ข่าว > ข่าวหนังทั้งหมด > รีวิวหนังวันวาน

28 WEEKS LATER ( มหาภัยเชื้อนรกถล่มเมือง )

11 เม.ย. 2556 00:00 น. | เปิดอ่าน 1533 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 





สวัสดีครับ เพื่อนที่รัก นักเสพย์ความเอนเตอร์เทนเม้นท์ ผ่านสื่อ อินเตอร์เน็ท กลับมาพบกันอีกครั้งนะครับ เมื่อมีภาพยนตร์เก่าๆที่น่าสนใจ “ นัวฟิล์ม ” ก็จะนำมาวิจารณ์ให้เหล่าเพื่อน ๆ ใน "Nangdee.com" ได้อ่านกันนะครับ


และแล้ว ก็มาถึงวันนี้ วันที่ “ นัวฟิล์ม ” รอคอย การกลับมาของเชื้อนรกมหาวินาศ ที่มากระตุก ความสยอง สพรึง ความหวาดผวาทุกต่อมทุกอณู ของ จิตใต้สำนึก ของทุกคนที่ได้ชม โอ้โห อะไรจะขนาดนั้น ก็ไปชมกันครับ


ใครที่ได้ชมไปแล้วสำหรับ ภาพยนตร์แนวสยองขวัญ ที่ทำออกมาได้แหวกแนว และ ได้รับการชื่นชมอย่างมาก พร้อมกวาดรายได้ไปพอสมควร จาก ภาคแรกกับ 28 DAYS LATER มาคราวนี้มันกลับมาอีกครั้ง กับความสยองที่รอคุณไปวัดหัวจิตหัวใจ กับ 28 WEEKS LATER ( มหาภัยเชื้อนรกถล่มเมือง )ไปกันเลย




เนื้อเรื่อง
ทีนี้มาเล่าปูเรื่องราวกันก่อน เพื่อเป็นการเร่งเร้าอารมณ์กัน หลังจาก ภาคแรกที่เชื้อเริ่มระบาด ใน มหานครลอนดอน 28 วันหลังจากนั้น มหานครลอนดอน ก็กลายเป็นเมืองร้างอย่างสิ้นเชิง ทุกคนที่เหลืออยู่ จำต้องหลบลี้หนีกันอย่างสุดชีวิต และต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ กันอย่างสุดขีด เพื่อให้พ้นจาก เหล่าผู้ติดเชื้อ ทีนี้ กาลต่อเนื่อง มาถึงภาคสอง 28 WEEKS LATER ( มหาภัยเชื้อนรกถล่มเมือง ) กองทัพนาโต้ เข้ายึดและเคลียร์พื้นที่ เนื่องจาก ผู้ติดเชื้อตาย เนื่องจากขาดอาหาร และ 20 สัปดาห์ให้หลัง มหานครลอนดอนจึงถูก ฟื้นฟูสภาพให้กลับมาอยู่ในสภาพปกติ ผู้คนหนึ่งหมื่นคนแรก ได้รับการให้เดินทางกลับมาอยู่ แต่ก็เป็นเพียงเขตกักกันปลอดเชื้อ บริเวณเกาะกลางแม่น้ำที่เรียกกันว่า กรีนโซน แต่ไม่มีใครทราบมาก่อนว่า จะมีเด็กสองคนถูกอพยพกลับมาด้วย และ นั่นคือที่มาของ 28 WEEKS LATER 28 สัปดาห์ให้หลัง เหตุการณ์ที่ ทุกคนคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น กลับกลายเป็น มหาวิบัติครั้งใหม่ที่ไม่มีใครคาดถึง ไม่มีใครอยากให้เกิด และ ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งมันได้อีกต่อไป

ผมอยากเล่าความเป็นมามากกว่านี้ แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะ อยากให้ท่านที่ยังไม่ได้ไปชม ไปชมกันเอง หรือ ไปชมกันเสียก่อน เนื่องจาก อรรถรสของภาพยนตร์เรื่องนี้อาจลดถอยลงไป หาก ท่าน ๆ ได้ทราบเนื้อเรื่องเสียก่อน ดังนั้นเสียใจด้วยครับ แม้ว่าผมอยากจะเล่าให้ฟังเพียงใด

ภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้จะเป็นภาคต่อ แต่จะต่อเพียงเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องมาจากภาคแรกเท่านั้น ตัวละครไม่ได้ซ้ำจากภาคที่แล้วแต่อย่างใด กลับเป็นเหตุการณ์ อีกเหตุการณ์ที่จับเอาออกมาเล่าเรื่อง และ สามารถเล่าได้ดีอีกด้วย ครั้งแรกหากคุณได้ชม จะรู้สึกถึงความอึดอัดในซีนแรกของเรื่อง (เล่าสักนิดนะไม่น่าว่ากัน) ที่เหล่าตัวละคร แออัดหลบซ่อนกันอยู่ในบ้านที่ทึมทึบแหล่งหนึ่ง ในย่านชานเมืองลอนดอน แต่หลังจากนั้น ท่านจะได้ปลดปล่อยอารมณ์ หลุดจากความอึดอัดนั้น ออกไปสู่ความ ลุ้นระทึกทันที อย่างปัจจุบันทันด่วน ซึ่ง ลากกระชากอารมณ์อย่างสุด ๆ ซึ่งผมถือว่า โอ้โห มันเล่นกันแต่แรกเลยหรือนี่ แล้วเรื่อง ก็ดำเนิน ขึ้น ๆ ลง ๆ ระหว่าง ภาคสงบ กับภาคแห่งการ ไล่ล่าสุดลุ้น ไปตลอดเรื่อง แต่รับประกันว่า คุณจะได้อรรถรสอย่างเต็มที่ชนิดที่ว่าไปแล้ว ดูภาพยนตร์จะสั้นไปเลยครับ เนื่องจากมีเวลาให้พัก น้อยกว่าเวลาถูกล่านั่นเอง คุณจะเสมือนอยู่ในเหตุการณ์ ที่ร่วมหนีการไล่ล่า จากเล่าผู้ติดเชื้ออย่าง ระทึก เอาเป็นว่า ดูจนจบแล้วเหนื่อยครับ



ดารา
ดาราที่แสดงเรื่องนี้ ที่คุ้นหน้าคุ้นตาก็คงจะเป็นตัวเอกของเรื่อง คือ พ่อ โรเบิร์ต คาร์ไลล์ (Robert Carlyle ) ที่เคยโด่งดังมาจาก ภาพยนตร์เรื่อง THE FULL MONTY “ ผู้ชายจ้ำเบ๊อะ “ ภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมอีกเรื่องถ้าใครไม่ได้ดูไปหามาดูซะ ที่แสดงได้ดีอยู่แล้ว และเป็นชนวนสำคัญของเรื่องเลยทีเดียว


การกำกับมีสองส่วน คือการกำกับการแสดง กับการกำกับภาพ


การกำกับการแสดง
ทำได้ดีครับ ดีจริง ๆ เพราะตลอดเรื่อง สามารถคุมโทนของภาพยนตร์การแสดงของนักแสดงได้ดีมาก ๆ สามารถทำให้เรา ดูไปแล้ว อึดอัด บีบหัวใจ และ ลุ้นตลอดเวลา พอดูจบรู้สึกเหนื่อยเลยครับ แต่ละฉากตอน สามารถทำได้ต่อเนื่อง ราบรื่น คุมจังหวะการดำเนินเรื่องได้ดี จะมี ฉากไล่ล่า ตื่นเต้น สลับกับการพักช่วงเหนื่อย ได้อย่างเหมาะเจาะ ดูไม่น่าเบื่อ และ ไม่บีบหัวใจคนดูเกินไปครับ



การกำกับภาพ
ถือว่ายอดเยี่ยมกระเทียมเจียว ไม่ว่าจะเป็นการกำกับภาพในส่วนที่ถ่ายจริง หรือ ส่วนที่เป็น กราฟฟิก ภาพที่ถ่ายจริงจะใช้แบบที่เรียกกันว่า แฮนด์เฮล หรือ ถือกล้องด้วยมือแล้วเคลื่อนตามเหตุการณ์ ใช้กล้องแทนสายตาคนในเหตุการณ์ อันนี้มันจะให้อารมณ์แบบ เหมือนเราเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ต่าง ๆ หรือ เป็นตัวละครในเรื่อง ทำให้เราเชื่อในภาพที่เห็นมากขึ้น และ ประโยชน์อีกอย่างก็คือ ทำให้ไม่เห็นสิ่งที่ต้องการจะไม่ให้เห็น อาทิ ฉากที่โหดเกินไป หรือ ฉากที่ไม่ต้องการให้เนี๊ยบเนียนมาก เพราะมันจะผ่านไปเร็ว และมันสร้าง อารมณ์ร่วมได้ดีเป็นอย่างยิ่งครับ แต่ข้อเสียของมันก็มีคือ ภาพจะเร็ว ดูมาก ๆ แล้วจะมึนเอา อ้อ พูดถึง ภาพที่ไม่ต้องการให้เห็น ผมก็ไปสืบทราบมาได้ ว่า ภาพยนตร์ถูกตันทอนไปบางส่วนก่อนถูกเซ็นเซอร์ครับ เพราะเค้ากลัวไม่ผ่าน แต่ไม่ต้องตกใจ นิดเดียว นิดเดียวจริง ๆ เอาไว้เป็นปริศนาก่อนนะ พอภาพยนตร์ออกโรง หรือ ไปดูกันมาหมดแล้ว อสูรชาดจะมาเฉลย ให้ ไม่เสียอรรถรสหรอกครับ เพียงแต่มันดูโหดไปนิด


