ในช่วงนี้บุคคลในวงการบันเทิงที่ถูกถามไถ่กันมากว่า “เขาเป็นใคร?” ถึงได้หาญกล้าลุกขึ้น สร้างและกำกับภาพยนตร์อัตตะชีวประวัติของ สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี พระอริยะสงฆ์ที่มหาชนให้ความเคารพศรัทธามากที่สุดในประเทศไทย สืบประวัติ สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ พบว่า คลุกคลีวงการบันเทิงมานานหลายสิบปี ประสบการณ์เพียบ เคยทำสารคดีเกี่ยวกับ วัด พระ มามากมาย พร้อมศรัทธาสูงส่งต่อ สมเด็จโตฯ เป็นความใฝ่ฝันกว่า 30ปี กว่าจะได้สร้างและกำกับสมใจ
ชื่อจริง/นามสกุล สมเกียรติ เรือนประภัสสร์
เกิดวันที่ 24 เมษายน 2502
ครอบครัว เป็นลูกชายคนโต จากทั้งหมด 6คน
ภูมิลำเนา เกิดที่ ตำบลมหาชัย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร
ครอบครัวปัจจุบัน สมรสกับ คุณสุพัทชฏา พ่วงพันธ์ มีบุตรชายด้วยกัน 1คนชื่อ น้องไมตี้
ปัจจุบัน CEO บริษัท อกาลิโก เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด
เป็นนายกสมาคมส่งเสริมภาพยนตร์และโทรทัศน์เอเชีย- แปซิฟิคประเทศไทย
สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ เริ่มต้นชีวิตในวงการบันเทิง ด้วยการไปช่วยงานรุ่นพี่ที่นับถือคือ คุณอำนวย รุ่งเรือง ซึ่งในขณะนั้นรับหน้าที่ ธุรกิจกองถ่าย ให้กับพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอนุสรณ์มงคลการ และ หม่อมเจ้า ชาตรีเฉลิม ยุคล (ต่อมา คุณอำนวย รุ่งเรือง รับตำแหน่ง บรรณาธิการบริหารนิตยสาร ดาราภาพยนตร์ ปัจจุบันเป็น อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย) ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้เรียนรู้เกี่ยววงการภาพยนตร์ไทย
จากชีวิตในกองถ่ายภาพยนตร์ เริ่มเข้าสู่แวดวง นักข่าว เมื่อได้รับการชักชวนจาก คุณสมชาย ฤกษ์ดี นักหนังสือพิมพ์ชื่อดัง เจ้าของ ฉายา “กระเบนธง” และ “เบิ้ม บางเบิด” ให้ไปฝึกงานเป็น นักข่าว อยู่ที่หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์
โดยมีผู้ที่เปรียบเสมือน ครู ที่สอนวิชาการเป็นนักข่าวให้คือ คุณสมชาย ฤกษ์ดี, คุณนายเชลง กัทลีรดะพันธุ์ (เจ้าของนามปากกา เรือใบปู๊นปู๊น) อดีตนายกสมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย 2 สมัย และ คุณสุวัฒน์ วรดิลก(นักเขียนชื่อดังนามปากกา “รพีพร”) ซึ่งล้วนเป็นนักข่าว คอลัมนิสต์ นักเขียนชื่อดัง ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในยุคนั้น โดย สมเกียรติ รับหน้าที่ทั้ง ถ่ายภาพ เขียนข่าว ทั้ง ข่าวหน้า1,หน้า4 และ หน้าสตรี ที่ทำให้เจ้าตัวได้เรียนรู้วิชาการสื่อมวลชนอย่างหลากหลาย ทั้งจากประสบการณ์ตรง และจากวิธี ครูพักลักจำ
สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ ได้เรียนรู้ชีวิตและอาชีพ “นักข่าว” โดยย้ายไปทำที่หนังสือพิมพ์ต่างๆอีกหลายฉบับ คือ นสพ.มหาชัย,นสพ.พิมพ์ไทย,นสพ.ชาวไทย และ นสพ.ไท ที่เจ้าของเป็นชาวจีน (เจ้าของ นสพ.จีนชื่อ ตงฮั้ว) ที่ล้วนเป็นหนังสือพิมพ์แถวหน้าในขณะนั้น
