Q: อะไรที่ทำให้คุณสนใจโปรเจ็กต์นี้
A: ฉันชื่นชอบเทพนิยายค่ะ โดยเฉพาะ "Cinderella" เพราะมันเกี่ยวกับประเด็นที่ซับซ้อนสำหรับเด็กๆ มีเรื่องราวมากมายในตอนนี้ที่เล่าให้เด็กๆ ฟังแล้วทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนพวกเขาเป็นฮีโรที่สามารถเอาชนะทุกอย่างได้และโลกใบนี้เป็นสถานที่ที่เพอร์เฟ็กต์ เทพนิยายอมตะอย่าง "Cinderella" บอกเราว่าโลกอาจเป็นสถานที่ที่เลวร้ายและจำเป็นต้องอาศัยความกล้าหาญและความอดทนเพื่อจะอยู่รอด นี่เป็นเรื่องราวที่ความเมตตาเป็นพลังพิเศษ ซึ่งเป็นสิ่งที่เคน บรานาห์และฉันคุยกันตั้งแต่เริ่มแรก และฉันพบว่ามันเป็นเรื่องตื่นเต้นจริงๆ แล้วฉันเองก็มีลูกสามคนด้วย ฉันก็เลยตระหนักดีถึงหนังทุกเรื่องที่มีตัวเอกเป็นซูเปอร์ฮีโรผู้ชาย ฉันก็เลยตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องราวที่มีตัวเอกเป็นผู้หญิงน่ะค่ะ
Q: การรับบทเป็นตัวร้ายอย่างแม่เลี้ยงเป็นยังไงบ้าง
A: ฉันชอบนะคะ เหมือนที่เพื่อนคนหนึ่งของฉันเคยพูดว่า ‘ในงานปาร์ตี้อาหารค่ำ ฉันอยากจะนั่งใกล้กับเลดี้เทรเมนมากกว่า’ การได้รับบทที่มีสีสันแบนี้ก็เลยเป็นเรื่องสนุกมากค่ะ แต่เคน บรานาห์ก็ตัดสินใจตั้งแต่แรกๆ แล้วว่าจะไม่ทำอะไรสุดโต่งเกินไป เหมือนอย่างที่คุณทำได้ในเทพนิยาย แต่เขาเลือกที่จะดึงเอาแก่นแท้ของตัวละครออกมาแทน ดังนั้น มันก็เลยเป็นเรื่องของการรักษาสมดุลค่ะ ไม่มีใครชั่วร้ายไปซะทั้งหมด... ทุกคนต่างมีแรงจูงใจทั้งนั้น ตัวละครแม่เลี้ยงคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อความดีถูกบิดเบี้ยว มันก็มักจะกลายเป็นความชั่วร้ายค่ะ ฉันสนใจในการสำรวจสิ่งที่ทำให้คนเราชั่วร้าย รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในหนังจะทำให้คุณได้สัมผัสว่านี่เป็นผู้หญิงที่พยายามจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ และเธอก็อิจฉาความรักลึกซึ้งที่สามีใหม่มีต่อ ซินเดอเรลลา ลูกสาวคนใหม่ของเธอ เธอไม่ได้สวย ใจดีและมีเมตตาเหมือนซินเดอเรลลา ในตอนที่พ่อของซินเดอเรลลาตาย ความกดดันทางด้านการเงิน ความตื่นตระหนกและความอิจฉาก็ทวีความรุนแรงขึ้น...นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอชั่วร้ายค่ะ
Q: คุณคิดลุคของตัวละครตัวนี้มาได้อย่างไร
A: แซนดี้ พาวเวล ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายกับฉันได้แรงบันดาลใจจากภาพยุค 40s ของตำนานโลกภาพยนตร์อย่างมาร์ลีน ดายทริชและโจน ครอว์ฟอร์ด ผู้หญิงที่เรายังคงชื่นชมในปัจจุบันนี้น่ะค่ะ พวกเธอมีกลิ่นไอความอันตรายและลึกลับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลักษณะการให้แสงพวกเธอในภาพน่ะค่ะ
Q: การแสดงของลิลลี่ เจมส์ในบทซินเดอเรลลาเป็นอย่างไรบ้าง
A: ลิลลีเป็นจิตวิญญาณแห่งความรื่นเริงค่ะ...เธอเปล่งประกาย และฉันคิดว่าเธอเพอร์เฟ็กต์สำหรับบทนี้จริงๆ เธอเป็นเหมือนสายลมบริสุทธิ์ ที่ไม่แปดเปื้อนอะไรเลย ในฐานะนักแสดง เธอมีความเอื้อเฟื้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากและต้องอาศัยวินัย สมาธิและความคิดอ่านที่ลึกซึ้งอย่างเหลือเชื่อค่ะ
Q: การร่วมงานกับฮอลิเดย์ เกรนเจอร์ในบทอนาสตาเซียและโซฟี มาร์โซในบทดริสเซลลาเป็นยังไงบ้าง
