ข่าว > ข่าวสัพเพเหระทั้งหมด > Webmaster Talk

เกร็ดหนังดี 25 เรื่องที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้เกี่ยวกับ James Bond

3 พ.ย. 2558 10:59 น. | เปิดอ่าน 1560 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่หลายคนรอคอยการเข้าฉายของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ไม่ดูไม่ได้แล้วกับภาพยนตร์เรื่อง “SPECTRE องค์กรลับ ดับพยัคฆ์ร้าย” เตรียมพบกับพยัคฆ์ร้ายหนุ่มที่ผู้หญิงทั่วโลกหลงเสน่ห์ “เจมส์ บอนด์” รับบทโดย “แดเนี่ยล เคร็ก” กับตอนที่ 24 ของหนังชุด เจมส์ บอนด์  แต่ก่อนที่จะไปชมภาพยนตร์ Spectre  ที่จะเข้าฉาย 5 พ.ย.นี้ มาทราบเกร็ดหนังดี เกร็ดเล็กๆ น้อย ตั้งแต่เรื่องอาหารและเครื่องดื่ม ไปจนถึงเรื่องเซ็กและความตาย สิ่งเหล่านี้แหละคือ James Bond (เจมส์ บอนด์)


เพียร์ซ บรอสแนน รับบทเป็น เจมส์ บอนด์ ใน  Die Another Day (2002) 

1. เขย่าไม่ต้องคน
"Shaken,not stirred เขย่าไม่ต้องคน" วลีสุดฮิตติดปากชาวค็อกเทล  ในหนังสือ Casino Royale ของ Ian Fleming นั้น Bond ชอบดื่ม Vesper Martini ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่มีผสมระหว่าง Gin, Vodka และไวน์ Lillet Blanc แต่เมื่อนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Dr. No ซึ่งเป็นหนัง James Bond เรื่องแรกSmirnoff ได้กลายมาเป็น Vodka ที่นำมาใช้ผสมในเครื่องดื่มของ Bond แล้วตัดส่วนผสมของ Gin ออกไปเพื่อโปรโมทแบรนด์ซึ่งนั่นมันส่งผลให้วัฒนธรรมการดื่มของ Bond เปลี่ยนไปตลอดกาล

 

2. นักวิทยาศาสตร์ Bond 
ตามเรื่องที่เล่าขานกันมา Bond เคยเข้าเรียนที่วิทยาลัยอีตันก่อนที่จะย้ายมาเรียนต่อที่ Fettes College ในกรุงเอดินเบิร์ก ซึ่งมันเป็นที่ที่ Ian Fleming และ Tony Blair เคยเรียน ซึ่งมันก็ฟังดูไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่เพราะครั้งหนึ่ง Sean Connery เคยเป็นคนส่งนมในโรงเรียนนั้น

 

3. ดีที่สุดสำหรับ Bond
สิ่งที่ดีที่สุดจากความสูญเสียก็คือ เขาได้เป็นลูกครึ่งสก็อตแลนด์-สวิตเซอร์แลนด์ ในนวนิยายครอบครัวของ James Bond ทั้ง Andrew Bond และ Monique Delacroix-Bond พ่อและแม่ของเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุระหว่างไปปีนเขาที่เทือกเขาแอลป์ในฝรั่งเศสทำให้เขาต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุ 11 ปี แล้วหลังจากนั้นเขาก็ย้ายไปอยู่กับป้าของเขาที่หมู่บ้านเล็กๆในเมือง Pett Bottom ที่อยู่ใกล้ๆกับเมืองเคนต์ ซึ่งบางทีมันอาจจะอธิบายถึงทัศนคติของเขาที่มีต่อผู้หญิงก็ได้

 

4. จุดเริ่มต้นของ Bond
ตัวเลข 007 ที่อยู่ท้ายชื่อของเจมส์ บอนด์ หมายถึงรหัสลับประจำตัวที่ใช้เรียกแทนตัวเขาในฐานะของสายลับคนหนึ่ง โดยเลข 00 ที่นำหน้าเลข 7 อยู่นั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ที่แจ้งให้ทราบว่า ตัวเขาเป็นสายลับที่ได้รับอนุญาตให้สามารถสังหารชีวิตผู้อื่นได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งในประเด็นนี้ ได้มีนักวิเคราะห์บางคนแสดงทัศนะว่า Ian Fleming  น่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากสายลับชาวอังกฤษผู้หนึ่งในช่วงศตวรรษที่ 16 ที่ได้ส่งสารลับมาถึงสมเด็จพระบรมราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 ด้วยรหัส 00 ซึ่งมีความหมายว่า "สำหรับพระเนตรของพระองค์เท่านั้น"

