Q : ความรู้สึกของปีเตอร์ นพชัยที่มีต่อการทำงานภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ตลอดกาลกับ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช”
ปีเตอร์ : ความทรงจำตลอด 12 ปี ตั้งแต่ผมยังอายุน้อยๆ อยู่กับ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ทั้ง 6 ภาครวมถึงภาคนี้ อวสานหงสา มาถึงวันนี้คงนึกไปถึงวันแรกๆ มากกว่า วันที่เรายังทำอะไรไม่เป็น ฟันดาบไม่เป็น ขี่ม้าไม่เป็น ผมถือว่าเป็นความโชคดีที่สุดในชีวิตแล้วกัน ได้ผ่านการอยู่ในเบ้าหลอมของท่านมุ้ยที่สอนเราทุกอย่าง การเป็นนักแสดงที่ดี ทุกอย่างที่นักแสดงที่ดีควรจะมี ในการเข้าใจบท การทุ่มเทให้บท ในการที่ควรจะทำทุกอย่างได้เองเพราะว่าคนดูเขาต้องการที่จะมาดูเรา แล้วทุกวันที่เข้าไปไม่ว่าจะเข้าไปซ้อมกับท่านมุ้ย หรือเข้าไปในกองถ่าย เราจะได้รับการอบรมเรียนรู้ทุกวัน อันนั้นมันเหมือนเราได้วิชาความรู้อยู่ในตัวเรานะครับ เหมือนท่านมุ้ยให้วิชาความรู้มาเป็นอาชีพแล้วมันเป็นสิ่งที่ไม่ไปจากเรา มันอยู่กับเราตลอด และเราได้ใช้ประกอบอาชีพทำมาหากิน มันเรียกเป็นมูลค่าไม่ได้ครับ
Q : ท่านสอนอะไรบ้าง
ปีเตอร์ : ท่านสอนทุกวัน สอนโดยเหมือนไม่สอน สอนทุกอย่าง สอนให้เป็นนักแสดงที่ดี สอนวิธีคิดต่อการแสดง วิธีที่เราจะใช้ชีวิตด้วยนะครับ แม้กระทั่งวันสุดท้ายที่เราถ่ายทำภาคสุดท้ายนะครับอวสานหงสา ท่านก็ยังสอนอยู่ แต่ท่านไม่ได้สอนแบบจะจะนะ ท่านมีความเป็นครูตลอดเวลาทำให้เราได้เรียนรู้ทุกครั้งที่เข้าไปกองถ่ายท่านมุ้ยนะครับ
Q : มาจนถึงภาคสุดท้ายแล้วรู้สึกใจหายมั้ยกับโปรเจกต์ที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเรามาตลอด 12 ปี
ปีเตอร์ : คือผมถือว่าผมได้ผ่านช่วงเวลาดีๆ มาแล้ว เพราะมันอยู่กับเราตลอดเวลา มันไม่เสียดาย ผมไม่รู้สึกว่าใจหายจะไม่ได้ไปเล่นแล้ว ผมได้สิทธิ์นั้นแล้ว ผมได้โอกาสดีๆ มาแล้ว ช่วงเวลานั้นจะอยู่กับผมจนวันตาย ผมไม่เสียดาย
Q : ความน่าสนใจในภาค 6 อวสานหงสาที่เราต้องดู
ปีเตอร์ : สำหรับผมเองก็คงเหมือนทุกท่าน ผมไม่เคยรู้เรื่องราวหลังยุทธหัตถี เหมือนกับมารู้พร้อมๆ กับทุกๆ คน มันมีรายละเอียดทางประวัติศาสตร์เยอะ น่าสนใจ สนุกด้วย และที่สำคัญที่สุดสำหรับผมนะ ผู้คนจะได้เข้าใจในความเป็นสมเด็จพระนเรศวรมากขึ้น ผมเห็นว่าทำไมท่านถึงไม่หยุดแค่ยุทธหัตถี ตอนแรกเราอาจจะเข้าใจท่านไปต่างๆ นานา ว่าท่านเป็นกษัตริย์ยอดนักรบ เป็นนั่นโน่นนี่ แต่ว่าตอนนี้จะเฉลย และจะอธิบายแล้วครับว่าทำไมท่านถึงต้องทำต่อไป เพราะอะไร ท่านทำเพื่อใคร เราจะได้เห็นอาณาจักรอย่างหงสาวดีที่เคยรุ่งเรืองมากๆ ทำไมภาคนี้ถึงเป็นอวสานหงสา ภาค 1-2-3 เราได้เห็นจุดที่รุ่งเรืองที่สุดของหงสา ภาคนี้ทำไมถึงเป็นอวสานหงสา ทำไมหงสาถึงได้ล่มสลาย สุดท้ายอย่างที่ผู้ชมติดตามตัวละครมาจะมีการเดินทางของตัวละคร แต่ ณ ภาค 6 ทำไมตัวละครตัวนี้ถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ มาถึงจุดต่ำสุดของตัวละคร อย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือเราจะได้เห็นมุมทางความคิดของพระนเรศวร ซึ่งดูเป็นธรรมชาติมากๆ ดูเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดามากๆ คนหนึ่งว่าทำไมการที่พระองค์คิดต่อประชาชนของท่านอย่างนี้ แล้วก็มันมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ซ่อนอยู่หลายเรื่องพอสมควร เรื่องเกี่ยวกับสมเด็จพระเอกาทศรถด้วย แล้วก็ยังมีเรื่องพระสุพรรณกัลยาด้วย ที่เรายังต้องเล่าต่อเนื่องจากที่ยุทธหัตถีแล้วครับ มีหลายส่วนที่น่าติดตามมากครับ
Q : บทบาทและความสำคัญของพระราชมนูในภาคนี้อวสานหงสา
ปีเตอร์ : สำหรับภาคนี้ออกพระราชมนูก็ยังคงความจงรักภักดีจนถึงวินาทีสุดท้ายนะครับ แต่สำหรับผมเองสิ่งที่เห็นแตกต่างไปคือพระราชมนู โตขึ้นนะ แล้วก็กล้าที่จะทัดทานองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช แต่ถึงแม้ยังไงก็ตาม สุดท้ายท่านอยากให้ทำอะไรก็ยังทำสุดใจเหมือนเดิม จากภาคก่อนๆ เราจะเห็นความมุทะลุ เฮ้ยเอาไงเอากัน แต่ในภาคนี้ทิ้งเองมองพระนเรศวรแล้วเหมือนมีความเป็นห่วงพระองค์ท่านมากขึ้น แล้วดูเหมือนในภาคนี้พระองค์ท่านจะใจร้อน ก็คอยทัดทานอยู่เรื่อย ไม่กลัวหัวขาดเลย แต่ว่าสุดท้ายก็ยังคงความเป็นพระราชมนูอยู่ดี พระองค์ท่านสั่งให้ไปไหนก็ไป ให้ไปตายก็ไป ความจงรักภักดียังอยู่เหมือนเดิมจนถึงวินาทีสุดท้าย
Q : ฉากประทับใจที่น่าจับตามองของตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อวสานหงสาที่ แฟนพันธุ์แท้พลาดไม่ได้