A: โซฟีมีจังหวะในการแสดงตลกที่วิเศษสุด และทั้งเธอและฮอลิเดย์ก็เก่งมากๆ พวกเธอก็เลยสามารถสวมบทบาทเป็นพี่น้องกันได้อย่างแนบเนียนจริงๆ คุณจะเชื่อจริงๆ ว่าพวกเธอรู้สึกว่าตัวเองฉลาดที่สุดและสวยที่สุดในห้ง แต่พวกเธอก็ไม่ได้เล่นแบบสุดโต่งเกินไปไม่ว่าพวกเธอจะแต่งตัวยังไงก็ตาม เพราะพวกเธอเก็บอาการได้ค่ะ พวกเธอเยี่ยมจริงๆ พวกเธอพบสมดุลในทันที และพวกเธอก็ทั้งน่ารักและตลกมากๆ ด้วยค่ะ
Q: เคนเนธ บรานาห์ล่ะ แบ็คกราวน์ด้านการแสดงของเขามีผลอะไรต่อสไตล์การกำกับของเขาบ้าง
A: เคนสามารถสร้างโทนของหนังเรื่องนี้ ที่ทั้งอ่อนหวาน น่ารัก แต่ก็น่าสะพรึงกลัวได้ด้วย เขาสามารถรับมือกับช่วงเวลาที่เป็นส่วนตัวและช่วงเวลายิ่งใหญ่ระหว่างตัวละครได้ เขามีเซนส์ด้านจังหวะที่วิเศษสุดในฐานะผู้กำกับ เราก็เลยรู้ว่าเราสบายใจได้แน่นอน ด้วยความที่เขาเป็นนักแสดงที่เก่งมากๆ เขาก็เลยชำนาญในการใช้เวลาซ้อมในช่วงเช้า เขาสามารถเข้าถึงกระบวนการของทุกคนได้และทำให้มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการทำงานที่ร่วมแรงร่วมใจกันอย่างแท้จริงค่ะ
Q: ลุคของหนังเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง
A: ทุกอย่างเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เกินกว่าความคาดหวังของฉันค่ะ ทีมงานโชคดีที่ได้คนอย่างเคน บรานาห์, แซนดี้ พาวเวลและผู้ออกแบบงานสร้าง ดันเต้ เฟอร์เร็ตติ มาร่วมมือกันเพื่อสร้างภาพวิชวลที่พิเศษสุดของโลกหนังสือนิทานที่คุณจะได้เห็นบนหน้าจอ โลกที่พวกเขาสร้างขึ้นมีความเป็นเดวิด ลินช์นิดๆ ตรงที่คุณจะได้เห็นโทรศัพท์แบบเก่าแต่ภายในสิ่งแวดล้อมสมัยใหม่ คุณก็เลยไม่แน่ใจว่าตัวเองอยู่ไหนกันแน่ แต่เรื่องราวของ "Cinderella" เป็นอมตะในแบบที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ครั้งแรกที่ฉันเดินเข้าไปในฉากห้องบอลรูม ฉันก็ต้องเตือนตัวเองไม่ให้อ้าปากค้าง...มันเหมือนช่วงเวลาเอ็มจีเอ็ม เทคนิคคัลเลอร์เลยค่ะ และในแง่ของหนังแล้ว ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองสามารถย้อนอดีตได้ ในตอนที่ซินเดอเรลลาและเจ้าชายเริ่มเต้นรำกันบนฟลอร์ มันก็น่าประทับใจอย่างสุดซึ้งค่ะ
Q: คุณหวังว่าผู้ชมจะได้รับอะไรจากเรื่อง "Cinderella"
A: ฉันคิดว่าเราเคยชินกับการได้เห็นเทพนิยายถูกบอกเล่าออกมาในรูปแบบอนิเมชันที่ทำให้เราหัวเราะตัวละครพวกนี้จากระยะห่างได้ แต่พอคุณได้เห็นซินเดอเรลลาที่มีเลือดเนื้อจริงๆ คุณจะถูกนำกลับมาสู่ความเป็นมนุษย์จริงๆ (ที่มักจะถูกนำเสนอในเทพนิยายผ่านทางตัวละครสมมติเช่นหมาป่าตัวร้ายหรือแม่เลี้ยงใจร้าย) และฉันคิดว่าผู้ชมจะเอาใจช่วยเธอจริงๆ เราต่างก็รู้จักเรื่องราวของ "Cinderella" ดี เรารู้จักเรื่องราวของ "Hamlet" ดี แต่เราก็ยังไปดู "Hamlet" ครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะการแสดงที่ดีที่สุดจะทำให้เราคิดว่าบางทีครั้งนี้เขาอาจจะฆ่าคลอดิอุสก็ได้ และกับ "Cinderella" เรื่องนี้ ผู้ชมจะรู้สึกแบบเดียวกันและจะประหลาดใจกับหลายๆ ฉากเพราะมันสมจริงเหลือเกิน ดังนั้น มันก็เลยมีเรื่องที่ตลกและเศร้าจริงๆ ด้วยเหมือนกัน ผู้ชมจะรู้สึกเหมือนว่าเพิ่งได้รับฟังเรื่องราวของ "Cinderella" เป็นครั้งแรกค่ะ