร้อมเพรียง "มาร์ตี้ บารอน ส่งอีเมลมาหาเราว่า การที่ผู้คนจะได้มีโอกาสเห็นการทำงานของนักข่าวใน SPOTLIGHT นั้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะมันคือการย้ำจุดยืนเสรีภาพของสื่อ หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของความเป็นอเมริกัน ... สถาบันอันทรงอิทธิพลใด ก็ไม่สามารถเอาชนะเสรีภาพของสื่อมวลชนได้" - ผู้กำกับ ทอม แม็คคาร์ธี กล่าวให้สัมภาษณ์อย่างภาคภูมิใจ
"Spotlight" อ้างอิงจากเรื่องจริงของเหตุการณ์สุดอื้อฉาวที่ทำให้ทั้งโลกต้องตกตะลึง เมื่อทีมนักข่าวฝีมือพระกาฬจากหนังสือพิมพ์บอสตันโกลบในนาม 'ทีมสปอตไลท์' ได้ร่วมกันสืบหาความจริง เพื่อทำสกู้ปข่าวเปิดโปงคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กในโบสถ์ท้องถิ่นที่ลุกลามจนสร้างความสั่นสะเทือนไปโลก นี่คือภาพยนตร์ที่คุณต้องไม่พลาดพิสูจน์ 14 มกราคมนี้ ในโรงภาพยนตร์