Q: อะไรที่ทำให้คุณสนใจ Pitch Perfect ภาคแรก
A: ตอนที่ฉันได้รับเลือกให้แสดงใน Pitch Perfect จริงๆ แล้ว ฉันได้รับข้อเสนอให้แสดงหนังอีกเรื่องที่ถ่ายทำในเวลาเดียวกัน แต่ฉันคิดว่า ‘Pitch Perfect เป็นหนังที่ฉันอยากแสดง! มันเป็นหนังที่ฉันอยากดูถ้าฉันเข้าโรงหนัง’ มันมีทั้งการร้องเพลง การเต้น และคอเมดีฮาๆ ฉันก็เลยรู้ว่าฉันต้องเลือกหนังเรื่องนี้ค่ะ

Q: หนังเรื่องนั้นเป็นหนังฟอร์มเล็กที่ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ คุณคิดว่าทำไมล่ะ
A: ฉันคิดว่ามันเป็นเพราะเราสนุกกันมากในกองถ่าย จนความสนุกนั้นถ่ายทอดไปสู่ในหนังด้วยน่ะสิคะ เรื่องราวต่างๆ ที่อยู่ในบทก็ตลกอยู่แล้ว และเราก็อิมโพรไวส์เพิ่มเข้าไปอีก มันมีอะไรเจ๋งๆ ให้ได้เล่นเยอะแยะเลยค่ะ! มันเยี่ยมมากที่ตัวละครทุกตัวกลับมาในภาคสอง และด้วยความที่พวกเรามีนิสัยที่แตกต่างกัน แฟนหนังเรื่องนี้ก็จะมีตัวละครโปรดที่พวกเขาตอบสนองด้วยแตกต่างกันไป ยิ่งไปกว่านั้น มันมีทั้งการร้องและเต้นที่เจ๋งสุดยอดด้วยค่ะ!

Q: ในภาคสองนี้ เกิดอะไรขึ้นกับวงอาคัปเปลลาที่มีชื่อว่า เดอะ เบลลาส์ ซึ่งเป็นวงของตัวละครคุณล่ะ
A: ใน Pitch Perfect ภาคแรก เราเป็นทีมน้องใหม่ที่ทุกคนมองข้าม แต่ในภาคสอง เราเป็นแชมเปี้ยน...จนกระทั่งฉันทำให้ทั้งวงขายขี้หน้า และเราก็กลายเป็นดาวร่วงค่ะ

Q: งั้นมันก็เป็นความผิดของแฟท เอมีน่ะสิ
A: ค่ะ มันเป็นความผิดของตัวละครของฉันที่ไม่สวมชุดชั้นในในการแสดงครั้งนั้น แต่ในตอนเริ่มต้นภาคสอง พวกเบลลาส์อาจจะโฟกัสไปกับการชนะมากจนลืมตัวตนที่แท้จริงของตัวเองน่ะค่ะ

Q: พวกเขาทำอะไรล่ะ
A: พวกเขาจะต้องกอบกู้ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของตัวเองกลับมาค่ะ และทางเดียวที่จะทำแบบนั้นได้คือพวกเขาจะต้องเข้าประกวดในการแข่งขันอาคัปเปลลาชิงแชมป์โลก

Q: แฟท เอมีจะต้องเจอกับอะไรบ้างใน Pitch Perfect 2
A: ฉันคิดว่าในภาคนี้ ฉันมีพลังงานที่ต่างออกไปค่ะ ตอนนี้ แฟท เอมีเป็นรุ่นพี่แล้ว และเธอก็ต้องเจอกับอุปสรรคที่ต่างออกไป เธอเป็นผู้ดูแล ‘ความน่าตื่นตาตื่นใจ’ ของการแสดงของเดอะ เบลลาส์ และเธอก็ทำมันสุดโต่งไปหน่อยอย่างที่เราเห็นในซีเควนซ์เปิดเรื่อง นอกจากนี้ ฉันยังได้พบรักในหนังเรื่องนี้ด้วย ซึ่งการถ่ายทำมันสนุกมากๆ เลย คุณจะได้เห็นแง่มุมที่ลึกซึ้งขึ้นของแฟท เอมี เด็กสาวที่กำลังจะจบมหาวิทยาลัยและเตรียมพร้อมที่จะออกสู่โลกกว้าง...และบดขยี้มันน่ะค่ะ

