บาร์นี่ย์ เฉิง แจ้งเกิดในฮอลลีวู้ดในฐานะนักแสดง เมื่อเขาได้รับบทสมทบในหนังของผู้กำกับวู้ดดี้ อัลเลนเรื่อง Hollywood Ending ในปี 2002 นสพ.นิวยอร์กไทม์ส บรรยายความสามารถในการเล่นบทตลกของเขาว่า "วางจังหวะได้คมและนิ่ง" ส่วน นสพ.ดิออเรนจ์เคานตี้รีจิสเตอร์ ก็กล่าวชมบาร์นี่ย์ว่า "ขโมยทุกซีนจากทุกคนที่เขาออกมา" ซึ่งในการเล่นหนังเรื่องนี้ บาร์นี่ย์ เฉิงได้เดินทางไปร่วมงานปฐมทัศน์ร่วมกับวู้ดดี้ อัลเลนที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ครั้งที่ 55 ด้วย จากนั้นเป็นต้นมา บาร์นี่ย์ เฉิง ก็ได้รับบทสมทบในหนังอีกหลายเรื่อง อาทิ Stay Until Tomorrow, Capers และได้ร่วมแสดงกับทอม ครูสใน Mission: Impossible 3
นอกเหนือจากงานแสดง บาร์นี่ย์ เฉิง ยังมีความสามารถในการกำกับ เขียนบท และเป็นผู้คุมงานสร้าง หนังสั้นของเขาหลายเรื่องได้รับรางวัลและออกฉายในเทศกาลหนังทั่วโลก บาร์นี่ย์ เฉิง ได้มีโอกาสร่วมงาน กับ สีลี่กง โปรดิวเซอร์เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Crouching Tiger, Hidden Dragon (และเคยโปรดิวซ์ให้กับหนังอื่นๆ ของอังลีอย่าง The Wedding Banquet และ Eat Drink Man Woman) ทำให้เฉิงได้มีโอกาสทำหนังยาวเรื่องแรกของเขา Baby Steps โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างนายทุนจากอเมริกา จีน และไต้หวัน Baby Steps ได้รางวัล All Access จากสถาบันภาพยนตร์ไทรเบก้า (ด้วยการให้เงินสนับสนุนในฐานะที่หนังได้หยิบยกเรื่องราวของคนกลุ่มที่มักไม่ค่อยถูกนำเสนอบนจอภาพยนตร์มาทำเป็นหนัง)
นสพ.ซานฟรานซิสโกครอนิเคิ้ล กล่าวชม Baby Steps ว่าเป็นหนังที่สร้างอารมณ์ร่วมได้ดีและมีช่วงเวลาที่ซาบซึ้ง ในขณะเดียวกัน สถานทูตสหรัฐอเมริกาในจีน ก็เป็นเจ้าภาพในการจัดฉายหนังเรื่องนี้เป็นครั้งแรกในจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ หนังยังได้ฉายในงานของสถานกงศุลสหรัฐฯ ในเซี่ยงไฮ้, กวางโจว, เฉิงตู รวมไปถึงที่มองโกเลีย ขณะนี้บาร์นี่ย์ เฉิง ได้เข้าร่วมงานกับ NBC Universal ในฐานะคนทำหนังที่ผ่านเข้ารอบการอบอรมงานกำกับ ซึ่งจัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีและยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ
ประวัติโดยย่นย่อของเขา บาร์นี่ย์ เฉิง เกิดที่ไทเป ไต้หวัน และย้ายตามครอบครัวมาตั้งรกรากที่สหรัฐอเมริกาตอนอายุ 12 ปี ใช้ชีวิตและเติบโตในแคลิฟอร์เนีย เขาเรียนจบรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ก่อนจะไปเรียนต่อด้านปรัชญาการเมืองที่อ๊อกซฟอร์ด ซึ่งตอนที่อยู่ในอังกฤษนั่นเอง ทำให้เขาหลงใหลละครเวทีเวสต์เอนด์ เขาจึงตัดสินใจย้ายไปอยู่นิวยอร์ก เพื่อสมัครเข้าเรียนสถาบันการแสดงของ ลี สตราสเบิร์ก (สถาบันการแสดงชื่อดัง) ก่อนจะได้เล่นละครนอกบรอด์เวย์หลายเรื่อง และเข้าสู่วงการโทรทัศน์และภาพยนตร์ในที่สุด ทุกวันนี้เฉิง อาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย นอกจากการทำหนังแล้ว ทุกๆ วันศุกร์ เขายังเป็นอาสาสมัครทำงานการกุศลเพื่อสงเคราะห์ผู้ยากไร้
