คิดว่ามันแตกต่างจากผลงานก่อนหน้านั้นหรือเปล่า Django Unchained และ Inglorious Basterds ซึ่งสองเรื่องล้วนประสบความสำเร็จทางรายได้ แล้วรายรับในบ็อกซ์ ออฟฟิศมีผลกระทบอะไรหรือเปล่า
ทารันติโน: ก็ไม่ได้แตกต่างเท่าไร ตราบเท่าที่ผมอยากจะทำหนังเรื่องที่ผมอยากจะเล่า แต่ผมก็เรียนรู้บทเรียนมหาศาลจากกรณี Grindhouse และจะไม่ให้เกิดกรณีนี้อีกครั้ง ทั้งโรเบิร์ต ร็อดริเกวซและผมก็คุ้นเคยแนวทางของตนเอง
คุณมักจะพูดถึงวิธีการกำกับหนังแต่ละเรื่องว่าไม่ต่างจากการเป็นวาทยากรที่ควบคุมออร์เคสตรา แล้วผู้ชมก็ค่อยๆเข้าใจความหมายและคุ้นเคยกับสไตล์ของคุณเอง
ทารันติโน: พูดตรงๆว่า คนดูฉลาดไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่คนดูที่ไร้สติปัญญานี่สิคือปัญหา กระนั้นผมคิดว่าเดี๋ยวนี่คนดูเริ่มรู้เท่าทัน ฉลาดขึ้นมากขึ้นซึ่งก็คือผลผลิตแต่ละยุคแต่ละสมัย เทคนิคก็คือจงไปให้สุดทาง ดังนั้นพวกเขาก็จะไม่แอบหัวเราะกับหนังของคุณในภายภาคหน้า อย่างเรื่อง Pulp Fiction ผู้ชมคงรู้สึกทำนองว่า “ว้าว ฉันไม่เคยดูหนังอะไรแบบนี้มาก่อนเลย หนังเรื่องนี้มันทำได้ไงวะ” ผมคิดว่าจะไม่เกิดกรณีนี้อีกต่อไปแล้ว ผมคิดว่าผู้ชมที่ดู Django Unchained และ Inglorious Basterds ก็จะรู้สึกแบบนี้เช่นกัน แต่จะเคยชินและเข้าใจในสิ่งที่ผมทำหนังนั่นแหละ
อยากทราบว่าหนังเรื่อง The Hateful Eight กล่าววถึงอะไรเกี่ยวกับยุคสมัยนี้
ทารันติโน: ผมไม่ได้ทำหนังเรื่องนี้ให้เป็นหนังร่วมสมัยใดๆเลย ผมแค่อยากจะเล่าเรื่องเท่านั้นเอง มันออกจะเกินเลยไปหน่อยถ้าคุณจะฝืนพยายามทำเป็นหนังร่วมสมัย จะเป็นคาวบอยฮิปปี้ หรือแนวตะวันตกแบบสวนกระแสใดๆก็ตาม
หนังใช้ฉากหลังเป็นยุคสงครามกลางเมือง แบบเดียวกับหนังเรื่อง The Good, the Bad and the Ugly
ทารันติโน: หนังเรื่อง The Good, the Bad and the Ugly ไม่ได้เจาะลึกเรื่องความขัดแย้งทางเชื้อชาติในยุคสงครามกลางเมืองเลย เหมือนแค่เป็นเหตุการณ์ส่วนหนึ่งในหนัง แต่หนังของผมเล่าเรื่องบ้านเมืองที่แตกสลายเพราะความขัดแย้งเหล่านั้น และผลที่ตามมาหลังจากนั้น
นั่นแหละที่หนังเรื่องนี้ดูเป็นหนังร่วมสมัย เพราะปัจจุบันใครๆก็พูดถึงเรื่องเชื้อชาติ
ทารันติโน: ผมรู้ ผมเลยตื่นเต้น
ตื่นเต้นเหรอ
ทารันติโน: เพราะในที่สุดแล้ว ประเด็นเรื่องความสูงส่งของคนผิวขาวกำลังจะกลายเป็นที่พูดถึงและเป็นข้อถกเถียงซึ่งเป็นสิ่งที่หนังเรื่องนี้จะนำเสนอ
หนังที่ผ่านๆมาก็ใช้ซูเปอร์สตาร์นำแสดงอย่าง Django Unchained ก็มีเจมี่ ฟ็อกซ์ และลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ จนถึงหนังเรื่องนี้ก็ได้ เคิร์ต รัสเซลล์, แซมมวล แอล แจ็คสัน และเจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์ คุณรู้สึกกดดันหรือไม่ที่ได้ดาราดังๆมาร่วมงาน
ทารันติโน: ไม่หรอก ถ้ามีบทที่ดาราดังสามารถเล่นได้ แล้วพวกเขาสนใจจริงๆ ก็ต้องมีแรงกดดันอยู่แล้วในการพิจารณาพวกเขา ผมไม่มีปัญหาหรอก นอกเสียจากผมไม่ปลื้มใครบางคนมากนัก เพราะใครบางคนที่เป็นดาราดังก็ไม่ได้หมายความว่าแฟนๆของเขาหรือแฟนหนังของผมอยากเห็นเราทำงานด้วยกัน มันขึ้นอยู่กับตัวนักแสดงและการที่เขาถ่ายทอดบทบาทได้ดีขนาดไหนนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด หนังเรื่องนี้เป็นงานที่ลีโอนาร์โดและแบรด พิทท์ (Inglourious Basterds) ไม่อาจทำได้ มันต้องอาศัยทีมนักแสดงโดยเฉพาะพวกไม่ค่อยมีชื่อ