ปีเตอร์ : ก็ยังมีอีกฉากหนึ่งที่ผมรู้สึกว่า เขาเรียกว่ายังไงนะ สัมผัสได้และค่อนข้างกินใจนักแสดงร่วมทุกท่านที่อยู่ในเหตุการณ์ เพราะว่าเป็นฉากเหมือนย้อนอดีตภาค 1 ก็เป็นฉากที่อยู่ที่วัดพระมหาเถร มีมณีจันทร์, สมเด็จพระนเรศวร, พระมหาเถร และไอ้ทิ้งอยู่ร่วมกัน เหมือนบรรยากาศเดิมเลย พระนเรศวรก็กวาดลานวัด ไอ้ทิ้งก็ล้างบาตรเหมือนเดิมครับ ก็เป็นฉากที่ดูเหมือนจะเรียบๆ อย่างที่คุยกันนะครับ แต่ว่าพอเราไปแสดงแล้ว มันก็มีความรู้สึกที่ว่าเดี๋ยวหลังจากนี้ก็จะไปรบละ เราก็จะได้เห็นมุมของพระนเรศวร สำหรับผมนะรู้สึกได้เลยว่าพระนเรศวรท่านอยากทำให้ประชาชนอยู่อย่างสบาย ทั้งๆ ที่ตัวเองก็อยากจะหยุดแล้วละ แต่ก็รู้ว่ามันยังหยุดไม่ได้นะ เพราะว่าพระองค์ท่านก็รู้ว่า ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ประชาชนก็ยังไม่สงบสุข ก็เลยต้องไปทำสิ่งนี้ ตอนแสดงเองก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีด้วยได้อยู่กับพระองค์ท่านจนถึงวินาทีสุดท้ายด้วยเลยนะ ก็อยากให้ไปชมฉากนี้กัน ท่านผู้ชมที่ติดตามมาตั้งแต่ภาค1ก็จะนึกถึงไอ้ทิ้งก็อยู่กับพระองค์ท่านตั้งแต่ยังเด็ก เวลาไปเล่นฉากนี้ก็เหมือนจะนึกถึงวันแรกเมื่อ 12 ปีที่แล้ว หลังจาพอเราแสดงไปแล้ว ความน่ารักในฉากนั้นนะครับ ตอนท้ายก็มีเหมือนไปอ้อน คือพระมหาเถรก็เหมือนกับพ่อนะแหละ เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่ยังเล็ก ก็ท่านมุ้ยอีกนั่นแหละครับที่บอกว่าลองไปกอดขาดู ก็เป็นฉากที่น่ารักฉากหนึ่งครับ
Q : นอกจากนี้ก็จะมีอีกหนึ่งฉากสำคัญในภาคนี้คือ ฉากที่พระนเรศวรสวรรคต
ปีเตอร์ : ผมว่าเราก็จะได้เห็นความเข้มแข็งของพระองค์ท่านด้วย ท่านผู้ชมต้องรอดูฉากนี้ แต่สำหรับในส่วนของการถ่ายทำในวันนั้น ณ ห้วงเวลานั้นมันแบบว่าทั้งพี่เบิร์ดเอง คนเล่นนักแสดงทุกคนที่อยู่รอบๆ นี่ไปหมดแล้ว แต่คนที่น่าจับตามองมากที่สุดสำหรับผมนะก็คือพี่ต๊อด โอ้โห ผมดูแล้วชอบ เราเองยังชอบการแสดงของพี่ต๊อด มันเหมือนไม่ได้แสดง ไม่ต้องพูดเรื่องน้ำตาก็ได้ พอเห็นหน้าพี่ต๊อดรู้เลยว่าเขาเข้าใจ ไม่เคยเห็นพี่เบิร์ดเป็นแบบนี้ ถ้าผู้ชมไปดูนะครับ ไม่เคยเห็นพระนเรศวรอ่อนไหวขนาดนี้ ทั้งในแง่ของอารมณ์นะครับ ส่วนของพี่ต๊อดเชื่อว่าไม่เคยมีใครเห็นพี่ต๊อดอย่างนี้แน่ๆ เป็นฉากที่จริงๆ ผมประทับใจพี่ต๊อดพี่เบิร์ดแม้กระทั่งพี่ปราปต์เอง ตอนท้ายอยากให้ผู้ชมไปดู เดี๋ยวผมเฉลยมากก็ไม่สนุก แล้วคนที่ไปอยู่ในบรรยากาศจะรู้สึกมันมีมวลแบบอวลๆ ช่วงนั้นในห้องนั้น ซึ่งส่วนตัวนักแสดงเองได้ไปเล่นฉากแบบนี้ก็สนุกด้วย แล้วก็รู้สึกว่ามันดีนะ
Q : เรียกได้ว่าเป็นความรู้สึกร่วมทั้งในบทบาทของตัวละครในภาพยนตร์ และความรู้สึกผูกผันกันของนักแสดงที่ผ่านการร่วมงานกันมานับทศวรรษด้วย
