ข่าว > ข่าวหนังทั้งหมด > รีวิวหนังวันวาน

CURSE OF THE GOLDEN FLOWER " ศึกโค่นบัลลังก์วังทอง "

16 พ.ค. 2556 00:00 น. | เปิดอ่าน 1560 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 





สวัสดีครับ เพื่อนที่รัก นักเสพย์ความเอนเตอร์เทนเม้นท์ ผ่านสื่อ อินเตอร์เน็ท กลับมาพบกันอีกครั้งนะครับ เมื่อมีภาพยนตร์ที่น่าสนใจ “ นัวฟิล์ม” ก็จะนำมาวิจารณ์ให้เหล่าเพื่อน ๆ ใน www.nangdee.com ได้อ่านกันนะครับ


วันนี้ นัวฟืล์ม ขอฝืนใจตัวเอง (ปกติไม่ค่อยได้ดูภาพยนตร์จีนน่ะ) พาไป พบกับ ภาพยนตร์จีนที่ถูกกล่าวขวัญมากที่สุดเรื่องหนึ่งในขณะนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้คือ CURSE OF THEGOLDEN FLOWER หรือ ชื่อไทย ที่แสนอื้อฉาว “ ศึกโค่นบัลลังก์วังทอง ”


และในที่สุด ภาพยนตร์อีกเรื่อง ของ สุดยอดผู้กำกับ จาง อี้โหมว หลังจากที่เราประทับไจมาแล้วจาก ฮีโร่ และ เดอะแบ็งเคว็ธ (เรื่อง นี้ผมยังไม่ได้ดู) ส่วนฮีโร่เป็นภาพยนตร์ในใจไปตลอดกาลอีกเรื่องเลยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยที่ผมไม่ได้ชื่นชอบภาพยนตร์จีนเป็นพิเศษครับคือ ดูก็ได้ไม่ได้ดูก็ไม่เป็นไร มาเข้าเรื่องกันดีกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ที่น่าสนใจเพราะว่า นอกจากมีผู้กำกับ ระดับแนวหน้าอย่าง จาง อี้โหมว แล้ว ยังมีดาราจีนระดับฮอลลีวูดมาพบกันถึงสองคน โจว เหวินฟะ และ กง ลี่ บวกกับมีนักร้องหนุ่มขวัญใจสาว ๆ ในประเทศไทยและโดยเฉพาะในออฟฟิศผมอย่าง เจย์ โจว มารับบทบาทการแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วด้วย ยิ่งทำให้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง นี่ยังไม่รวมถึงความอื้อฉาวของภาพโปรโมทภาพยนตร์ที่มีหลาย ๆ คนมองว่า กงลี่ จง ใจขายอึ๋มมากเกินความจำเป็นทำให้รู้สึกว่าภาพยนตร์ดูจะพึ่งพาอาศัยจุดขายอัน นี้เสียมาก ทำให้หลาย ๆ คนสงสัยว่า ภาพยนตร์จะเป็นอย่างไรอาจจะไม่มีอะไรมากไปกว่าการได้ดูเนินอกอิ่ม ๆ ของ กงลี่ ก็เท่านั้น