จุดประสงค์ในการเลือกเจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์มาเล่นเรื่องนี้
ทารันติโน: ผมชื่นชอบเธอไง และผมคิดว่าจะทำหนังเรื่องนี้ให้กลายเป็น Reservoir Dogs ฉบับคาวบอยตะวันตกเลยนึกบางอย่างที่เหมาะกับยุคนั้นที่หนังเรื่องนั้นออกฉาย ใครที่เป็นกระแสมาแรงในยุค 90 ผมจึงเลือก ไมเคิล แมดเซ่น, ทิม ร็อธ และ เคิร์ต รัสเซลล์ ส่วนดาราหญิงที่เหมาะเป็นเดซี่นั้น ผมคิดว่าถ้าเป็นดาวดังในยุคนี้อย่าง เจนนิเฟอร์ ลอวเรนซ์ ก็ทำได้ดีนะ ผมเป็นแฟนหนังของเธอด้วย แต่ตัวเดซี่ต้องเป็นคนที่มีอายุซักหน่อยที่เหมาะสมกับตัวละครอื่นๆในหนัง เมื่อเจนนิเฟอร์ เจสัน สีห์ปรากฏเข้ามา เธอเจ๋งสุดๆ เธอเข้าถึงบทบาทในขณะที่คนอื่นก็ได้แต่แสร้งทำเท่านั้น ผมยังจำเสียงหวีดร้องของเธอได้ไม่ลืม ถ้าเกิดขึ้นในชีวิตจริง ป่านนี้คงเรียกตำรวจให้วุ่นแล้ว
หนังของคุณมักถูกวิจารณ์เรื่องความรุนแรงและใช้คำ N-Word (มาจากคำเรียกคนผิวสีเชิงดูถูกเหยียดหยาม) คุณสนใจคำวิจารณ์เหล่านั้นหรือเปล่า
ทารันติโน: พวกนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ไม่มีความหมายอะไรกับผมหรอก มันง่ายมากที่จะไม่สนใจพวกเขาเพราะผมเชื่อในสิ่งที่ผมลงมือทำ 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นพวกนักวิจารณ์ก็ช่างหัว มันอาจจะฉุดรั้งบ้างในบางคราว แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป ก็มักลงเอยแบบไม่ต่างจากการราดน้ำบนกองไฟ
คุณคว้ารางวัลออสการ์สาขาบทหนังยอดเยี่ยมมา 2 ครั้งแล้วมันทำให้คุณอึดอัดหรือเปล่าที่ไม่เคยได้รางวัลสาขาผู้กำกับซักที
ทารันติโน: ไม่หรอก แม้ผมเคยหวังว่าจะคว้าออสการ์สาขาผู้กำกับจากหนังเรื่อง Inglourious Basterds แต่ผมก็ภูมิใจนะ จนผมเอาไปโม้ได้เลยนะว่าผมเป็น1 ใน 5 ที่คว้า 2 ออสการ์สาขาบทดั้งเดิมยอดเยี่ยมอีก 4 คนที่เหลือคือ วูดดี้ อัลเลน, ชาร์ลส แบร็คเก็ต, บิลลี่ ไวลเดอร์ และแพดดี้ ชาเยฟสกี้ คือผมไม่เคยรู้มาก่อนจนกระทั่งมีคนเขียนบนเว็บไซต์ ผมเลยรู้สึกว่า แม่เจ้า! นี่คือเหล่ามือเขียนบทผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในฮอลลีวู้ดนี่หว่า ตอนนี้วูดดี้ อัลเลนแซงหน้าเราไปแล้ว เขาคว้าไปสาม ถ้าผมคว้าได้อีกก็เสมอเขาแล้ว
ตัวละครในหนังของคุณล้วนมีความแค้นเป็นแรงผลักดัน แต่คุณก็ให้อภัยพวกเขาได้ในภายหลัง บรูซ เดิร์นเคยถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในกรณีบทหนังถูกปล่อยตามอินเตอร์เน็ต แต่เขาก็ยังเล่นหนังเรื่องนี้ คอมโพสเซอร์ เอนนิโอ มอร์ริโกเน เคยวิจารณ์หนัง Django Unchained และบอกว่าจะไม่ร่วมงานกับคุณอีก แต่สุดท้ายเขาก็มาทำดนตรีประกอบให้หนังเรื่องนี้ คุณรู้สึกสบายใจขึ้นบ้างหรือเปล่า
ทารันติโน: ผมอาจจะสบายใจขึ้นซึ่งก็ดีนะ ผมเคยเลือดร้อนบ้าง แต่ถ้าผมโกรธตอนนี้ขึ้นมา คงรู้สึกทำนองว่า “ปัญหามันคืออะไรวะ” ชีวิตผมก็แย่พอแล้ว ผมโกรธ รำคาญสุดๆ แต่ตอนนี้สบายใจขึ้นแล้ว ชีวิตมันสั้นนะ