กราฟฟิก
ในส่วนที่เป็นภาพ กราฟฟิก งานโพรดัคชั่นดูอลังการกว่าภาคแรกมาก ไม่ว่าจะเป็นฉากเมือง ฉากความรกร้างว่างเปล่า หรือ แม้ขนาดที่เอา สนามฟุตบอลเวมบลี แห่งใหม่มาเป็นฉากสนามร้าง ว่ากันถึงขนาดนั้น ทำได้ดี ฉากกวาดล้างถล่มเมือง ถือว่าทำได้เนี๊ยบ สวยงาม และ สมจริงมากครับ



สรุป
เมื่อผมได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบลง สิ่งแรกที่ได้ออกจากโรงคือ โล่งใจ หายเหนื่อย และความสนุกอย่างมาก แต่สิ่งที่ตามมา คือ ความคิดที่สะดุดใจ ที่เห็นจากภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ ถ้ามองให้ดี ๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้ สอนเราในหลาย ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ความโหดร้าย ของมนุษย์เอง และ ความโหดร้ายของ ธรรมชาติที่สร้างเชื้อนี้ขึ้นมา ความที่มนุษย์เมื่อยามสิ้นไร้หนทางเอาชีวิตรอด มันมักจะมีให้เห็น ด้านมืดของมนุษย์ อีกทั้ง สมมติ ว่า เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจริง ผมว่าไม่มีทางที่มนุษย์จะเอาชนะมันได้เลย และ โล่งใจที่มันไม่เกิดขึ้นจริงในชีวิต แต่อนาคตผมว่าก็ไม่แน่นะครับ อีกอย่าง คนที่ติดเชื้อไล่ล่าคนอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย อีกทั้งยังวิ่งเร็วมาก ผมว่าเป็นเราก็คือ เหยื่อตายก่อนที่จะถูกมันกัดซะอีก แต่อีกส่วนก็จะเห็นว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำร้ายจิตใจคนดูพอควรครับ เพราะ คนทำดีได้ดีมีที่ไหน ไปดูเอาก็แล้วกัน อีกทั้ง เรื่องนี้ยังนำเสนอให้เห็นถึง การฆ่ากัน ระหว่าง ผัวฆ่าเมีย เมียฆ่าผัว พ่อฆ่าลูก ลูกฆ่าพ่อ คนต้องฆ่ากันเอง เมื่อสถานการณ์คับขัน ดูแล้วสลดหดหู่เหมือนกันครับ ขออย่าให้มีจริงเลยก็แล้วกัน มีอีกส่วนที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ก็คือ แหม ก็รู้อยู่ว่าเชื้อมันระบาดร้ายแรงขนาดไหน การควบคุมของทางทหารดูจะหละหลวมไปหน่อย เอาง่าย ๆ ทหารน้อยเหลือเกินในเรื่องนี้ ยุทโธปกรณ์ ก็น้อยเกินไป ดูแล้วขัด ๆ พิกลครับ แค่นี้ล่ะครับที่ไม่ชอบ อื่น ๆ ถือว่า โอเค๊ โอเค


ภาพรวม
เป็น ภาพยนตร์ที่ผมชอบมากที่สุด และ รอคอยภาคนี้มากที่สุดเช่นกัน และ คงต้องเป็นภาพยนตร์บนหิ้งเก็บของผมอีกเรื่องหากแผ่นออกมาครับ แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่า ไปดูมาแล้วสองรอบ ก็สมกับการรอคอยครับ แม้ภาพยนตร์จะดู ตลาด มากขึ้นก็ตาม อีกอย่าง หนังก็มีทิ้งท้ายไว้เล่น ๆ เหมือนเดิม ถ้ามี 28 MONTHS LATER ผมก็จะไม่แปลกใจเลย และ จะไปดูอีกแน่นอนครับ ชอบ ๆ อิ อิ อิ


ใครไปดูมาแล้ว ชอบไม่ชอบ หรือ คิดอย่างไร โพสท์ความเห็นมาบอกกันนะครับ


ความคุ้มค่า
ส่วนตัวผมเรื่องนี้ ผมขอ ให้ 9.5 คะแนน เต็ม 10 ครับ


แล้วคราวหน้า เมื่อมีภาพยนตร์เรื่องที่น่าสนใจ “ นัวฟิล์ม ” จะกลับมาเล่าให้ฟัง เช่นเคยครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ เข้ามาอ่านแล้ว โพสท์เข้ามา บอกความคิดเห็นกันบ้างนะครับ ว่า ชอบ หรือไม่ชอบ อย่างไร หรือ อยากให้ วิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอะไร ก็บอกกันนะครับ สวัสดีครับ



"นัวฟิล์ม "

: หรินทร์ , มหาภัยเชื้อนรกถล่มเมือง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ดิม Tattoo Colour ฉีกคาแรคเตอร์ เป็นหนุ่มซื่อ ใน รักเราเขย่าขวัญ
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :