เตรียมต้อนรับ ภาพยนตร์ ไซไฟ แอ็คชั่นกับภาคที่ 3 วันนี้ "นัวฟิล์ม" ขอนำพาทุกท่านเข้าสู่ ภาพยนตร์ ไซไฟ ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมเป็นอย่างมากกับภาพยนตร์เรื่อง THE TRANSFORMERS “ มหาวิบัติจักรกลสังหารถล่มจักรวาล ” กับการเล่าเรื่องที่สุด ของ สตีเว่น สปีลเบอร์ก จับมือกับ ไมเคิล เบย์ สร้างสรรค์ ความเหนือจินตนาการ ได้สุด ๆ
ตัวภาพยนตร์
เป็นพล็อตเรื่อง ที่ก็ดูไม่ได้แตกต่างอะไรไปมากนักกับ สารพันภาพยนตร์มนุษย์ต่างดาวที่มุ่งข้ามกาแล็กซี่ หรือ แฝงตัวเข้ามาอยู่บนโลกมนุษย์ เพื่อเข้ายึดอำนาจโดยการทำลายล้าง มนุษย์ชาติ แต่เรื่องนี้ แปลกไปตรงที่ เป็นเรื่องของการรบ หรือสงครามระหว่างการยึดอำนาจของ ดวงดาวและมนุษย์ต่างดาวที่ วิวัฒนาการ ตนเองไปได้สูงสุด ด้วยการสามารถ สแกนวัตถุต่าง ๆ แล้ว ทรานสฟอร์ม แปลงรูปร่างให้เป็นไปตามวัตุถุที่ต้องการนั้นได้ โดย มี ศูนย์กลางของ พลังงานทั้งมวล อยู่ในแคปซูล ที่เรียกกันว่า CUBE และเมื่อสงครามถึงขั้นแตกหัก ดวงดาวของพวกเค้าถูกทำลาย CUBE ที่เป็นพลังงานมหาศาล และ ในทางตรงข้าง มันก็เป็น อาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงที่สุดจึงถูกส่งออกไปยังกาแล็กซี่อื่น เพื่อให้พ้นจาก เมกกะตรอน และ พรรคพวก ดาวร้ายของเราที่เฝ้าเพียรพยายามตามหาเจ้า CUBE นี้ เพื่อนำมาเป็นของตนเพื่อเป็นเจ้าแห่งจักรวาล และบังเอิ๊ญ บังเอิญ เจ้า แคปซูล ดันมาตกอยู่บนโลกมนุษย์ และ เมกกะตรอน ก็ติดตาม แคปซูลนี้มา แต่บังเอิญมันตกมายัง มหาสมุทรอาร์คติก จึงถูกความเย็นเยือกแช่แข็งไว้ ก่อนที่ จะมีคนค้นพบมันและทำให้มันมีชีวิตกลับมาอีกครั้ง การตามหา แคปซูล จึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เมกกะตรอน หารู้ไม่ว่า เมื่อมี อะธรรม ย่อมมีฝ่ายธรรมมะ คือ ออพติมัสท์ ไพรม์ และเหล่า AUTOBOT คอยปกป้อง และ รอการทำลาย เมกกะตรอน อยู่เช่นกัน สงครามของ มนุษย์ต่างดาวที่เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด อาวุธที่ถูกพัฒนาจนไม่มีใครสามารถต้านทานได้ จึงถูกนำมาห้ำหั่นกัน บนโลกมนุษย์ โดยมีมนุษย์เป็นเพียง หญ้าแพรก ที่พร้อมจะแหลกลานไปกลางสมรภูมิ แต่ด้วยความที่เป็น มนุษย์ ความมีจิตใจ ทำให้ ฝ่าย ธรรมมะ จึงต้องพึ่งพาอาศัยมนุษย์ตัวเล็ก ๆ คอยช่วยเหลือเช่นกัน ตรงข้ามกับ เมกกะตรอน ต้องการทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อมาซึ่งอำนาจและการครองจักรวาลอย่างเดียว หลังจากที่ผมได้ดูเสร็จออกจากโรงแล้ว ผมถามตัวเองเลยครับว่า ถ้าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นบนโลก เราจะทำกันอย่างไรได้ และ คิดว่า มนุษย์ไม่น่าอยู่รอดได้เกิน 7 วัน ก่อนหน้านี้ ผมได้เห็น ใบปิด และ ตัวอย่างของภาพยนตร์ ผมมี อคติ กับภาพที่เห็นอยู่พอควร หนึ่งคือ หุ่น เป็น ญี่ปุ่นมาก มันเหมือน หุ่น กันดั้ม มาก ๆ และ อีกอย่าง ดูจากตัวอย่างดูภาพมันไม่ค่อยเนียนเท่าที่ควร ยังบอกน้อง ๆ ในออฟฟิส เลยว่า ภาพมันดูตลก ๆ และ ไซส์ของหุ่นมันก็ดูหลอก ๆ ในบางมุม จากรถคันเล็ก ๆ กลับกลายเป็น หุ่นตัวใหญ่ขนาดนั้นได้อย่างไร อันนี้เป็น มุมมอง ก่อนที่จะชมภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เมื่อได้ชมแล้ว ต้องขอบอกว่า มุมมอง มันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงครับ ตัวอย่างที่ผมเห็นนั้น อาจจะหลอกตา และ เป็นภาพในระยะเวลาเพียงสั้น ๆ ที่ได้เห็น มันต่างกับ ภาพยนตร์ที่ผมไปดูมาอย่างสิ้นเชิง เพราะในภาพยนตร์ฉบับเต็ม ๆ ที่ผมดูเสร็จ ออกมาต้องเรียกว่า ต้องเป่าปาก เลยก็ว่าได้ เพราะเหนื่อยกับ ความมันส์ ความลุ้น และ ความเร็ว ๆ ๆ ของ ฉากการต้อสู้ ที่มีมาทุกระยะ หลังจากเปิดเรื่องไปได้ประมาณ สิบกว่านาที จนกระทั่งจบ และนี่คือที่มาในสิ่งที่ผมจะเล่าให้ฟังนะครับว่า ส่วนตัวแล้ว ชอบ หรือ ไม่ชอบอะไร สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้
บทภาพยนตร์
ผมชอบมากครับ ก็อย่างที่บอก พล็อตเรื่องไม่ได้มีอะไรใหม่ แต่การผูกเรื่องโยงปัจจุบันเข้ากับอดีต โดยมีของสิ่งหนึ่งที่เราก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องเป็นสิ่งนี้ และ ก็มาอ๋อกันตอนกลาง ๆ เรื่อง ถือว่า ผูกเรื่องได้ดีครับ อีกสิ่งที่ชอบมากก็คือ หุ่นยนต์ในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัวดีหรือตัวร้าย การ ทรานสฟอร์ม รูปร่าง เลียนแบบสิ่งนั้นสิ่งนี้ เป็นงาน คอมพิวเตอร์กราฟฟิก เรียกว่า ระดับเทพ ได้แล้ว เนียนมากครับเนียนจริง ๆ แบบ จับผิดไม่ได้เลย อาจจะเป็นเพราะ ภาพที่ต่อนข้างรวดเร็ว แอ็คชั่นสุด ๆ และ ฝีมือของคนตัดต่อภาพที่ทำได้อย่างชั้นเซียน และอลังการ มาก ๆ ฉากรบมีค่อนข้างเยอะ แต่ ส่วนใหญ่เป็น ฉากรบระหว่างหุ่นสองพวกซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ในเมืองกลับไม่มี ทหาร หรือกองทัพ มาร่วมด้วยช่วยกันสักเท่าไหร่เลย มีเพียง ตำรวจ และ ทหารเล็กน้อย บวกกับ กลุ่มคนธรรมดาซะเป็นส่วนมาก ทั้งที่จริง ๆ แล้ว หากเป็นเรื่องจริง ขนาดนี้มันต้องขนกันมาเต็มอัตราศึกเลยก็ว่าได้ ภาพของการสู้กันของ หุ่นสองฝ่าย เลยดูเป็น หนังญี่ปุ่นไปจริง ๆ ไม่เหมือนกันกับ ต้นเรื่อง ที่ฐานทัพสหรัฐ ใน การ์ต้า ถูกหุ่นยนตร์โจมตี จนพินาศ ผมถือว่า ฉากนี้เป็นฉากที่ผมชอบที่สุดเลยในทั้งเรื่องที่ดู แต่ก็ต้องบอกว่า โดยรวมถือว่า สมบูรณ์แบบเลยครับ ไม่ว่า แอ็คชั่นของตัวหุ่นยนต์ หรือ รูปร่าง สีสัน และ การ ทรานสฟอร์ม เป็น อย่าง อื่น ทำได้สุด ๆ เลยครับ ต้องยอมรับ