 


เพียร์ซ บรอสแนน  รับบทเป็น เจมส์ บอนด์  ตั้งแต่ปี 1995-2002

 

5. ชุดทักซิโด้
ทีมโปรดิวเซอร์จาก EON ต้องใช้เวลานานมากกว่าจะได้ Pierce Brosnan มารับบทเป็น James Bond คนที่ 5 เพราะตัวละครตัวนี้มันเป็นบทบาทที่ยิ่งใหญ่กว่าบทไหนๆที่เขาเคยได้รับมา เมื่อเขาตกลงเซ็นต์สัญญากับ GoldenEye เขาก็ได้รับแจ้งว่าถึงแม้เขาจะมีอิสระในการรับเล่นบทอื่นๆ แต่เขาก็ไม่สามารถสวมชุดทักซิโด้ไปปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่องอื่นๆนอกจากภาพยนตร์ของ Bond ได้ในระหว่างที่เขายังคงเป็น James Bond 

 

6.พิมพ์เขียวของ Bond 
Peter พี่ชายสุดที่รักของ Ian Fleming เป็นหนึ่งในบรรดาแรงบันดาลใจหลายๆอย่างสำหรับตัวละคร James Bond เขาเป็นนักเขียนที่ออกเดินทางไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆและเป็นนักสำรวจด้วย เขาเป็น Bond อีกคน ทั้งบุคลิกภาพรูปแบบการคิดถูกนำมาใส่ไว้ใน DNA ของ 007 เจ้าหน้าที่หน่วยราชการลับของอังกฤษและสายลับ MI6 ประจำสำนักงานในกรุงปารีส ซึ่งมีมาก่อนหน้านี้แล้ว 6 คน พวกเราโชคดีมากที่สายลับที่ยอดเยี่ยมที่สุดของอังกฤษไม่ได้ถูกนำเสนอออกมาแบบเดียวกับ “Dunderdale… Wilfred “Biffy” Dunderdale” 

 


ฌอน คอนเนอรี รับบทเป็น เจมส์ บอนด์  ตั้งแต่ ปี 1962- 1967 และในปี 1971

7. ชื่อ.. Bond
เมื่อตอนที่กำลังตั้งชื่อให้กับสายลับคนนี้ Ian Fleming ต้องการจะให้มันเป็นชื่อที่เรียบๆ สงบเสงี่ยม ตั้งใจจะทำให้เขาเป็นคนที่ทึ่มสุดๆ แล้วก็ไม่น่าสนใจเพื่อให้คนสนใจกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น แล้ว Fleming ก็ไปเจอหนังสือเกี่ยวกับนก Birds Of The West Indies ที่เขียนโดย James Bond มันทำให้เขาคิดว่า “โอ้พระเจ้า.. มันเป็นชื่อที่ทึ่มที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา”เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคยเห็นการเคลื่อนไหวของ Nigel Bond ตอนเล่นสนุกเกอร์แน่ๆ

 

8. เนื้อของ Bond
มันต้องไม่สุกมากเวลาดูการกินของ Bond มันก็เหมือนกับดูการใช้ชีวิตใน 24 ชม.ของ Jack Bauer ซึ่ง Ian Fleming ใส่รายละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมการกินของ 007 ลงไปในหนังสือของเขามากมาย บรรดาอาหารโปรดของ Bond เมื่ออยู่นอกหน้าที่มีทั้งเนื้อย่าง, Oeufs en Cocotte (ไข่และครีมอบ) และเนื้อย่างแบบเย็นกับสลัดมะเขือเทศ

 

 


Barry Nelson ที่รับบทเป็น Jimmy Bond ในซีรี่ย์ Casino Royale เมื่อปี 1954
 

9 .พบกับ Jimmy Bond 
Sean Connery ไม่ใช่นักแสดงคนแรกที่มารับบท James Bond นักแสดงคนแรกที่ได้มาสวมบทบาท James Bond ก็คือนักแสดงชาวอเมริกัน Barry Nelson ที่รับบทเป็น Jimmy Bond ในซีรี่ย์ Casino Royale เมื่อปี 1954 

 