Q: เบก้าและโคลอี้ยังไม่กินเส้นกันเหมือนเดิมรึเปล่า
A: ค่ะ ฉันเรียกทั้งคู่ว่า “โบลอี้” เบก้าจะเป็นคนดูแลเรื่องการประสานเสียงและการผสมผสาน ส่วนโคลอี้จะเป็นคนดูแลคิว แน่นอนว่าพวกเธอเถียงกันหัวชนฝาเลยในหนังเรื่องนี้

Q: แอนนา เคนดริคกลับมารับบท เบก้า เหมือนเดิม
A: เธอเยี่ยมมากค่ะ! ตัวละครของเราพักอยู่ห้องเดียวกันในหอพักมหาวิทยาลัย และเราก็ได้เข้าฉากที่ยอดเยี่ยมด้วยกันระหว่างเรื่องในห้องนั้นด้วยค่ะ

Q: ช่วยพูดถึงบริทนีย์ สโนว์ ที่กลับมารับบท โคลอี้หน่อย
A: บริทนีย์ สโนว์ เป็นมืออาชีพที่มีความสามารถรอบด้านค่ะ และ ‘ดีเจ สโนว์’ อย่างที่เราชอบเรียกเธอ ก็เป็นสีสันของงานปาร์ตี้เสมอ....และเธอก็เป็นดีเจของเราด้วย ในกองถ่าย ฉันชอบล้อเธอเพราะในออสเตรเลีย เรามักจะล้อเลียนสาวผมแดงและเรียกพวกเธอว่า ‘แรนกา’ หรือแม่ผมแดงน่ะค่ะ บริทนีย์ที่น่าสงสาร เธอต้องทนรับมุขจากฉันในการอิมโพรไวส์เยอะเชียว แต่เธอก็รู้นะว่าฉันรักเธอค่ะ

Q: พวกเบลลาส์กำลังจะเรียนจบกันแล้ว
A: ค่ะ และพวกเขาก็ต้องเรียนรู้ที่จะก้าวไปข้างหน้า ธีมสำคัญใน Pitch Perfect 2 คือการที่สาวๆ พวกนี้ ที่ผ่านเวลาสนุกมาด้วยกัน จะรับมือกับการเรียนจบมหาวิทยาลัย และสิ่งที่พวกเขาจะทำในชีวิตต่อไปได้ยังไงน่ะค่ะ

Q: มีช่วงเวลาไหนในหนังที่โดนใจคุณมากกว่าในแง่ของสายสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณน่ะ
A: มีฉากการชุมนุมรอบกองไฟที่เราถ่ายทำจนตีห้าน่ะค่ะ เราเหนื่อยกันจริงๆ และอารมณ์จริงๆ ของเราก็เผยออกมา เราแคร์กันและกันจริงๆ ฉันชอบที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคนกลุ่มนี้ค่ะ!

Q: คุณคิดยังไงกับบทของเคย์ แคนนอนตอนที่คุณได้อ่านมัน
A: อย่างแรกเลย มันตลกมากค่ะ! เคย์เป็นมือเขียนบที่ยอเยี่ยม แล้วฉันก็คิดว่ามันมีอารมณ์ที่สมจริง และมีจุดประสงค์ที่แท้จริงในการสร้างมันเพื่อเป็นซีเควลด้วยค่ะ

Q: ในภาคแรก เราได้เห็นว่ามันมีประกายวูบวาบระหว่างแฟท เอมีและบัมเปอร์ อัลเลน ที่รับบทโดยอดัม เดอไวน์ ประกายวูบวาบนั้นยังคงปรากฏใน Pitch Perfect 2 รึเปล่า
A: แน่นอนค่ะ! จริงๆ แล้ว นั่นเป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ หลักสำหรับภาคสองด้วยซ้ำไปค่ะ! เคมีของเราชัดเจนมาก...จนพวกเขาจะต้องสร้างโอกาสให้บัมเปอร์และแฟท เอมีได้ระเบิดความเจ๋งออกมาค่ะ

