"โจ หัวแตงโม" เป็นหนังที่ผมกลับมาทำเป็นโปรดักชั่นดีไซน์อีกครั้งหลังจากไปคลุกคลีอยู่กับวงการเพลงหลายปีว่าจะเลิกทำงานโปรดักชั่นแล้วกลับไปทำงานที่บ้าน แต่ด้วยเยื่อใยที่มีต่อหนังไทยตัดกันไม่ขาดกับเพื่อนพี่น้องรุ่นเก่าสมัยอาร์เอสฟิล์มจึงกลับมาพร้อมความหวังที่จะทำมันเป็นอาชีพเพราะผมก็รักมันด้วย
แต่ที่ต้องไปทำอย่างอื่นเพราะรายได้จากการทำหนังนั้นไม่พอที่จะเลี้ยงชีพ กลับมาเจอกับพี่เรียวที่เคยร่วมงานกันนานมากแล้ว นั่งคุยกันถึงการทำหนังที่จะพัฒนาคนรุ่นใหม่ พี่เรียวคุยกับผมเรื่องหัวแตงโมนี้ก่อนคู่กรรม ตอนนั้นแกทำคู่กรรมควบคู่ไปด้วยระหว่างรอคิวณเดชน์จึงทำเรื่องนี้รอก่อน การได้มาทำหนังสองเรื่องนี้ถึงรู้ว่า ซีจีในหนังไทยนั้นไม่ได้ก้าวหน้าไปไหนเลย เพราะเมื่อเริ่มทำเราก็สู้ต่างประเทศไม่ได้ทั้งที่เรามีคนที่เคยทำซีจีให้หนังนอกมากมาย
สุดท้ายอยู่ที่งานต่อเนื่องเมื่อคนเหล่านี้ทำงานให้หนังไทยแล้วก็ไปทำงานสายอื่นที่เกี่ยวเนื่องกันที่รายได้ดีกว่า พี่เรียวบอกว่าเราต้องเปิด และเป็นหน่วยกล้าตาย แกได้ไปทำหนังกับท่านมุ้ยเห็นงานซีจีที่เราทำได้และจะทำให้เรามีอิสระทางความคิดเพิ่ม ผมคิดว่าทางนี้น่าจะรอดยากจึงเสนอแกว่าเราทำหนังที่ถ่ายทำง่ายๆไปด้วยมั้ยเพราะทางที่พี่เรียวเลือกมันยากสำหรับทีมที่ตั้งกันมา ยากทีว่าไม่ใช่งานยากแล้วเราจะท้อกัน ยากที่ว่าคือการเลี้ยงชีพ เพราะเมื่อท้องหิวบางครั้งเราก็ไม่มีแรงไม่มีสมองทำงาน พี่เรียวว่าเค้าเบื่อการถ่ายหนังแบบนั้นแล้ว สุดท้ายเราเลือกที่จะเดินไปทางนี้ ผ่านมาสามปีหนังที่ออกมาผมคิดว่าดีและสนุก กล้าพูดว่าเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่สร้างคาแรคเตอร์ตัวแสดงที่เป็นซีจีแสดงอารมณ์ได้ดีที่สุดตั้งแต่ทำมา (คิดว่านะ ผมอาจจะไม่ได้ดูทุกเรื่อง)
แต่แน่นอนครับเราสู้หนังต่างประเทศไม่ได้แน่นอนแต่เราได้เริ่มทำในสิ่งที่ยังไม่มีใครทำในหนังไทย บางคนอาจจะต่อว่าถ้าไม่ดีจะทำไปทำไม เราได้แต่พูดว่าคนทำหนังมีความฝันครับอยากทำอยากสร้างอยากเสนอความคิดบางอย่างออกไป เราอยากเห็นบางอย่างในหนังไทยแล้วเราก็ทำไปสุดความสามารถแล้ว ถ้าสุดท้ายหนังมันแย่ก็แสดงให้เห็นว่าเรามีความสามารถกันแค่นี้จริงๆต้องยอมรับครับ องค์ประกอบของหนังอาจมีขาดๆเกินๆบ้างแต่คิดว่าไม่เลวร้ายถือเป็นหนังที่ตีตั๋วดูได้ไม่น่าจะเสียดายเงิน เราแอบฝันกันว่าจะได้ทำแนวนี้ต่อเนื่องจนพัฒนามันไปได้เรื่อย แต่พอถึงเวลานี้คงต้องลากันกับแนวทางที่พี่เรียวคิดไว้ กลุ่มคงแตกแยกไปทำมาหากินกันต่อ รอคนรุ่นใหม่ใจกล้าและมีความสามารถมากกว่าพวกเรา(ผมคิดว่าคนรุ่นใหม่เก่งกว่าครับ เพียงแต่ต้องมีหน่วยกล้าตายลุย ตอนนี้รุ่นผมคงกล้าไปเลยตายหมด) ส่วนผมยังคงทำงานหนังไทยต่อถ้ายังมีคนจ้างต่อ" - บุญชัย อภินทนาพงศ์ ผู้ออกแบบงานสร้างภ. "โจหัวแตงโม"