แต่ในสิ่งที่ ไม่ชอบก็พอมีบ้างครับ เช่น นางเอก ตอนเปิดตัว ดูแก่กว่าตอนท้าย ๆ เรื่อง ไม่รู้เป็นเพราะอะไร หรือผมตาฝาดไป และ ดูแก่กว่า พระเอกอยู่โข เพราะเจ้าพระเอกจอมไฮเปอร์ ดูเด็กจริง ๆ แต่อย่างน้อย นางเอกของเราก็หุ่นดีมาก ๆ เซ็กซี่จริง ๆ ครับ และที่ ฮาที่สุดสำหรับผมเห็นจะเป็น ฉากที่ พระเอกของเรา เห็นรถของเค้าแปลงเป็นหุ่นยนต์และกำลังยืนโพสท์ท่าจะสู้กับ หุ่นยนต์ตัวร้าย ซึ่งมีคำพูของเค้าพูดออกมาว่า อย่างนี้มัน ญี่ปุ่นชัด ๆ พวกมันต้องมาจาก ญี่ปุ่น ฮามากเลยครับ แหมยังมีกัดภาพยนตร์ตัวเองแบบเจ็บ ๆ แบบ ดักคอคนดูอยู่ด้วย อีกสิ่งหนึ่งที่อาจจะไม่สามารถเรียกได้ว่าไม่ชอบ แต่เป็นเรื่องที่อาจจะเรียกว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของผมเอง คือ ดูไม่ค่อยทันครับ ฉากสู้แต่ละฉาก เร็วมาก ๆ เก็บรายละเอียดไม่ทันเลย หรืออาจจะเป็นเพราะผมแก่เกินไปกับภาพยนตร์ประเภทนี้เสียแล้ว ก็เป็นได้ แต่ เดี๋ยวคงต้องหาเวลาไปดูอีกรอบ
ดารา
ในส่วนของ ดารา ก็ต้องบอกล่ะครับ ว่า ก็ไม่ได้ดึงดูดอะไรมากนัก แต่ก็เล่นกันได้ดีครับ เพราะ ดาราจริง ๆ จะเป็น พวก หุ่นจักรกล ซะมากกว่า และ ในส่วนของผู้กำกับ ไมเคิล เบย์ ก็ไม่ต้องพูดถึงอยู่แล้ว ไม่ วินาศสันตโร ไม่ใช่เค้าแน่ครับ
ภาพรวม
เป็นภาพยนตร์ที่ดูเอาความมันส์ ที่สุดเรื่องนึงเลยครับ บวกกัน จินตนาการที่เหนือจินตนาการ อย่าง สปีลเบิร์ก และ ไมเคิล เบย์ ย่อมรับประกันได้ในความ สมบุรณ์แบบในเรื่องของความสนุก ความมันส์ สปีลเบิร์ก อาจจะ เป๋ ไปบ้างกับ วอร์ ออฟ เดอะ เวิร์ลด แต่เรื่องนี้ต้องถือว่า คนอย่าง พ่อมด สปีลเบิร์ก ไม่ได้ทำให้ผิดหวังซ้ำสองเลยครับ ถือเป็นภาพยนตร์สุดมันส์ และสนุก สุดเหนื่อย และ คุ้มค่า คุ้มราคาค่าตั๋วเป็นอย่างยิ่ง แนะนำให้ไปดู ในโรงภาพยนตร์ก่อนนะครับ เพราะ อรรถรสของภาพและเสียง กับภาพยนตร์ยิ่งใหญ่แบบนี้ ต้องดูในโรงภาพยนตร์เท่านั้น ส่วนหากออกเป็น ดีวีดี เมื่อไหร่ ผมคงไม่ลังเลที่จะนำมาเป็นภาพยนตร์ขึ้นหิ้งของผมอีกเรื่อง
ความคุ้มค่า
ความคุ้มค่า และ ความชอบส่วนตัวผมก็ยังอยากให้ 10 เต็ม เหมือน ดายฮาร์ด ( แต่ ดายฮาร์ด ผมก็ให้ 9.8 ) เหมือนกัน แต่เรื่องของ มุมมอง มันก็ต่างคนต่างมุมน่ะนะครับ ว่ากันไม่ได้ คะแนนที่ให้เนี่ย ผมให้ตามความชอบส่วนตัวนะครับ ก็ขอให้ 9.8 คะแนน เต็ม 10 เท่ากันกับ ดายฮาร์ด ครับ ( ที่เกริ่นกล่าวถึง ดายฮาร์ด เพราะ มักมีคนถามว่า สองเรื่องนี้ ชอบเรื่องไหนมากกว่ากัน)
แล้วคราวหน้า เมื่อมีภาพยนตร์เรื่องที่น่าสนใจ “ นัวฟิล์ม” จะกลับมาเล่าให้ฟัง เช่นเคยครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ เข้ามาอ่านแล้ว โพสท์เข้ามา บอกความคิดเห็นกันบ้างนะครับ ว่า ชอบ หรือไม่ชอบ อย่างไร หรือ อยากให้ วิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอะไร ก็บอกกันนะครับ สวัสดีครับ
"นัวฟิล์ม"