ชีวิตในช่วงนี้ สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ ได้สะสมวิชา การถ่ายภาพ การเป็น นักข่าว ที่ต้อง หาข้อมูล เขียนข่าว เขียนบทความ จนทำให้มีความสามารถในการเขียนข่าว และ ถ่ายภาพในระดับ มืออาชีพ
จากนั้น สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ จึงเริ่มหันมาทำธุรกิจของตนเองในการ ซื้อขายภาพยนตร์ จนได้รู้จักกับผู้ใหญ่ในวงการภาพยนตร์และได้ร่วมงานกันหลายท่าน อาทิ กำนันนั้ม นครปฐม (นายวีรศักดิ์ จุลนิพิฏฐ์วงค์) ผู้สร้างภาพยนตร์ชื่อดังในอดีต, คุณไพจิตร ศุภวารี ผู้สร้างภาพยนตร์ชื่อดัง ทำให้ได้เรียนรู้ถึงธุรกิจภาพยนตร์อย่างจริงจัง อันเป็นแรงบันดาลใจให้หันมายึดเป็นอาชีพมาจนถึงปัจจุบัน
ต่อมา สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ ได้เริ่มทำธุรกิจ ซื้อภาพยนตร์ไทยไปทำเป็นวีซีดี,ดีวีดี เขาเป็นคนแรกที่นำเอา ตลก ไปทำเป็นม้วนวิดีโอ VSH ให้กับบริษัท เอสทีวิดีโอ สร้างความสำเร็จให้กับ เอสทีวิดีโอ อย่างเกรียวกราว ต่อมาจึงเกิดการพัฒนาการมาลงแผ่น วีซีดี และดีวีดี กลายเป็นความนิยมมาจนถึงปัจจุบันระหว่างนั้น
จากประสบการณ์และความสำเร็จที่เกิดขึ้น สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ ได้รับการยอมรับในวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงนี้เขามีส่วนอย่างมากในการผลักดันในการจัดตั้ง สมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ เป็นครั้งแรก โดยให้การสนับสนุน คุณไพจิตร ศุภวารี ให้ขึ้นเป็น นายกสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ เป็นท่านแรก
ต่อมา สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ ก็สร้างความฮือฮาให้กับวงการภาพยนตร์อีกครั้ง เมื่อเขาลุกขึ้นเป็น ผู้อำนวยการสร้าง สร้างภาพยนตร์เอง โดยนำเอา พระนางคู่ขวัญในยุคนั้นมานำแสดง และไปถ่ายทำถึงประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ ถึง 2 เรื่องในเวลาเดียวกัน เรียกความสนใจจากสื่อมวลชน และมหาชนได้อย่างคึกโครม
ได้แก่ภาพยนตร์เรื่อง “เพียงเรามีเรา” (สันติสุข พรหมศิริ,จินตหรา สุขพัฒน์ นำแสดง)“อยากบอกให้รู้ว่ารัก” (บิลลี่ โอแกน-สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ นำแสดง) ทั้งสองเรื่องนี้ได้ผู้กำกับมือทอง มจ.ทิพยฉัตร ฉัตรไชย กำกับภาพยนตร์ กล่าวได้ว่า ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่อง ประสพความสำเร็จอย่างงดงาม ได้ทั้งเงินและกล่อง และต่อมาคือ “หยุดไม่ได้ถ้าหัวใจอยากจะซิ่ง” (นำแสดงโดย พีท ทองเจือ, ยูยี่ – อลิสา อินทุสมิต นำแสดง)
ต่อมา สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ ร่วมกับคุณปื๊ด – กิตติ อัครเศรณี ทำละครโทรทัศน์ให้กับช่อง 7 สี ในนาม บริษัท อัครเอ็นเตอร์เทนเม็นท์ จำกัด โดยทำหน้าที่บริหารกิจการและนำพาค่ายอัครฯ นับเป็นช่วงเวลาที่ได้เรียนรู้วิชาการบริหารบริษัทบันเทิงเต็มตัว
กล่าวได้ว่าในช่วงที่ สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ บริหารบริษัท อัครฯ นั้น อัคร เอ็นเตอร์เทนเม็นท์ได้ก้าวสู่ยุคทอง สามารถผลิตละครโทรทัศน์ให้กับช่อง 7 สีในช่วงเวลาหนึ่งปีกว่าๆ ถึง 18 เรื่องละครโทรทัศน์ที่ผลิตให้กับช่อง 7 สี เรื่องแรกคือเรื่อง “สะใภ้ปฏิวัติ” เป็นละครก่อนข่าวภาคค่ำ และเป็นละครเรื่องแรกที่ช่อง 7 สี นำมาเปิดเวลา 18.30 น. - 19.30น. จนเป็นเวลาละครฮิตมาจนถึงวันนี้
