เดินทางมารับรางวัลเกียรติยศในงาน “Muay Thai Live Award 2015” ที่โรงละครเดอะสเตจ ณ เอเชียทีค พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งเมียและลูก สำหรับ “จา พนม ยีรัมย์” โดยงานนี้พระเอกนักบู๊เปิดใจว่าภาคภูมิใจที่ได้รับรางวัลดังกล่าว แต่ของดพาดพิงถึงคู่กรณีอย่าง “สหมงคลฟิล์ม” ที่เสนอให้เข้าไปเจรจาเพื่อยุติการฟ้องร้อง เรียกเงินทั้งจา ผู้สร้างหนังและผู้จัดจำหน่ายเป็นจำนวนเงินถึง 1,600 ล้านบาท โทษฐานละเมิดสัญญาหลังจาไปรับเล่นหนังฮอลลีวูด Fast & Furious7 โดยจาเผยว่าวันนี้ตนมาสร้างเรื่องดีๆ ขอพูดแต่สิ่งดีๆ เท่านั้น ก่อนชิ่งตอบประเด็นขอเงิน “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” จำนวน 26 ล้านเพื่อสร้างหนังเรื่องไอ้หนุ่มกังนัม
“วันนี้ได้รับรางวัลก็ดีใจและภาคภูมิใจมาก เป็นรางวัลที่ทำ ให้มีกำลังใจที่จะเดินหน้าต่อไป รวมถึงอยากมอบรางวัลนี้ให้กับคุณพ่อเพราะท่านเป็นคนสอนมวยไทยให้เป็นคนแรก สำหรับกระแสหนังในต่างประเทศทุกคนให้การต้อนรับอย่างดีและให้เกียรติ ตอนนี้ไปไหนมาไหนมีชาวต่างชาติเข้ามาทักและสวัสดี รวมถึงทีมงานจาก ภาพยนตร์เรื่องนี้อยากใช้สไตล์การบู๊แบบมวยไทย เช่น วิน ดีเซล สนใจที่จะเรียนมวยไทย อยากมีท่าใหม่ๆ ที่ใช้ในภาพยนตร์ซึ่งเขาอยากทำตาม ส่วนในประเทศไทยก็ทราบว่ากระแสดีเช่นกัน คนมาดูหนังกันเยอะมาก”
เผยตกใจตอนรู้ข่าวหนัง Fast & Furious7 ถูกสั่งระงับฉายชั่วคราว ยืนยันไม่เข้าไปเจรจากับทางสหมงคลฟิล์มแน่นอน
“พอทราบเรื่อง ถามว่าตกใจไหมในฐานะที่เป็นคนไทยอยากนำเสนอ ฝีมือของคนไทย ตอนได้ยินข่าวยอมรับว่าตกใจ ส่วนที่ถามว่าได้เข้าไปคุยกับทางสหมงคลฟิล์มหรือยัง วันนี้อยากพูดในสิ่งที่ดีๆ นะครับ ไม่อยากพูดอะไรที่มันพาดพิง เพราะว่าวันนี้เป็นวันที่สำเร็จ น่าจะมาช่วยกันส่งเสริมในการที่จะคิดบวก เพื่อประเทศชาติครับ (ไม่อยากพูดถึง) เราไม่ขอพูดดีกว่านะครับ ตอนนี้คือทุกฝ่ายเขาก็ทำหน้าที่ในส่วนตัวของผม ก็คือทำหน้าที่ นั่นก็คือการถ่ายทำภาพยนตร์ แล้วก็สร้างภาพยนตร์ ในการนำเสนอมวยไทยออกไปทั่วโลก นั่นคือหน้าที่ของผมที่จะต้องทำนะครับ ทุกคนทำหน้าที่ครับ ผมทำวันนี้ให้ดีที่สุดครับ ไม่ขอพูดอะไรครับ”
“เรื่องอะไรนอกเหนือจากนี้ ก็เป็นส่วนของหน้าที่ของทางผู้ หลักผู้ใหญ่นะครับ ก็คือ จัดการนะครับ แล้วก็ทางด้านฝ่ายกฎหมาย อันนี้มันก็เป็นเรื่องของแต่ละฝ่ายที่ทำหน้าที่กันอยู่แล้วครับ ส่วนตัวผมก็คือโฟกัสเรื่องการทำหน้าที่ของผมเท่านั้นเองครับ ตอนนี้ก็ดำเนินการครับ ผู้หลักผู้ใหญ่ก็ดำเนินการครับตอนนี้”
“สำหรับหนังเรื่อง Skin Trade ที่จะฉายวันที่ 23 เมษายน แล้วก็รอบพรีเมียร์ 22 เมษายนครับ (จะเข้าไปคุยเรื่องสัญญาไหม) อ๋อ ไม่ครับ ตอนนี้มันเป็นระบบขั้นตอนครับผม ก็คือ หน้าที่ของผมคือโฟกัสเรื่องนี้ครับ นอกนั้นก็เป็นหน้าที่ของทนายครับ สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ ไม่ว่าจะเป็นทุกฝ่ายนะครับ ในเมื่อตอนนี้ผมสร้างมวยไทย แล้วก็ไปเปิดตลาดฮอลลีวูดแล้ว ก็อยากให้สนับสนุนแล้วก็คิดในทางที่บวกนะครับ ช่วยร่วมมือร่วมใจกันทำนะครับ ถ้าเกิดว่าเราจะผ่าวิกฤตในตรงนี้เพื่อทำให้ต่างประเทศเขามอง ต่างประเทศเขาบอกว่า ที่เมืองไทยเป็นยังไง ผมก็บอกว่าประเทศไทยน่าอยู่มาก แล้วก็มีหนังต่างประเทศมาถ่ายที่ไทยหลายเรื่อง แล้วผมพูดในทางที่ดีๆ ไม่เคยที่จะพูดถึงประเทศไทยในทางที่ไม่ดี แล้วก็วิงวอนสื่อทุกคนนะครับ ให้ช่วยกระจายข่าวนะครับ แล้วก็สร้างสื่อในทางที่เป็นโพซิทีฟนะครับ ตอนนี้ผมคงไม่ชี้แจงอะไรครับ เพราะว่าผมก็ทำหน้าที่ของผมนะครับ”
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีที่จาเข้าไปขอเงินกับทางสหมงคลฟิล์มจำนวน 26 ล้านเพื่อไปสร้างหนังเรื่องไอ้หนุ่มกังนัม ซึ่งเป็นเงินที่ทางสหมงคลฟิล์มอยากให้จาสรุปว่าจะนำมาคืนหรือไม่ โดยเจ้าตัวไม่ตอบถึงประเด็นดังกล่าว พร้อมกับถูกบอดีการ์ดดึงตัวออกวงสัมภาษณ์ไปทันที
ที่มา manager.co.th