ทีนี้มาเล่าปูเรื่องราวกันสักนิดภาพยนตร์ เป็นเรื่องราวของปลายราชวงศ์ถัง ในขณะนั้นมี ฮ่องเต้ ( โจว เหวินฟะ ) ที่เชี่ยวชาญการศึกแต่ก็เป็นผู้ที่ลุแก่อำนาจและลุ่มหลงในตัณหาราคะ จึงทำให้ความชั่วร้ายเข้าครอบงำเมื่อ ฮองเฮา ( กงลี่ ) ซึ่งมีราชโอรสที่ซื่อสัตย์ 2 องค์ กับฮ่องเต้ โดยองค์โต ( เจย์ โจว )ได้ ถูกส่งให้ไปเป็นขุนหน้าด่านเมืองที่ชายแดน ด้วยความหวาดระแวงเนื่องจากเกรงว่าหากเวลามาถึงการมอบราชบัลลังก์ให้กับ รัชทายาท เพราะฮ่องเต้ได้ มีโอรสอีกหนึ่งองค์กับภรรยาเก่าที่หายสาบสูญไปที่ได้หมายมั่นว่าจะยกราช บัลลังก์ให้ แต่ด้านรัชทายาทกลับไปมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับฮองเฮาซึ่งเปรียบเสมือน แม่เลี้ยง ทั้ง ๆที่มีความรักอยู่กับนางสนมวังใน บุตรสาวของแพทย์หลวงประจำพระองค์ที่ไว้วางใจของฮ่องเต้ เรื่องราวจึงเกิดการเกี่ยวพันกันอย่างสับสนลึกลับและแยกไม่ออกว่าอะไรเป็น อะไร คงต้องไปชมกันเองนะครับ.


โดยเนื้อเรื่อง ต้องบอกว่ายอกย้อนซ่อนเงื่อนได้ดีพอสมควรแม้จะดูไปแล้วสามารถคาดเดาได้แต่ก็ นั่นแหล่ะครับ ภาพยนตร์ไม่ได้สื่อออกมาในรูปแบบของการให้ค้นหาหรือลึกลับอะไร เพียงแต่จะเฉลยเป็นเปราะ ๆ ไปให้คนดูติดตาม แต่ผมว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ เน้นไปในทาง ความสามารถของเหล่านักแสดงมากกว่า และก็สมใจจริง ๆ ครับ เพราะแต่ละคนสามารถแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม ผมดูไป ๆ แล้วคิดว่า โจว เหวินฟะ เป็นฮ่องเต้ จริง ๆ ไปเลยครับ เล่นได้ดีมาก อีกทั้ง กงลี่ ก็เช่นกัน เธอแสดงความสามารถออกมาได้ดีและดีมากกว่า ของดีที่เธอออกจะตั้งใจโชว์เยอะแยะเลยครับ ส่วน เจย์ โจว นั้นก็ทำได้ดีกว่าที่คิดมากครับ อีกทั้งภาพยนตร์ ของ จาง อี้โหมว นั้น ส่วนใหญ่ก็จะเน้นความอลังการ สุด ๆ ฉากที่วิจิตรและสมจริง รวมถึงรายละเอียดของเครื่องแบบ การแต่งกาย ที่สุดยอดแห่งความสวยงามฉาก ในราชวัง ท้องพระโรง ทุกสิ่งทุกอย่างยอดเยี่ยมอลังการสวยงามอย่างไม่มีที่ติ และที่ยังคงไว้ซึ่งฝีมือการกำกับก็คือ คิวบู๊คิวต่อสู้ ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเช่นเคย การออกแบบท่าทางการต่อสู้รวมถึงรายละเอียดภาพ การตัดต่อ เข้าขั้นสมบูรณ์แบบครับ และที่ผมชอบที่สุด ก็คือ ฉากที่ ฮ่องเต้ ได้ไปเยี่ยมโอรส ที่เป็นขุนศึกหน้าด่าน (เจย์ โจว) แล้ว ฮ่องเต้ทดสอบฝีมือโอรส ด้วยการดึงกระบี่ออกจากฝัก แล้วใช้ปลายกระบี่เกี่ยวกระบี่ขององครักษ์ โยนให้กับโอรส ก่อนต่อสู้กัน มันบ่งบอกให้เห็นถึงความเหนือชั้นความเก่งกาจที่สามารถรับมือการรุกรับ เพลงกระบี่ โดยที่ไม่ต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งเลยและจบด้วยการมีชัยชนะต่อโอรส ด้วยการแทงเข้าที่เกราะป้องกันมือของโอรส ทำให้กระบี่ล่วงหลุดจากมือ แล้วฮ่องเต้ก็เอาปลายกระบี่เกี่ยวกระบี่ที่หล่นยกคืนให้กับ องครักษ์ อีกครั้ง ฉากนี้ถือเป็นฉากที่ผมประทับใจมากที่สุดในเรื่องครับ ลองไปดูกัน แต่ในส่วนอื่น ๆ ของเรื่องก็สมบูรณ์ไปหมดทุกอย่างครับแทบหาที่ติไม่ได้แต่ก็มีที่ติเหมือนกัน ครับ


