BIG MOMMA’S HOUSE 2


 

สวัสดีครับ เพื่อนที่รัก นักเสพย์ความเอนเตอร์เทนเม้นท์ ผ่านสื่อ อินเตอร์เน็ท กลับมาพบกันอีกครั้งนะครับ เมื่อมีภาพยนตร์เก่าๆที่น่าสนใจ “ นัวฟิล์ม ” ก็จะนำมาวิจารณ์ให้ เหล่าเพื่อน ๆ ในหนังดีได้อ่านกันนะครับ

ครับ วันนี้ จะพาย้อนไปชม ภาพยนตร์ สุดฮา(เค้าว่าไว้) ของ จอมกลิ้ง มาร์ติน ลอว์เล็นซ์ ซึ่งเป็นภาคต่อของ BIG MOMMA’S HOUSE 2 บิ๊กมาม่า เอฟบีไอ พี่เลี้ยงต่อมหลุด 2 ซึ่งภาคนี้เป็นภาคสอง ที่เค้าจะกลับมา เขย่าลูกกระเดือกของคุณ (เค้าก็ว่าไว้อีก) แต่ที่น่าสนใจก็คือ ภาคนี้เค้ากลับมาเป็น บิ๊กมาม่า แบบที่ต้อง มาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ๆ จอบแสบ เพื่อตามแก้ปมคดี นี่สิ ตามไปกันเลยดีกว่า


BIG MOMMA’S HOUSE 2 บิ๊กมาม่า เอฟบีไอ พี่เลี้ยงต่อมหลุด 2
เป็น ภาพยนตร์ ตลกเบาสมอง ที่ผมอยากดูมากที่สุดเรื่องนึก จากที่ได้ทราบข่าวว่าจะมีภาคต่อ ผมก็เฝ้ารอ และก็สมใจครับได้ไปดูอย่างอยากดู ภาพยนตร์ พล็อตเรื่องก็ยังเหมือนเดิม แต่ก็เป็นสถานการณ์ที่ต่างออกไป เจ้าหน้าที่ เอฟบีไอ มัลคอล์ม (มาร์ติน ลอว์เล็นซ์)จำ เป็นต้อง ตามคดี ที่มีผู้เจาะข้อมูลลับทางคอมพิวตอร์ ของรัฐบาล งานนี้ไม่ยากสำหรับ มัลคอล์ม แต่ที่ยากกว่า ก็คือ การที่จะต้องแฝงตัวเข้าไปอยู่ในครอบครัวของผู้ต้องสงสัย ดังนั้น บิ๊กมาม่า จึงต้องกลับมาอีกครั้งกับภารกิจ พี่เลี้ยง ของเหล่าเด็ก ๆ จอมเฮี้ยว เพื่อคลี่คลายคดี


ภาพยนตร์[/u]
จากที่ ภาพยนตร์ ภาคแรก ทำไว้ได้น่าประทับใจ และ ผมก็ชอบมาก ๆ ทำให้คาดหวังกับภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าต้อง ขำกลิ้งกว่าเดิม หรือ อย่างน้อยก็เหมือนเดิม แต่เมื่อได้ชมแล้วต้องบอกละครับว่า ผิดหวังเล็ก ๆ ซึ่งผมไม่แน่ใจนะครับว่า เป็นทีมงานเดิมที่สร้างภาคแรกหรือเปล่า แต่เท่าที่ดู ถ้าเป็นทีมเดิม ก็ถือว่าทำได้ มาตรฐานต่ำกว่าเดิม ครับ ภาพยนตร์ดูได้สนุกพอควร แต่หากเทียบกับภาคแรก ผมว่า ภาคแรกสนุกกว่า ตลกกว่า อาจจะเป็นเพราะ ภาคแรกนั้น เป็นภาคเริ่มต้น ที่เรารู้จัก บิ๊กมาม่า แต่ภาคนี้ เราพอจะทราบแนวทางของภาพยนตร์แล้ว จึงทำให้รู้สึกไม่ตื่นเต้นอะไร โดยเฉพาะ ภาคแรก จะมีมุข การแต่งตัวเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะ เหมือนภาคแรก ดังนั้น ความลำบาก ความสนุกสนาน การคอยลุ้น ตัวละครในภาคแรก จึงต่อเนื่อง ดูสด และ ฮาอย่างไม่ขัดเขิน แต่ภาคนี้ ขาดเสน่ห์ ลงไปอย่างเห็นได้ชัดเจน เหมือนกับไม่ค่อยมีมุขมาเล่นมากนัก จะมีมุขบ้างก็ เป็นมุขส่วนตัวของ มาร์ติน เสียมากกว่า ประเภท อากัปกิริยา เวลาแต่งตัวแล้ว การดัดเสียงน้อยใหญ่เวลาพูด และ ฉากบู๊ ที่มีพอสมน้ำสมเนื้อ เสียมากกว่าที่เป็นสิ่งที่ยังพอมีในภาพยนตร์เรื่องนี้ และ มุขที่ดูดีที่สุด ก็น่าจะเป็นมุขที่ บิ๊กมาม่า ต้องเข้าสปา และ ต้องเต้นเชียร์ลีดเดอร์ นี่แหล่ะครับ ที่ถือว่าเป็นที่สุด ๆ แล้ว อ้อ มีอีกมุขที่น่าจะโดนแต่ไม่โดนครับ เพราะ มีผมหัวเราะอยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าใครไปดูแล้ว get บ้าง ทำไม บิ๊กมาม่า ต้อง ถักผมด้วย ลูกปัด ใส่ชุดว่ายน้ำสีเหลืองสด มาวิ่ง สโลว์บนชายหาด.....ที่บอกว่ามุขน่าจะโดนแต่ไม่โดน ก็เพราะ มุข มันเก่ามากเลย มุขนี้ กัด ภาพยนตร์เรื่อง 10 ( “ เทน ” ที่ โบ ดีเร็ก แสดง เมื่อ 27 ปีที่แล้ว ) แต่ ใครที่ไม่เคยดูภาพยนตร์เรื่อง “ 10 “ มาก่อน จะทราบมั๊ยครับ โดยเฉพาะ คนไทย ๆ อย่างเรา ที่บางคนยังไม่เคยรู้จักเลยว่า โบ ดีเรค ( BO DEREK ) เธอเป็นใคร มุขอันนี้ แป๊ก จริง ๆ ( อยากดู BO DEREK ให้เต็มตา ไป ค้นภาพใน Google นะครับ คุณจะได้เห็นเธอแบบ ไม่น่าจะมีอะไรปิดบังเธอได้เลยครับ เข้าไปเร๊ว ก่อนจะถูกบล็อก)
แต่โดยรวม ๆ ก็ถือว่า ไม่เสียดายตังค์ละครับ แต่แหม มันก็อดจะเอาไปเทียบกับภาคแรกไม่ได้น่ะครับ


