หลังจากที่ห่างหายจากการเล่นภาพยนตร์ไปหลายปี พระเอกฝีมือดี “กอฟ-อัครา อมาตยกุล” ก็หวนกลับมารับงานแสดงอีกครั้ง ในบทบาทใหม่ที่ไม่ซ้ำกับบทเดิม หลังจาก “บ้านขังวิญญาณ” เข้าฉายแล้วคุณอาจจะไม่ได้ชมผลงานของเขาไปอีกนาน หรืออาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีกเลยก็ว่าได้ เพราะเขากำลังจะไปเติบโตในทางเดินใหม่นั่นเอง
กอฟไม่ได้เล่นหนังมานานกี่ปีแล้ว
“ผมห่างงานวงการก็น่าจะประมาณเกือบ 2 ปี ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาพอเราเริ่มทำงานก็ไม่ได้หยุดเลย ไม่ได้พักเลย มีทั้งหนังและละครต่อเนื่องมาตลอด ผมรู้สึกว่าทำมาหลายปีแล้ว เราเลยรู้สึกว่าอยากที่จะพักบ้างแล้วอาจจะทำอะไรที่มีเวลาให้ตัวเองและชอบที่จะทำครับ”
รับเล่นหนังเรื่อง “บ้านขังวิญญาณ” เพราะอะไร
“เรารู้สึกว่าอ่านบทแล้วโอเค มันสนุกอยู่แล้วก็มันมีอะไรน่าสนใจที่ให้เราเล่นได้ครับ แล้วเรื่องราวมันก็เป็นหนังผี และเป็นเรื่องจริงด้วย จริงๆแล้วที่ผ่านมายังไม่ได้เล่นหนังผีแบบเต็มๆ เลยรู้สึกอยากลองเล่นหนังผีแบบเต็มๆดูสักเรื่อง พอเล่นแล้วคุณก็จะได้เห็นผมในแบบที่แตกต่างไปบ้างครับ ความจริงก็มีเรื่องอื่นเสนอมาเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่เป็นแอ็คชั่น บทโหดๆดุๆอะไรแบบนั้น ไม่รู้ทำไม เราอาจเล่นบทนั้นได้ดีคนก็เลยติดในบทเหล่านั้นที่เราเล่นก็ได้ แต่ผมอยากจะลองทำในสิ่งที่เราไม่คุ้นเคยด้วย พอมีบทเดิมเสนอมาเราอ่านแล้วมันไม่ใช่ก็เลยไม่รับดีกว่าครับ”
ทำไมถึงเชื่อมั่นในตัวผู้กำกับใหม่คนนี้
“ความจริงเขาเคยผ่านงานเบื้องหลังมาหลายๆเรื่อง เพราะเขาเคยทำซีจีหนังที่เราเล่นนะ เรารู้สึกว่าเขาก็โอเคนะ ฝีมือใช้ได้แล้วซีจีเขาก็เนียนด้วย อย่างน้อยคนที่ทำงานก็อยากให้งานออกดียังไงก็ต้องมีมุมมองที่ดีด้วย คือเราก็อยากได้โอกาสจากคนอื่น งั้นเราก็ต้องให้โอกาสคนอื่นด้วย ไม่ใช่ผู้กำกับใหม่มาไม่รับเล่นไม่ใช่ (เน้นเสียง) ผู้กำกับใหม่ก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะว่าบางทีอาจจะดีกว่าผู้กำกับที่ทำมาเยอะแล้วก็ได้ เพราะว่าบางทีทำมาเยอะเขาอาจจะติดกับมุมมองเดิมๆ แต่พอมาเจอผู้กำกับใหม่อาจจะได้มุมมองที่เราไม่เคยพบมาก่อน ฉะนั้นผมว่ามันเป็นอะไรที่เรียนรู้จากกันและกันได้ครับ เพราะการที่เราไปเจอใครก็แล้วแต่ มันได้เรียนรู้จากอีกคนหนี่งแล้วมันทำให้เราพัฒนาขึ้นด้วย คือถ้าบทดี โปรดักชั่นโอเคผมรับเล่นเลย ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นผู้กำกับดังและมีชื่อมาก่อน หรือโปรดักชั่นต้องใหญ่งบต้องเยอะมันไม่ใช่ครับ”
