วันนี้ “นัวฟิล์ม” อยากจะขอแนะนำหนังเก่าเรื่องนึง ซึ่งเป็นภาคแรกของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ที่กำลังจะปล่อยภาคสองมาให้แฟนๆ ได้ชมกันเร็วๆ นี้ ซึ่งจะเป็นภาพยนตร์เรื่องใดเป็นไม่ได้กับ The Hunger Game - เกมล่าเกม ที่ออกฉายในโรงภาพยนตร์ไปเมื่อ 22 มีนาคม 2012 ที่กระชากใจคนดูไปแล้ว จนแทบจะอดใจภาคต่อไปไม่ไหว ส่วนในปีนี้ จะมีภาคสองมาให้ได้ชมกันกับ The Hunger Games: The Catching Fire จะเข้าฉายในบ้านเรา วันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ แต่ก่อนที่จะไปชมภาพยนตร์ภาคสอง เรามารื้อฟื้นความความจำ ในThe Hunger Game - เกมล่าเกม กันก่อนก่อนดีกว่า
เนื้อเรื่องย่อ
ในอนาคตสงครามทำให้โลกกลาย เป็นยุคมืดอีกครั้ง ทั้ง 12 เขตตกอยู่ภายใต้การปกครองของ “แคปิตอล” ที่กำหนดให้ทั้ง 12 เขตจะต้องส่งเด็กผู้หญิงหนึ่งและเด็กผู้ชายหนึ่ง เข้าร่วม Hunger Games ที่มีกฏง่ายๆคือให้เด็กทั้ง 24 คนต่อสู้กันต่อหน้าทีวีจนเหลือผู้รอดเพียงคนเดียวทุกปี เมื่อน้องสาวของ แคตนิส เอเวอร์ดีน (เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์) จากเขต 12 กลายเป็นผู้โชคร้ายคนล่าสุด เธอไม่มีทางเลือกนอกจากเสนอตัวเองแทน และต้องเดินทางไปเข้าร่วมเกมกับ พีตา เมลลาร์ก (จอช ฮัทเชอร์สัน) ตัวแทนจากเขตอีกคน โดยมี เกล (เลียม เฮมส์เวิร์ธ) เพื่อนสนิทของ แคทนิส ที่พยายามช่วยเธอจากเกมมรณะนี้... แคตนิส ต้องเลือกระหว่างมนุษยธรรมหรือการเอาตัวรอด ชีวิตหรือความรัก จุดมุ่งหมายเดียวก็คือการเอาชนะเกมล่าชีวิตเพื่อกลับบ้าน
นักแสดง
เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์, จอช ฮัทเชอร์สัน, เลียม เฮมส์เวิร์ธ, วู้ดดี้ ฮาร์เลนสัน, โดนัลด์ ซุทเธอร์แลนด์, สแตนลี ทุชชี, เวส เบนลี่, อลิซเบธ แบงก์ และ เลนนี คราวิทซ์
การกำกับ
The Hunger Games กำกับการแสดงโดยผู้กำกับที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์อย่าง แกร์รี่ โรส
ภาพรวมภาพยนตร์
โดยรวมของหนังเรื่องนี้ในส่วนของเอฟเฟกต์ พอมีให้เห็นบ้างแต่ไม่ถือว่ามากนัก แต่ก็โอเค เนียน ดูไม่หลอก ส่วนฉากที่นางเอกมีอาการมึนงงแล้วภาพแสดงออกมาเหมือนมีการสั่น ๆ สามารถทำออกมาได้ดี ซาวน์ประกอบของหนังก็ช่วยในการดึงอารมณ์ได้พอสมควร ทำให้รู้สึกตื่นเต้น และอินไปกับหนังได้ดีเลยทีเดียว ฉากที่เป็นเมืองหลวงแคปปิตอล ที่คนในเมืองมีชีวิตที่หรูหรา ฟุ่มเฟือย แต่งตัวมีสีสัน กับฉากในเขตต่างๆ ที่บรรดาชาวบ้านชนชั้นกรรมกร เสื้อผ้าหน้าผมและการแต่งตัว สวยงาม อลังการที่ไม่ต้องบอกก็ดูออกถึงฐานะนั้นทำให้เห็นความแตกต่างได้อย่างดี เข้าใจว่าหนังไม่น่าจะเน้นในส่วนพวกนี้มากนัก แต่เป็นแนวที่แฝงข้อคิดไว้ในเนื้อเรื่องมากกว่าซึ่งจุดนั้นถือว่าทำได้ออกมา ดีพอควร ไม่ว่าจะเป็น การ เสียสละของพี่ที่ยอมเป็นเครื่องบรรณาการแทนน้องที่ถูกเลือก ทำให้เห็นว่าความรักนั้นขจัดเสียซึ่งความกลัว ทำให้เกิดความกล้าหาญและยอมที่จะสละชีวิตตัวเองแทน
ความคุ้มค่า
8/10
ทิ้งท้ายไว้นิดหน่อย
เคยมีคนกล่าวไว้ว่า "อยากไปเร็ว ไปคนเดียว.... แต่ถ้าอยากไปให้ไกล เราต้องไปด้วยกัน" หนังเรื่องนี้ มีมุมมองให้เราชวนคิดในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเสียสละ ความรัก ความกล้าหาญ มิตรภาพ การทำงานเป็นทีม การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทีมที่มีแต่คนเก่งมารวมตัวกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะประสบความสำเร็จแต่การที่เราสำเร็จได้ คือการที่เราทำร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน ทำกันเป็นทีมและมิตรภาพที่มีให้กัน นั่นจึงทำให้เราสำเร็จไปด้วยกัน
แล้วเจอกันใหม่กับภาพยนตร์ในเรื่องต่อไปว่า "นัวฟิล์ม" จะนำภาพยนตร์เรื่องไหนมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังกันอีก จะเป็นเรื่องอะไรอย่าลืมติดตามกันนะ ....