ปีเตอร์ : ใช่ครับก็เป็นบรรยากาศรวมๆ ทั้งเรื่องจริงและในเรื่อง ช่วงท้ายๆที่เราจะเลิกถ่ายกันแล้วด้วย สำหรับฉากนี้ใช้เวลาในการถ่ายทำนาน หลายวันอยู่นะครับ มันมีบางอย่างที่ท่านมุ้ยคิดว่าอารมณ์มันน่าจะยิ่งกว่านี้นะ ก็เลยไม่ถ่าย ท่านรู้สึกว่าบรรยากาศมันไม่ค่อยดี หมายถึงบรรยากาศทางการแสดงยังไม่ค่อยดี ไม่เอาดีกว่า เพราะท่านบอกว่ามันเป็นซีนที่สำคัญที่สุดของเรื่อง ของทุกคน เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันต้องกลมกลืนไปด้วยกันนะ ตอนนั้นมันเหมือน ท่านก็เลยเลื่อนไปอีกวันหนึ่ง กว่าจะได้ถ่ายซีนนี้มันยากมานานแล้วครับ เหมือนจะถ่ายๆ จะถ่ายก็ไม่ได้ถ่ายซะที แล้วก็ไปอีกวันหนึ่ง เหมือนท่านคงเห็นอะไรมั้งครับ ซึ่งบางทีเราไม่ได้เห็นเหมือนกับท่านทั้งหมด
Q : ฉากที่เรียกได้ว่าสะท้อนออกมาให้เห็นตรงกับชื่อเรื่องและสะท้อนภาพบรรยากาศความรู้สึกผูกผันของตัวละครไอ้ทิ้ง กับการย้อนกลับไปยังที่ที่เคยเติบโตมาอย่าง หงสาวดี
ปีเตอร์ : ก็คือสัจธรรมละครับ พระนเรศวรเองก็เห็นสัจธรรม ไอ้ทิ้งก็เห็น เมืองที่เราเคยอยู่เมื่อเด็ก วันหนึ่งเราขี่ม้ากลับไป กะจะไปที่เมืองเขา ก็ได้ไปเห็นความล่มสลายของหงสา ผมว่าคุณผู้ชมเองก็สะท้อนใจ พระนเรศวรก็สะท้อนใจ ว่ามันเหมือนเห็นสัจธรรมจริงๆ ว่าคนที่เคยรุ่งเรืองก็มีวันที่จะลง จากศูนย์ไปถึงจุดสูงสุดแล้วกลับลงมาศูนย์อีก ก็เห็นวัฎจักรที่เป็นสัจธรรมของโลก
Q : ในภาคอวสานหงสาจะได้พบกับตัวละครใหม่ และภาพความเกี่ยวข้องเรื่องราวใหม่ๆ ที่ถูกถ่ายทอดในภาพยนตร์
ปีเตอร์ : สำหรับภาคนี้มีตัวละครใหม่ขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง เป็นตัวสีสันก็คือตัวเม้ยมะนิก เป็นตัวละครอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาเกี่ยวพันกันซึ่งแสดงโดย น้องปันปัน-เต็มฟ้า ก็คงต้องบอกว่าตัวน้องเขาเหมาะกับบทนี้มาก เขาเป็นนักกีฬาและยังมีความสามารถทางด้านยิมนาสติกต่างๆ ความสามารถทางด้านการแสดงนี่ไม่ต้องพูดถึง ต้องบอกว่ามาเต็มครับ ผมชอบการแสดงของเขาเต็มที่ด้วย อะไรก็ทำได้หมดนะครับ เสียงก็ดี ก็คุณแม่เป็นนักร้อง ผู้ชมจะต้องชอบตัวละครตัวนี้ ท่ายิมนาสติกผสมกับคิวบู๊ที่ท่านดีไซน์ไว้นะครับ จะได้เห็นความสามารถของน้องที่ต้องมาบู๊กับผมด้วย พี่ต๊อดด้วย ก็เป็นบู๊ที่สนุกๆ นะครับ น่ารักๆ แต่ว่าเราจะได้เห็นเขามาช่วยรบด้วย ก็เป็นตัวละครใหม่ซึ่งผมว่าผู้ชมจะต้องหลงรักตัวละครตัวนี้ เราก็จะได้เห็นพี่ต๊อดซึ่งคือพระเอกาทศรถในอีกมุมหนึ่งกับตัวละครนี้ด้วยนะครับ สำหรับน้องในส่วนคิวบู๊ของน้องยาก แต่ด้วยความที่เขาเป็นนักกีฬา เขาอดทน ซ้อม ผมว่าเขาทำออกมาได้สวยงามนะ แล้วก็ได้คิวบู๊แปลกๆ ที่มันต้องใช้ความสามารถพิเศษ แล้วก็เรื่องขี่ม้าอีก น้องเขามาขี่ไม่ได้นานมากนะ แปลกมากเลย ไม่กลัวม้าเลย ไม่กลัวบู๊เลย คือเวลาอยู่ในกองถ่ายกับเขาคือทำงานสบายมาก เหมือนเราๆ เลยครับยืนกลางแดดได้ ไม่เหนื่อย ไม่ร้อน ไม่บ่น ตีลังกาได้ น้องเขามาถ่ายช่วงร้อนพอดีครับ เจอร้อนเจอหนาวด้วย
Q : ท้ายนี้อยากฝากบอกอะไรกับแฟนๆ คุณปีเตอร์และอัพเดทชีวิตล่าสุดของคุณปีเตอร์
ปีเตอร์ : ก็ขอฝากสำหรับภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 6 ภาคสุดท้ายอวสานหงสา คนดูจะได้ชมในสิ่งที่เราไม่รู้มาก่อน ส่วนใหญ่เราจะรู้สุดแค่ยุทธหัตถีนะครับ แต่ว่ามันมีเรื่องราวต่างๆ ทางประวัติศาสตร์เอง ทั้งในแง่ที่เขาเรียกว่าอารมณ์ความรู้สึกของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเอง ซึ่งจะถูกท่านมุ้ยทำออกมาให้ผู้ชมได้เห็น ได้เห็นทั้งในแง่ความทุ่มเทของท่าน ความเสียสละของท่าน ภาคนี้จะได้เห็นว่าหลังจากยุทธหัตถี ทำไมท่านถึงยังไม่หยุด ท่านต้องการอะไร ท่านต้องการทำเพื่อใครซึ่งก็คือทำเพื่อเรานั่นแหละครับ ก็ไปหาคำตอบได้ในภาพยนตร์ละกันครับ แล้วก็ในภาคนี้คุณผู้ชมจะได้เจอกับสหายศึกทั้งหมดกลับมาร่วมแรงร่วมใจกันรบเพื่อประเทศชาติอีกครั้งหนึ่งไม่ว่าจะเป็นพระชัยบุรี และพระศรีถมอรัตน์ ซึ่งก็คือพี่ต้นคมกริชที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ที่จะมีบทบาทอยู่ในภาคนี้ด้วยนะครับ ก็นอกจากวันที่ 9 เม.ย.จะได้ชมภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาค 6 อวสานหงสาแล้ว ผมก็ยังมีผลงานอื่นในมุมอื่นตอนนี้ก็ไปลองกำกับละครอยู่เรื่องหนึ่งครับเป็นซี่รี่ส์ 12 ตอน ก็คาดว่าปลายๆ ปีจะได้ชมกันครับ แล้วก็มีหนังสั้นของสืบ นาคะเสถียรนะครับ ก็เป็นอีกบทบาทหนึ่งเหมือนกัน ก็เล่นเป็นคุณสืบเลย แล้วก็ตัดผมสั้นถ่ายไปเมื่อปีที่แล้ว ก็คิดว่าน่าจะได้ชมเร็วๆ นี้ครับ ซี่รี่ส์ที่กำกับ ตี๋ใหญ่ดับดาวโจรครับ ก็เป็นการทำงานร่วมงานกันของผม พี่ป๊อก-ปิยธิดา แล้วก็อีกหลายๆ ท่านครับ พี่เบิร์ดพันโทวันชนะ แสดงนำโดย พี่เต๋าสมชาย เข็มกลัด แล้วก็น้องกัน อีโวไนน์ มีป๋าเทพ พี่แมน ศุภกิจ มีอีกหลายๆ ท่านเลยครับที่ผมอยากทำงานร่วมกับเขาครับ ก็น่าจะได้ออนแอร์ปลายๆ ปีครับ ช่องโมโน 29 ครับ