10. สำหรับคุณโดยเฉพาะ
มันน่าจะเป็นไปได้ว่า James Bond ที่พวกเรารู้จักและหลงรักเป็นหนี้บุญคุณตัวละค  Michael McBride  ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเพราะโปรดิวเซอร์Albert R. Broccoli ตัดสินใจเลือก Sean Connery มารับบท James Bond ใน Dr. No หลังจากที่ได้ชมผลงานของเขาในภาพยนตร์เรื่อง Darby O’Gill And The Little People (1959)คุณคิดว่ามันประหลาดมั้ยล่ะ? George Lazenby ก็ได้งานหลังจากที่เขาไปปรากฏตัวอยู่บนโฆษณา Chocolate Cream ของ Fry เหมือนกัน

 


โรเจอร์ มัวร์  รับบทเป็น  รับบทเป็น เจมส์ บอนด์  ตั้งแต่ปี 1973- 1985

11. เรื่องเซ็กระดับเทพ
มีชีวิตชีวาและปราศจากความผิดพลาด Bond ลองมาแล้วทุกที่ไม่ว่าจะเป็นบนรถไฟ บนเครื่องบิน ในป่า คอกม้า เครื่องยนต์สำหรับขับขี่บนภูเขาน้ำแข็ง (ที่กลางแจ้ง) โรงพยาบาล เรือดำน้ำ เรือบดเล็ก และกระสวยอวกาศ ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตามมันก็ทำให้ James Bond สำเร็จความใคร่ได้ทั้งนั้น

 

12. พลทหาร
แม้ว่าในภาพยนตร์ยังไม่เคยโชว์ให้เห็นรายละเอียดเกี่ยวกับยศทหารของเขาอย่างชัดเจน ซึ่งจริงๆแล้ว James Bond เคยเป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือ (เคยอ้างอิงใน A View To A Kill และ GoldenEye) ก่อนที่เขาจะมาทำงานในหน่วยราชการลับของอังกฤษ เมื่อ Bond โกหกว่าเขาตายไปแล้วใน You Only Live Twice งานศพของเขาก็จัดขึ้นที่ทะเลเหมือนทหารเรือทั่วๆไป

 

13. ผู้หญิงของ Bond 
ตอนนี้ James Bond เข้ามาโลดแล่นอยู่บนจอยักษ์กว่า 50 ปีแล้ว ประวัติเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงของเขามันน่าสนใจมาก นับตั้งแต่ในภาพยนตร์เรื่อง Dr. No เมื่อปี 1962 เขามีเพศสัมพันธ์มาแล้วถึง 52 ครั้ง แถมสาวที่เขามีเพศสัมพันธ์ด้วยแต่ละคนก็ไม่ธรรมดาเลย สามในสี่ของผู้หญิงที่เขานอนด้วยพยายามจะฆ่าเขา

 

14. สายลับรหัส 00 คนอื่นๆ
พวกเราทุกคนต่างรู้กันดีว่ารหัสของ Bond นั้นคือ 007 แต่ที่น่าสงสัยก็คือแล้วสายลับ 00.. คนอื่นๆล่ะ? บางคนเคยถูกกล่าวถึงในหนังมาแล้ว อย่าง 002 ถูกฆ่าโดย The Man With The Golden Gun ส่วน 003 ก็ตายในฉากเปิดตัวของ A View To A Kill ด้าน 004 ก็ถูกทำลายไปใน The Living Daylights และ 006 ก็คือ Sean Bean ในขณะที่คนอื่นๆอย่าง 001 ยังคงเป็นความลับจนถึงตอนนี้ ส่วน 009 ก็ถูกฆ่าตายในขณะสวมชุดตัวตลกใน Octopussy

 

15. สายลับนักฆ่า
ในบรรดาหนังทั้ง 22 เรื่องของเขาที่เป็นที่ยอมรับ (ไม่นับ Never Say Never Again กับ Casino Royale เมื่อปี 1967) Bond ฆ่าคนไปถึง 352 ชีวิต Pierce Brosnan คือคนที่อันตรายที่สุด เขาฆ่าคนไปถึง 47 คนโดยลำพังใน GoldenEye ในขณะที่ Sean Connery นั้นเป็นนักรักสงบผู้ยิ่งใหญ่ เขาฆ่าไปเพียง 4 คนใน Dr. No ส่วน Roger Moore ฆ่าคนไปเพียงคนเดียวใน The Man With The Golden Gun ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์การฆ่าที่น้อยที่สุดในหนัง Bon

 

16. คติประจำครอบครัวของ Bond 
หนัง Bond ส่วนใหญ่ตั้งชื่อมาจากนวนิยายต้นฉบับของ Ian Fleming หรือรายละเอียดอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับชีวิตส่วนตัวของ Fleming (เช่น GoldenEye เคยเป็นชื่อบ้านพักตากอากาศของเขาที่ Jamaica) แต่คุณอาจจะประหลาดใจว่าชื่อ The World Is Not Enough นั้นมาจากไหน จริงๆมันมาจากคติประจำครอบครัวของ Bond ที่ว่า “Orbit Non Sufficit”