ฉาก
ส่วนใหญ่ ก็ทั่วไปครับ ไม่มีอะไรโดดเด่น เพราะเป็นภาพยนตร์ ออกจะเป็นสืบสวน สถานที่ก็เลยหลากหลายครับ


ดารา
ไม่ต้องพูดถึง ภาพยนตร์ขาย มาร์ติน ลอว์เลนซ์ คน เดียวก็เหลือ ๆ แล้วครับ คนอื่นก็เป็น ตัวชูรส ให้ภาพยนตร์สมบูรณ์ เท่านั้นเอง แต่ที่ผมประทับใจมาก ก็เจ้าเด็ก จอมกระโดด ที่พระเอกเราต้องไปดูแล นั่นแหล่ะครับ ใครไปดูมาแล้ว ก็พอจะรู้ แต่ใครยังไม่ได้ดู ไปดูแล้วจะชอบเหมือนผม เค้าไม่มีเหตุผลอะไรครับ เมื่อไหร่ที่มีที่สูงพอที่เค้าจะกระโดดได้ เค้าก็กระโดดลงมา คว่ำหน้า ทำให้ใจหายเสียยังงั้นแหล่ะ แต่ก็น่ารักมากครับ อีกสิ่งที่ชอบ ก็คือ เจ้าหมา จอมซื่อบื้อ ที่ต้องกระตุ้นด้วยเบียร์ ฮา จริง ๆ ( ไม่เล่าแล้ว เดี๋ยวมุขหมด )


คอมพิวเตอร์กราฟฟิก
น้อยมาก มีเพียง สเปเชี่ยลเอฟเฟค ตัว บิ๊กมาม่า การแต่งหน้า แต่งตัว ทำได้เนียนกว่า ภาคแรกมากครับ งานนี้ บิ๊กมาม่า เรา กล้านุ่งน้อยห่มน้อยก็แล้วกัน อันนี้ดู ทีมงานจะเน้นเป็นพิเศษ ครับ เนียนจริง ๆ ปรบมือให้ครับ


โดยรวม
เป็นภาพยนตร์ ตลก เบาสอง แต่ก็สอนแง่คิดไว้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะ การแยกแยะ ระหว่าง หน้าที่การงาน กับครอบครัว ในที่สุด ครอบครัวย่อมสำคัญเสมอ ดูได้สนุกทุกเพศ ทุกวัย และ ใครที่ได้ดูภาคนี้แล้ว ไม่เคยดูภาคแรก ผมว่าเค้าต้องกลับไปหามาดู หรือ ไม่กลับไปหามาดู ผมก็ขอแนะนำให้ไปหามาดูซะครับ


ความคุ้มค่า
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เต็ม 10 ผมให้ 8 คะแนน ครับ ชอบพอควร ครับ


แล้วคราวหน้า เมื่อมีภาพยนตร์เรื่องที่น่าสนใจ “ นัวฟิล์ม “ จะกลับ เช่นเคยครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ เข้ามาอ่านแล้ว โพสท์เข้ามา บอกความคิดเห็นกันบ้างนะครับ ว่า ชอบ หรือไม่ชอบ อย่างไร สวัสดีครับ




"นัวฟิล์ม"