Q: ช่วยพูดถึงอดัม เดอไวน์หน่อย
A: เราทั้งคู่ต่างก็มีแบ็คกราวน์ด้านการแสดงสแตนด์อัพ คอเมดีและอิมโพรไวส์คล้ายๆ กัน เราต่างก็เป็นนักเขียน และมีซีรีส์ของตัวเอง ในภาคแรก เราสนุกกับการรับส่งบทกันเพราะเรามีเคมีเข้ากันได้ เราได้พัฒนาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แบบที่ไม่ได้ปรากฏอยู่ในบทภาคแรก แล้วมือเขียนบท เคย์ แคนนอนก็คิดว่าในภาคสอง เราน่าจะล้วงลึกเข้าไปในความสัมพันธ์นั้น ซึ่งฉันพบว่ามันน่าสนุก...และเซ็กซีจริงๆ ค่ะ

Q: คุณชอบอะไรเกี่ยวกับการอิมโพรไวส์
A: ฉันชอบการคิดมุขเองค่ะ! เคย์ แคนนอนเขียนบทได้ดีมากๆ แต่ธรรมชาติของมันก็เปิดโอกาสให้คุณได้อิมโพรไวส์ด้วย! และอลิซาเบธก็ยอมให้เราอิมโพรไวส์และเสริมโน่นนี่เข้าไประหว่างถ่ายทำ ซึ่งก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการถ่ายทอด ‘เวทมนตร์’ ออกมาค่ะ บางเทคก็ไม่ได้เรื่องเลยตอนที่คุณอิมโพรไวส์และแสดงนอกบท แต่บางเทคก็สุดยอดเลย...คุณจะต้องทดลองโยนมุขอะไรออกไป แล้วทันใดนั้น มุขวิเศษที่คนจะพูดถึงในตอนหลังก็จะพรั่งพรูออกจากปากของคุณ ฉันเสียใจที่บทอิมโพรไวส์บางอย่างถูกตัดออกไป...มันมีมุขเยี่ยมๆ หลายอย่างที่โดนตัดออกไปเนื่องด้วยข้อจำกัดด้านเวลาหรือมาตรฐานน่ะค่ะ

Q: คุณชอบร้องเพลงมาโดยตลอดใช่มั้ย
A: ค่ะ สมัยไฮสคูล ฉันได้ร่วมวงอาคัปเปลลาที่พิลึกยิ่งกว่าเดอะ เบลลาส์อีกนะคะ แต่การร้องเพลงก็สนุกมากเลย ฉันได้ฝึกฝีมือที่ออสเตรเลียน เธียเตอร์ ฟอร์ ยัง พีเพิล และเข้าร่วมเวิร์คช็อปสำหรับมิวสิคัลใหม่ๆ แต่ฉันก็ยังไม่ได้เปิดตัวบนเวทีบรอดเวย์เลย ซึ่งฉันก็หวังว่ามันคงเป็นอนาคตที่ไม่ไกลนักค่ะ

Q: คุณชื่นชอบการเต้นรึเปล่า
A: ค่ะ! ทั้งแม่และพี่สาวฉันต่างก็เป็นบัลเลรินา และแม้ว่าฉันจะไม่เคยเป็นนักเต้น แต่ฉันคิดว่าฉันก็น่าจะมีพรสวรรค์อยู่บ้างเพราะมันอยู่ในสายเลือดนี่คะ

Q: แฟท เอมีจะต้องเป็นตัวละครที่สนุกสนานแน่ๆ
A: ค่ะ ด้วยความที่เธอคล้ายๆ ฉันมาก มันก็เลยเป็นบทที่ไม่ยาก ฉันชอบที่เธอมีพลังงานเหลือเฟือ ซื่อสัตย์และมั่นใจอย่างน่าประหลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันคิดว่าเรามีเหมือนๆ กันค่ะ

Q: เธอนำอะไรมาสู่วงนี้บ้าง
A: เธอเป็นคนที่ตะเบ็งเสียงค่ะ ฉันชอบโน้ต ‘F’ ที่ดังกังวานของตัวเองในฉากสุดท้าย และคุณก็ต้องอาศัยเสียงแบบนั้นในวงเสมอค่ะ! เธอมีสีสันมากและก็เป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมเพราะเธออัดแน่นไปด้วยความมั่นใจ เธอภักดีกับเพื่อนเธอมากๆ แต่เธอก็เป็นคนประเภทขวานผ่าซากด้วย ซึ่งบางครั้งก็ทำให้เกิดดรามาขึ้นในวง  แต่เธอมีความตั้งใจที่ดีนะคะ