จากละครก่อนข่าวก้าวขึ้นสู่ละครหลังข่าวภาคค่ำ 20.30น. อัครฯ ได้ผลิต ละครอีกหลายเรื่อง และเรื่องแรกที่สามารถทำรายสถิติผู้ชมเป็นที่หนึ่ง 4 สัปดาห์ซ้อน คือเรื่อง “ลูกสาวกำนัน” เวลานั้นทำเรตติ้งสูงสุด 26 ตลอดระยะเวลา 4 สัปดาห์ กลายเป็นปรากฏการณ์ของช่อง7 สีที่ต้องบันทึกเอาไว้ตลอดกาล
การเข้าสู่วงการละครโทรทัศน์ครั้งนั้น สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ ยังได้สร้างนักแสดงหน้าใหม่เข้าสู่วงการอีกจำนวนมาก อาทิ “ตั๊ก – บงกช คงมาลัย, โบว์ ปรายฟ้า สิริวิชา”ฯลฯ เป็นต้น ในช่วงเวลาปีกว่าๆ สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ ผลิตละครให้กับ ช่อง7 ร่วม18เรื่อง ในนามของ บริษัท อัครเอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด
หลังจากเลิกราวงการละครโทรทัศน์ สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ ได้รับการว่าจ้างจาก บริษัท จีเอ็ม ดิสคัฟเวอร์รี่ จำกัด ให้ทำสารคดีพุทธศาสนา เพื่อจำหน่ายในรูปแบบวีซีดี,ดีวีดี หลายร้อยเรื่อง และทุกเรื่องนั้นประสบความสำเร็จ ทำยอดขายเกรียวกราวทุกชุด อาทิ อมตะพระเครื่องเมืองสยาม,อมตะพระอริยะสงฆ์, อมตะวาจาคำเทศนาพระอริยะสงฆ์,พระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมือง ฯลฯ ชีวิตในช่วงนี้เองที่ทำให้ สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ ได้มีโอกาสศึกษาข้อมูลเกี่ยว พุทธศาสนา เกี่ยวกับ วัดไทย สถานที่ทางศาสนา เรื่องราวชีวประวัติของ พระอริยะสงฆ์ ทุกองค์
นอกจากนั้น สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ ยังได้สานต่อนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ด้วยการนำเอาโครงการ UNSEEN THAILAND มาจัดทำเป็นดีวีดี โดยเขาและทีมงานเพียงไม่กี่คน ได้เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยว UNSEEN THAILAND ทุกที่ที่ปรากฏให้หนังสือของกระทรวงการท่องเที่ยวจัดทำไว้ เพื่อถ่ายทำสารคดี โดยเขารับหน้าที่ควบคุมการผลิตเองทั้งหมด ทั้งเขียนบทเอง ถ่ายภาพเอง กำกับเองเสร็จสรรพ และเป็นสารคดีท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากมหาชนอย่างมากมาย
สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ ใช้เวลาในการเดินทางกว่า 7 ปี ไปตามสถานที่ต่างๆ โบราณสถานต่างๆ ทั่วประเทศไทย เพื่อถ่ายทำสารคดี พระพุทธศาสนา,พระสงฆ์,วัดต่างๆ และสารคดีเกี่ยวกับสถานทีท่องเที่ยวมากมายของประเทศไทย นั่นทำให้เขากลายเป็นผู้มีความรู้ทางด้าน พระพุทธศาสนา,พระ,วัดวาอาราม และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มีความรู้ในแบบ รู้ลึกรู้จริง และผลงานต่างๆของเขาทั้งหมดทั้งมวล ยังสามารถหาดูได้ในปัจจุบัน