 

17. เกมส์สุดโปรดของ Bond
ถ้าคุณได้ดู Daniel Craig ใน Casino Royale คุณอาจจะคิดไปว่ามันคือโป๊กเกอร์ หรือไพ่เท็กซัส แต่คุณผิดแล้วล่ะ เกมส์การ์ด James เอาไว้เล่นฆ่าเวลาเท่านั้น จริงๆแล้วเกมส์โปรดของเขาก็คือ บาคาร่า Sean Connery เคยเล่นมันใน Dr. No และ Pierce Brosnan ก็เคยเล่นมันใน GoldenEye 

 

18. ถิ่นฐานของ Bond
เขาเคยพักอยู่ในโรงแรมสุดหรูในเมืองที่เจ๋งสุดๆเมืองหนึ่งของโลก แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆแล้วถิ่นฐานที่แท้จริงของเขาอยู่ที่ไหน? แม้ว่าจะยังไม่ได้รับการยืนยันแต่ Skyfall เป็นชื่อที่ได้มาจากชื่อบ้านของบรรพบุรุษของ Bond ใน Scotland ที่ชื่อ Skyfall Lodge 


 

19. Bond ที่ไม่ใช่ Bond
ในตำนานของ Bond มันไม่มีอะไรโดดเด่นไปกว่าการเปิดตัวด้วยฉากยิงปืนอย่างต่อเนื่องอีกแล้ว แต่คุณรู้มั้ยว่าชายที่หมุนตัวลั่นไกปืนคนนั้นในหนัง Bond สามภาคแรกไม่ใช่ Sean Connery เขาคนนั้นคือ Bob Simmons สตั้นแมนผู้ที่ดีไซเนอร์ Maurice Binder นำมาแปลงโฉมเป็นเงาของ Connery เมื่อเขาไม่พร้อม เรื่องจริงที่น่าขำของ Bob Simmons ก็คือเขาเป็นคนบุกเบิกการใช้เตียงผ้าใบเพื่อกระโดดหนีออกจากระเบิด  

 

20. ภาพลักษณ์ของ Bond
เคยสงสัยมั้ยว่า Fleming วางแผนจะให้ภาพลักษณ์ของ Bond ออกมาเป็นยังไง อาจเป็นไปได้ว่าเขาตั้งใจจะให้ Bond ออกมาคล้ายๆกับ Hoagy Carmichael นักร้องนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน เว้นแต่ความปากร้ายกับสายตาที่เย็นชา ส่วนรายละเอียดทางกายภาพอื่นๆก็มีทั้งรอยแผลเป็นขนาด 3 นิ้วบนแก้มของเขาและรอยแผลเป็นตัวอักษรซีริลลิกภาษารัสเซียที่ทำขึ้นโดยหน่วย SMERSH บนมือของเขาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ยืนยันว่าเขาคือสายลับ 

 


แดเนียล เคร็ก รับบทเป็น เจมส์ บอนด์ ตั้งแต่ ปี 2006- ปัจจุบัน

21. มีผมวันนี้แล้วพอพรุ่งนี้มันก็หายไป
พวกเราคงจะจำได้ถึงกระแสต่อต้านที่จะให้นักแสดงผมทองอย่าง Daniel Craig มารับบทเป็น Bond เมื่อปี 2005 แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือความจริงที่ว่า Sean Connery ใส่วิกผมระหว่างที่รับบทเป็นสายลับ 007 แล้วคุณรู้มั้ย Roger Moore ที่รับบทเป็น Bond ใน A View To A Kill เมื่อปี 1985 ก็ต้องทำผมให้ดูหนาขึ้นอย่างมืออาชีพก่อนที่จะถ่ายทำ

 

22. ลูกของ James Bond 
มันไม่ใช่การ์ตูนเรื่องสั้นนะ  James Bond เคยมีลูกมาแล้วจริงๆ อย่างน้อยก็ในเรื่อง You Only Live Twice ของ Ian Fleming นอกจากนี้เขายังเคยทำให้ Kissy Suzuki ท้องก่อนที่ทั้งคู่จะเลิกรากันไป เมื่อปี 1997 เรื่องสั้นของ Bond ที่ชื่อ Blast From The Past ถูกตีพิมพ์ลงใน Playboy ซึ่งในเรื่องนั้นลูกชายที่โตแล้วของ Bond ได้ติดต่อเขามาจากนิวยอร์ก แต่ก็ถูกฆาตกรรมไปซะก่อนที่เขาจะได้ทำหน้าที่พ่อ