ถ้าอย่างนั้นกอฟจะดูอะไรเป็นหลักในการรับเล่นด้วย
“คือเราต้องดูที่บทว่าต้องใช่ด้วย ถ้าเรารู้สึกว่าเราอินกับบทได้ เราอินกับคาแรกเตอร์ที่เราจะไปเล่นได้ คือถ้าอ่านแล้วมันไม่อินเข้าไปเลยอันนั้นตัวกอฟไม่เอาดีกว่า แต่อันนี้เราอ่านแล้วเราอยากอ่านจนจบ แต่บางเรื่องอ่านแล้วอยากจะหยุดไปทำอะไรแล้วกลับมาอ่านใหม่ ซึ่งจริงๆบทหนังอ่านแป๊ปเดียวมันก็เสร็จแล้ว อย่างน้อยบทโอเคเราอยากรับเล่นแล้ว แต่พอได้มาเจอทีมงานทุกคนน่ารัก เรารู้สึกว่าทุกคนตั้งใจทำงานเป็นมืออาชีพมากครับ”
เรื่องนี้ต้องเป็นป๋าดันนางเอกใหม่ด้วย
“นางเอกเราก็เจอหลายคนที่ไม่เคยเล่นหนังมาก่อน อย่างขวัญข้าวก็ไม่เคยเล่นหนังมาก่อน เราก็ไปเล่นกับเขาเรื่อง “เขี้ยวอาฆาต” ก็โอเค คือเรารู้สึกว่า เราไม่ติดว่าต้องเล่นกับนางเอกใหม่ที่ไม่เคยเล่นหนัง อย่างเราเองถ้าเข้าวงการมาเรามีโอกาสได้เล่นแล้วคุณไม่เอา เราก็รู้สึกทำไมไม่ให้โอกาสเรา เราเล่นกับคนใหม่ๆความกระตือรื้อร้นเขาอาจจะสูงว่าคนที่เล่นหนังมาเยอะ บางทีคนที่เล่นมาเยอะแล้วอาจไม่กระตือรื้อร้นเท่าด้วยซ้ำ ตัวผมเองเวลาทำงานคือทำงานจะไม่ค่อยเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องชาวบ้านจะไม่สนใจ เราจะเน้นทำงานแล้วทำงานออกมาให้ดีที่สุด สำหรับแป้งโอเคเลยเขาตั้งใจทำงานมาก มีพรสวรรค์อยู่แล้ว แต่ว่าต้องจูนให้เข้ากันให้ได้เท่านั้นเอง พอจูนกันได้ปุ๊บ จับจุดกันได้แล้วเราก็ไปต่อได้เลยครับ”
ต้องรับบทเป็น "คุณพ่อ" กลัวคนจะติดภาพหรือเปล่า
“ไม่ได้กลัวนะครับ ไม่เป็นไรหรอกอายุผมขนาดนี้มีลูก 9 ขวบก็ได้(หัวเราะเขินๆ) คือวัยคนทำงานก็มีลูกเยอะแยะไป ผมว่าเดี๋ยวนี้สังคมเปิดกว้าง ไม่จำเป็นว่าเล่นบทพ่อแล้วดูแก่ไม่ใช่ เดี๋ยวนี้พ่อเด็กๆแม่สาวๆเยอะแยะไปหมดเลย เราไม่ได้ยึดติดตรงนั้นครับ”
มีฉากเลิฟซีนกับตุ๊กตา อุบลวรรณด้วย