หนังเรื่อง Baby Steps มีที่มาที่ไปอย่างไร
มันเป็นเรื่องค่อนข้างส่วนตัวครับ เพราะหนังอิงมาจากความสัมพันธ์ระหว่างตัวผมและแม่ เมื่อตอนที่ผมบอกแม่ว่าผมเป็นเกย์ เรื่องมันนานมาแล้ว ตอนนั้นระหว่างเราเต็มไปด้วยความขัดแย้งมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการมีครอบครัว
คุณใช้เวลาเขียนบทนานไหม
ผมเขียนบทร่างแรกเสร็จในเวลา 2 สัปดาห์เท่านั้นเอง เพราะทุกอย่างมันไหลออกมาจากประสบการณ์ตรง ผมเขียนเมื่อสัก 5-6 ปีก่อนนะ ตอนนั้นผมก็ยังไม่รู้ว่ามันจะได้สร้างเป็นหนังหรือเปล่า จนกระทั่งผมได้การสนับสนุนจากสถาบันภาพยนตร์ไทรเบก้าและ สีลี่กง คนที่เคยเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับหนังยุคแรกๆ ของอังลี จากบทหนังร่างแรก ผมก็แก้บทมาเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่ามันเป็นวิธีที่ถูกต้องหรือเปล่า แต่ผมแก้บทตลอดเวลา แม้แต่ตอนถ่ายทำ หรือตอนตัดต่อ ผมแก้ให้มันลงตัวจนถึงนาทีสุดท้าย
ประเด็นหลักในเรื่อง Baby Steps คืออะไร
เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแม่ชาวจีนหัวโบราณ กับลูกชายหัวสมัยใหม่ซึ่งเป็นเกย์ การปะทะกันของสองวัฒนธรรม แต่นอกเหนือจากเรื่องการยอมรับจากครอบครัว มันยังเป็นเรื่องการสร้างครอบครัวใหม่ด้วยเรื่องการรับเลี้ยงเด็ก ชายรักชายที่อยากสร้างครอบครัว
หนังเรื่องนี้เป็นหนังยาวเรื่องแรกของคุณ คุณได้รับอิทธิพลการทำงานจากผู้กำกับคนไหนมาบ้างหรือเปล่า
ไม่มีเลยครับ ผมกำกับไปด้วยสัญชาตญาณล้วนๆ เลย มันง่ายตรงที่เรื่องราวทั้งหมดมันมาจากตัวผมเอง ผมรู้ว่าควรจะถ่ายทอดมันออกมาอย่างไร แต่ก็มีส่วนที่ยากก็คือ ผมตัดสินใจรับบทนำในหนังเอง ซึ่งมันยากมากที่คุณต้องแสดงต่อหน้ากล้อง แล้วคุณก็ต้องสั่งคัทด้วยตัวเอง แล้วก็ต้องวิ่งมาเชคมอนิเตอร์หลังเล่นเสร็จแต่ละซีน
คุณจำหนังเกย์เรื่องแรกที่ดูได้ไหม
ผมจำไม่ได้ครับ ยังเด็กเกินที่จะจำ แต่ The Wedding Banquet ของอังลี เป็นหนึ่งในบรรดาเรื่องแรกๆ ที่ได้ดูตอนนั้นคุณคิดไหมว่า ตัวเองจะกลายมาเป็นผู้สนับสนุนเรื่องสิทธิคนรักเพศเดียวกัน แถมยังได้มาทำหนังเกย์อีกนึกไม่ถึงเลยครับ เรามากันไกลมากอย่างน่าตื่นเต้น ทุกวันนี้คนรณรงค์สิทธิในการแต่งงานกับเพศเดียวกัน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว
เป้าหมายสำคัญในการทำหนังเรื่องนี้ของคุณคืออะไร
เอาเป็นว่า ผมจะบอกเป้าหมายในการทำงานของผมแทนก็แล้วกัน ในการทำงานผมต้องรับผิดชอบ 3 อย่าง
อย่างแรก ในฐานะศิลปิน คุณจะต้องทำให้งานศิลปะของคุณ เป็นงานที่ดี นั่นถือเป็นความรับผิดชอบ อย่างที่สอง คุณต้องทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้นกว่าเดิม สำหรับหนังเรื่องนี้ ผมอยากให้คนดูได้ดูและเกิดแรงบันดาลใจในการยอมรับความรักของเพศเดียวกัน อย่างที่สาม ผมต้องรับผิดชอบต่อนายทุน ผมหวังว่าอย่างน้อยๆ หนังควรจะได้เงินกลับมาบ้าง