ที่ผมรู้สึกไม่ค่อยถูกใจก็เห็นจะเป็น เรื่องของ ชื่อภาพยนตร์ที่ ใช้คำว่า “ศึกโค่นบัลลังก์วังทอง” ตอนยังไม่ได้ดูใจผมก็คิดว่าจะต้องมีฉากใหญ่ ๆ แบบการรบทัพจับศึกกันแบบทหารเป็นหมื่น ๆ แสน ๆ ในสนามรบแต่กลับผิดหวังครับเพราะทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องชิงรักหักสวาท อำนาจ และความลุ่มหลงที่เกิดขึ้นในราชวังเพียงเท่านั้น ดังนั้นเมื่อมาเปรียบเทียบกับฮีโร่ซึ่งก็ไม่มีฉากรบใหญ่ ๆ เช่นกัน แต่ผมว่าฮีโร่กลับทำได้ดีกว่าเนื่องจากมีฉากต่อสู้เยอะกว่าและเป็นแบบ เอาท์ดอร์ ( ซึ่งน่าจะลงทุนมากกว่า และ สวยงามกว่ากันเยอะ) ทำให้ ด้วยกว่าเรื่องฮีโร่พอสมควรในด้านนี้แต่ด้านความสวยงามอลังการของฉากของชุด ของฉากการต่อสู้ ยังสุดยอดเหมือนเดิมครับ


ภาพรวม
เป็นภาพยนตร์ที่ผมชอบมากที่สุดอีกเรื่องและต้องเป็นภาพยนตร์บนหิ้งเก็บของผม อีกเรื่องหากแผ่นออกมาครับ ก็แนะนำให้ไปดูกันนะครับ ภาพยนตร์ดี ๆ อย่างนี้ ไม่ได้มีมาให้ดูกันบ่อย ๆ นะครับ อ้อและใครที่คิดจะไปดูความอึ๋มของ กงลี่ ขอบอกเลยว่าก็มีเท่าที่เห็นโปรโมท นั่นแหล่ะครับไม่มีมากไปกว่านั้น แต่ด้วยจำนวนของนางสนมวังในอีกเป็นพัน ๆ คน ก็ทำให้ตาลายไปเหมือนกันครับ อิ อิ ก่อนจะขอบอกว่าชอบครับภาพยนตร์เรื่องนี้ อยากดูอีกรอบครับ

อ้อ ไปดูมาแล้ว ชอบไม่ชอบ หรือ คิดอย่างไร โพสท์ความเห็นมาบอกกันนะครับ


ความคุ้มค่า
ส่วนตัวผมให้ 9 คะแนน เต็ม 10 ครับ

แล้วคราวหน้า เมื่อมีภาพยนตร์เรื่องที่น่าสนใจ “ นัวฟิล์ม “ จะ กลับมาเล่าให้ฟัง เช่นเคยครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ เข้ามาอ่านแล้ว โพสท์เข้ามา บอกความคิดเห็นกันบ้างนะครับ ว่า ชอบ หรือไม่ชอบ อย่างไร หรือ อยากให้ วิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอะไร ก็บอกกันนะครับ สวัสดีครับ




"นัวฟิล์ม"

: ศึกโค่นบัลลังก์วังทอง

 
 
 
ร่วมแสดงความคิดเห็น
 
ชื่อ :
 
ความคิดเห็น :