“กับตุ๊กตาไม่ได้มีอะไรมากมาย ผู้กำกับแค่ให้คนดูรู้ว่าสองคนนี้มีอะไรกันแล้ว มันไม่ได้มากเหมือนกับเรื่อง “แม่เบี้ย” อันนั้นเลิฟซีนเป็นหนังอีโรติคดราม่าไง แต่เรื่องนี้เป็นแนวสยองขวัญ คือมันแค่ให้เห็นภาพให้คนรู้สึกได้ถึงตรงนั้นเท่านั้นเอง ผมคิดว่าคนอาจจะเดาไม่ได้ตอนจบตรงนี้แหละที่จะเซอร์ไพร์ส คือเกิดเหตุการณ์มาคนคิดว่ามันเป็นอย่างงี้อย่างงี้ตามเรื่องไป แต่คนจะคาดไม่ถึงเฮ้ยสุดท้ายแล้วมันอาจจะช็อกคนดูได้ครับ”(ยิ้ม)
มีฉากไหนที่ประทับใจมากเป็นพิเศษบ้าง
“จริงๆแล้วมันเป็นภาพความอบอุ่นในครอบครัว ระหว่างพ่อแม่ลูกกินข้าวกันในบ้านหลังใหม่ที่ซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรง แต่แล้วอยู่ๆมีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่รู้ ความรู้สึกของผมว่ามันน่าสนใจดี คือมันได้เห็นภาพของครอบครัวที่อบอุ่น เราอยากให้ทุกคนไปอยู่บ้านหลังใหม่ สร้างครอบครัวที่อบอุ่นให้กับลูก ผมว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีตรงนั้นแล้ว ในขณะเดียวกันพอใช้ชีวิตไปตามปกติมันดันเกิดเหตุการณ์ ซึ่งตอนแรกก็ไม่มีใครเชื่อ ยิ่งตัวผมจะต่อต้านตลอด ยังไงก็ไม่เชื่อ บางทีได้ยินเสียงแล้ว เจอแล้ว ได้เห็นอะไรแว๊บๆ เราก็ยังไม่เชื่อ คือเรารู้สึกว่าใช่หรือเปล่า มันไม่น่าใช่นะ ก็ค้านๆตลอดครับ”
ความรู้สึกส่วนตัวกอฟเชื่อเรื่องแบบนี้หรือเปล่า
“ทุกอย่างมันมีอยู่แล้ว มันอยู่ที่ว่าเราคิดยังไง เราคิดดีคิดไม่ดีเท่านั้นเอง คือถ้าคนคิดไม่ดีก็อาจจะคิดเป็นผีเป็นปีศาจเป็นอะไรก็ได้ แต่ถ้าคนคิดดีเห็นภาพเห็นอะไร บางทีมองอีกทีอาจจะเป็นต้นไม้ใบไม้ไหวแค่นั่นเอง คือมันอยู่ที่ความคิดของคนครับ”
หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงจะเป็นการลบหลู่มั้ย
“ทุกวันนี้ผมปฏิบัติธรรมอยู่ เราอยู่กับความเป็นจริง คืออย่างที่บอกเราทำงานก็คือทำงาน เราไม่ได้ไปลบหลู่ เราทำในส่วนที่เราทำ เราก็ทำของเราให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง คืออยู่ที่ความเชื่อผมว่านะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นงานบันเทิงดูแล้วให้ความสนุกและมันก็ตื่นเต้น คือคนชอบอะไรที่ได้ออกไปจากตัวเองชั่วขณะหนึ่ง ผมว่าตรงนี้มันเป็นความบันเทิง ฉะนั้นบางทีเราไปดูอะไรแล้ว อย่าคิดอะไรมากเกินไป มันไม่จำเป็นต้องขนาดนั้น โดยส่วนตัวผมว่าทุกอย่างมันมีในโลกนี้อยู่แล้ว แต่ว่าอย่างที่บอกมันอยู่ที่ตัวบุคคลทั้งหมดครับ”