 

23. เหล่านักแสดงที่พลาดโอกาสจะได้มาสวมบท James Bond
มีชายหนุ่มเพียง 6 คนเท่านั้นที่โชคดีได้มีโอกาสมาสวมบท James Bond บนจอยักษ์ แต่ก็มีนักแสดงอีกหลายคนที่ฝันอยากจะมาสวมบทบาทนี้ หลายๆคนถูกปลุกให้ตื่นจากความฝันเมื่อพวกเขาถูกปฏิเสธที่จะได้รับเลือกมาเป็นสายลับ 007 นักแสดงชายที่เกือบได้มารับบท Bond ก็มีทั้ง Eric Bana, Hugh Jackman, James Purefoy, Julian McMahon, Gerard Butler, Sam Neill, Clint Eastwood รวมถึง Dougray Scott ผู้ที่ต้องพลาดบท Wolverine ก่อนที่ X-Men จะเริ่มถ่ายทำด้วย

 

24. ชื่อ Seagal มาจาก Steven Seagal
Bond ได้เรียนรู้จากคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด คนที่สอนศิลปะป้องกันตัวให้กับ Sean Connery ในเรื่อง Never Say Never Again นั้นไม่ใช่ใครที่ไหนเขาก็คือ Steven Seagal ผู้ที่ทำให้ข้อมือของ Connery หักในระหว่างฝึกซ้อมนั่นเอง มีข่าวลือที่ไม่ได้รับการยืนยันว่า Seagal ตะโกนว่า “ใครก็ได้ไปส่งคุณที ใครก็ได้ไปส่งที” มันน่าเศร้าจริงๆ 

 

25. เลิกทำตัวเป็นเด็กๆซะที
การใช้เทคนิคต่างๆเข้ามาช่วยแม้ว่าตัวละครจะเป็นไปตามวัยของพวกเขานานหลายปีทั้ง Connery จนถึง Moore (1962-1985) มันทำให้ Bond ไม่ได้ดูแก่ขึ้นเลยจริงๆ น่าเสียดายที่บรรดานักแสดงที่มารับบท Bond ทำแบบนั้น Connery มีอายุ 53 ปีตอนที่ถ่าย Never Say Never Again  ในขณะที่ Roger Moore มีอายุ 57 ปี ตอนที่ถ่าย A View To A Kill ที่ต้องมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เด็กกว่าเขาเกือบ 30 ปี ส่วน Daniel Craig เป็น Bond คนแรกที่เด็กกว่าในซีรี่ย์ต้นฉบับ

 

แถมอีกข้อ
ภาพยนตร์ชุดเจมส์ บอนด์ เคยเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย 2 ครั้ง ตอน The Man with the Golden Gun (1974) ที่ เกาะพีพีเลและเกาะตะปูในจังหวัดพังงา ซึ่งหลังจากที่ภาพยนตร์ชุดนี้ออกฉาย ทำให้สถานที่แห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง จนมักเรียกว่า "เกาะเจมส์ บอนด์" (James Bond Island) และครั้งต่อมา คือ ตอน Tomorrow Never Dies (1997) ถ่ายทำที่ตึกสินสาธร ย่านธนบุรี ฉากแอคชันที่บอนด์กับนางเอกต้องกระโดดลงมาจากยอดตึก นักแสดงแทนตัวเอกฝ่ายหญิงนั้น เป็นนักศึกษาสาวชาวไทยเอง


ที่มา wikipedia , ign.com  
ที่มาภาพ facebook.com/JamesBond007

: James Bond 007, Spectre, 007

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • แดเนียล เคร็ก เผยเหตุผลพร้อมส่งต่อรหัส 007 เพื่อนแฟรนไชส์หนังและเพื่อตัวเอง
  • เพียร์ซ บรอสแนน ไม่สนใจใครจะเป็น James Bond คนถัดไป
  • อนา เดอ อาร์มาส คิดว่าไม่จำเป็นต้องมี เจมส์ บอนด์ ฉบับผู้หญิง
  • แดเนียล คาลูย่า อยากเป็นตัวร้ายมากกว่า เจมส์ บอนด์
  • โปรดิวเซอร์บาร์บาร่า บรอคโคลี ลั่น! หนังสายลับ เจมส์ บอนด์ รหัส 007 ยังไม่เปิดกล้องถ่ายทำภายในสองปีนี้
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :