สราวุธ อินทรพรหม ผู้กำกับ Father & Son
ที่มาของภาพยนตร์เรื่องนี้
สืบเนื่องจาก ในปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังมีการเรียกร้องสิทธิทางกฎหมายหลายข้อ เพื่อชาวเพศที่สาม อาทิเช่น กฎหมายการแต่งงาน กฎหมายการเลี้ยงดูบุตร จึงเกิดไอเดียในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตครอบครัวของชาวเกย์ ว่ามีแนวโน้มเจอปัญหาอะไรได้บ้าง ก็เพื่อให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเครื่องเตือนใจ เพื่อให้ชาวเกย์สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
เรื่องราวที่ต้องการนำเสนอ และต้องการตีแผ่ให้กับคนดู
ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตคู่ของชาวเกย์ โดยเน้นไปที่การเลี้ยงดูบุตรที่เกิดจากการอุ้มบุญ เมื่อเด็กต้องเติบโตมาในครอบครัวที่มีพ่อแม่เป็นผู้ชายทั้งคู่ เด็กจะมีแนวโน้มเจอปัญหาอะไรได้บ้าง โดยเฉพาะเด็กที่อาศัยอยู่ในสังคมไทย ซึ่งเป็นสังคมที่สนใจเรื่องส่วนตัวของคนอื่นมากเกินไป ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ชาวเกย์ที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ สามารถเตรียมรับมือกับปัญหาที่อาจเจอในภายภาคหน้าได้ โดยเฉพาะเมื่อกฎหมายการแต่งงานและเลี้ยงดูบุตร ได้รับการอนุมัติออกมาแล้วจริงๆ
มีความคิดเห็นยังไงที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ “เรท 20”
เป็นเรื่องที่ดีงาม ที่กระทรวงวัฒนธรรมให้ภาพยนตร์เรื่องได้ฉาย โดยไม่มีการตัดทอนใดๆ และไม่ออกคำสั่งห้ามฉาย แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องจะมีฉากที่พูดถึงเรื่องเพศอย่างสมจริงมากมายหลายฉาก แสดงให้เห็นว่า ทางกระทรวงเข้าใจถึงความเป็นศิลปะ บริบทของภาพยนตร์ เข้าใจเหตุผลของภาพยนตร์ ไม่ได้ปิดกั้นการนำเสนอสื่ออย่างที่หลายคนเข้าใจ ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ที่วงการภาพยนตร์ไทยสามารถก้าวข้ามไปสู่ระดับสากลได้สำเร็จ โดยมีหนังเรื่องนี้เป็นใบเบิกทาง
ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้
คือการนำเสนอชีวิตของชาวเกย์ได้อย่างเข้มข้นและสมจริงที่สุด เท่าที่เคยมีการสร้างภาพยนตร์แนวนี้ในประเทศไทย โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับเรื่องเพศ จนทำให้ภาพยนตร์ได้เรท ฉ.20 (ต่ำกว่า 20 ปีห้ามดูเด็ดขาด) รวมไปถึงการเปิดประเด็นใหม่ๆเกี่ยวกับเกย์ ซึ่งก็คือประเด็นเรื่องการเลี้ยงดูบุตร ความรักความเสียสละ ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ของสังคมไทย
นักแสดงที่เลือกมารับบทในครั้งนี้ แต่ละคนมีความเหมาะสมกับบทที่ได้รับอย่างไรบ้าง
เริ่มที่ “แบงค์ ธนาพล ประสงค์ทรัพย์” รับบทพ่อ หรือ เอก ด้วยวัยที่ใกล้เคียงกับตัวละครในภาพยนตร์ และตัวจริงของแบงค์เอง ก็มีคนรักที่คบหากันมานานแล้ว โดยอยู่กันเป็นครอบครัวจริงๆ และเป็นคนรักเด็ก จึงสามารถถ่ายทอดความรักที่มีต่อคนในครอบครัวได้อย่างสมจริง
ส่วน “เฟรชชี่ ตวงภพ ตัญเจริญ” รับบท หนึ่ง ที่เป็นลูกชาย มีบุคลิกและคาแรกเตอร์ แบบเด็กวัยรุ่นเลือดร้อน ตรงตามวัย ซึ่งสามารถสะท้อนความเป็นเด็กมีปัญหาได้ทั้งจากสีหน้าแววตา นอกจากนี้ ยังมีความกล้าในการแสดงบทที่แรง ซึ่งมีนักแสดงวัยรุ่นไม่กี่คนในไทย ที่ทุ่มเทกับการแสดงได้มากแบบนี้
อีก 3 คน ได้แก่ “เธโอ ชิระ จีระกุลชาญ” “เอมีน สิริตา” และ “กานต์ กุลานุพงศ์” สามคนนี้เป็นกลุ่มนักแสดงสมทบในเรื่อง ซึ่งมีบุคลิกและคาแรกเตอร์ตรงตามบทอยู่แล้ว ทำให้คนดูเชื่อว่าเขาคือตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้จริงๆ นอกจากนี้ยังมีรูปร่างหน้าตาดูดี เป็นที่ดึงดูดผู้ชม
ฉากที่น่าสนใจ เล่ารายละเอียดฉากและความน่าสนใจ
ฉากการปะทะคารมระหว่างพ่อลูกทุกฉาก แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยระหว่าง ลูกที่ต้องการหนีไปอยู่ที่อื่น กับพ่อที่พยายามทำความดีทุกอย่าง เพื่อให้ลูกอยู่อย่างมีความสุข สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงของสถาบันครอบครัวในโลกแห่งความจริง
ฝากติดตามภาพยนตร์
อยากให้ติดตามชมกัน เข้าฉาย 12 พฤศจิกายนนี้ โดยเข้าฉายเพียง เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ รัชดาภิเษก กับ SFW ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ ฝากผลงานล่าสุดนี้ด้วยนะครับ