เรื่องนี้บทค่อนข้างไกลตัวของกอฟอยุ่มาก
“เรื่องนี้ผมได้เล่นบทที่ไม่เคยเล่นอีกบทหนึ่งก็โอเคฮะ ก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจครับ บทโหดเราก็ผ่านมาหลายเรื่องนะแต่อันนี้เหมือนว่ามันต้องโหดกว่า ด้วยความที่เราถูกผีสิงแล้วเราต้องเป็นตัวผีนั้น ซึ่งผีนั้นมีความแค้นอย่างสูงมาก ฆ่าครอบครัวตัวเองได้ ฆ่าตัวเองแล้วก็สิงอยู่ในบ้านหลังนั้นแล้วก็ทำร้ายคน เป็นวิญญาณที่อาฆาตมากๆ ฉะนั้นเราเลยรู้สึกว่ามันต้องโหดกว่าๆเรื่องอื่นที่ผ่านมาด้วยซ้ำครับ”
ถ้าเจอเหตุการณ์แบบในหนังกอฟจะทำอย่างไร
“ก็ต้องมาดูที่เหตุว่ามันเกิดจากตรงไหนครับ จริงๆแล้วทุกอย่างที่เกิดเพราะว่ากรรม ใครทำอะไรไว้ยังไงมันก็ได้อย่างงั้นทั้งหมด ถ้าเราทำดีอยู่แล้วผมว่าไม่ต้องกลัวหรอก นอกจากว่าเราทำไม่ดีมา คุณก็ต้องไปดูแล้วว่าคุณทำอะไรมาบ้าง เพราะงั้นง่ายๆสิ่งไม่ดีไม่เกิดขึ้นกับคนทำดีครับ”
กอฟคิดว่าหนังเรื่องนี้จะให้อะไรกับคนดูบ้าง
“ผมว่าหนังเรื่องนี้สะท้อนสังคมได้ว่า ถ้าเราทำอะไรที่ถูกต้องก็จะได้ผลดีตอบแทน และให้เราระมัดระวังในการใช้ชีวิต ถ้าเราทำให้ชีวิตของเราให้ดีแล้วมันก็จะไม่มีปัญหาไม่มีเรื่องร้ายใดๆที่จะเกิดขึ้นกับเรา ดูหนังเรื่องนี้แล้วจะได้ข้อคิด ตรงที่สะท้อนให้เห็นความเป็นจริง และอีกอย่างหนึ่งก็คือ ครอบครัวที่รักกันบางทีมีปัญหาอะไรก็แล้วแต่ ควรพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อให้ครอบครัวอบอุ่น ลูกอบอุ่น อาจจะมีทะเลาะกันบ้าง แต่สุดท้ายแล้วเพื่อลูกก็ต้องหันหน้าเข้าหากันให้โอกาสกันครับ แต่อีกส่วนหนึ่งก็อย่างที่บอกจะได้แง่คิดไปด้วยว่า เราอย่าไปสร้างกรรมกับคนอื่น ไม่งั้นผลกรรมนั้นอาจจะตามมาหลอกหลอนคุณได้ครับ”
อยากให้กอฟฝากหนังเรื่องนี้เอาไว้ด้วย
“ผมก็อยากจะฝาก “My House บ้านขังวิญญาณ” เป็นหนังแนวสยองขวัญ ลึกลับ ตื่นเต้น น่าติดตามชม ว่าจุดหักเหของหนังเป็นยังไง แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวที่เลือกซื้อบ้านผิด เพราะฉนั้นเวลาซื้อบ้านก็ต้องเช็คประวัตินิดหนึ่งครับ(ยิ้ม) ผมอยากให้ไปดูกันเยอะๆรับรองว่าสนุกตื่นเต้นแล้วก็สยองขวัญ สุดท้ายมีลุ้นว่ามันจะพลิกไปทางไหนครับ” พระเอกมาดเข้มเจ้าบทบาทกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้