ในฐานะผู้บริหารร่วมกับ คุณปิ๊ด – กิติ อัครเศรณี ทำให้ สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ ได้มีโอกาสนำเอาประสบการณ์ต่างๆที่ได้เรียนรู้มา นำมาปรับใช้และศึกษาเรียนรู้วิชาเพิ่มเติมอย่างจริงจังในทุกองค์ประกอบของงานบันเทิง ตั้งแต่การทำหน้าที่ โพรดิวเซอร์, การรีเสิร์ชข้อมูล,การพิจารณาเรื่องและบท,วางตัวแสดง,จัดวางทีมงาน,เป็นที่ปรึกษาในทุกองค์ประกอบสำคัญของงานทั้ง งานกำกับภาพ,ลำดับภาพ,ทำเพลงและดนตรีประกอบ,แต่งหน้าทำผม,เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ฯลฯ ทำให้ได้ความรู้อย่างครบเครื่อง
ต่อมา สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ กับภริยาคือ คุณสุพัทชฏา พ่วงพันธ์ ได้ออกจากค่ายอัครเอ็นเตอร์เทนเมนท์ มาเปิดบริษัทของตนเองในชื่อ บริษัท อกาลิโก เอ็นเตอร์เทนเม็นท์ จำกัด ประกอบธุรกิจซื้อขายภาพยนตร์ เคยซื้อภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง “พระพิฆเณศมหาเทพแห่งปัญญา” มาฉายในบ้านเรา ประสบความสำเร็จเกรียวกราวเกินคาด
ล่าสุด สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ ได้ร่วมกับ พันเอกศักดิ์สุธี และ คุณจรัลรัตน์ คงพ่วงพันธ์ และ คุณสุพัทชฏา พ่วงพันธ์ สร้างภาพยนตร์สนองคุณแผ่นดินเรื่อง“ขรัวโต อมตะเถระกรุงรัตนโกสินทร์” โดยได้รับการอุปถัมภ์ จาก เจ้าประคุณ สมเด็จพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณโน) อดีตประธานกรรมการมหาเถรสมาคม, อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่ สมเด็จพระสังฆราช โดยท่านรับหน้าที่ประธานคณะกรรมการฝ่ายสงฆ์ โครงการสร้างภาพยนตร์สนองคุณแผ่นดิน อันเป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่ท่านจะมรณภาพเพียงไม่กี่วัน
สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ ประกาศชัดเจนว่าภาพยนตร์เรื่อง “ขรัวโต อมตะเถระกรุงรัตนโกสินทร์” สร้างเพื่อเป็นภาพยนตร์สนองคุณแผ่นดิน ตั้งใจฝากผลงานนี้ไว้เป็นมรดกของแผ่นดิน ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้รับเกียรติให้เปิดฉายรอบกาล่าพรีเมียร์ ในงาน เทศกาลประกวดภาพยนตร์นานาชาติ เอเชีย - แปซิฟิค ครั้งที่57 ที่จะจัดขึ้น ณ กรุงเทพมหานคร และจะออกฉายอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558 จึงขอเชิญชวนมหาชนชาวไทยร่วมรับรู้ถึงอัตตชีวะประวัติของ เจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ ( โต) พรหมรังสี หรือ “ขรัวโต” เพื่อร่วมสัมผัสถึง ความรัก เมตตา บารมี ของเจ้าประคุณ ทั่วแผ่นดินสยามโดยพร้อมเพรียงกัน
ขรัวโต อมตะเถระกรุงรัตนโกสินทร์ ภาพยนตร์สนองคุณแผ่นดิน ที่ปรึกษาภาพยนตร์ฝ่ายสงฆ์โดย สมเด็จพุฒาจารย์ เกี่ยว อุปเสณโณ ซึ่งเป็นภารกิจสุดท้าย ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ที่ปรึกษาฝ่ายฆราวาสโดย อ.ฉลวย ศรีรัตนา ผลงานสร้าง – บริษัท อกาลิโก เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด อำนวยการสร้าง – พันเอกศักดิ์สุธี – คุณจรัลรัตน์ คงพ่วงพันธ์, คุณสุพัทชฏา พ่วงพันธ์ กำกับภาพยนตร์ – สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ บทภาพยนตร์โดย ศัลยา รับบท สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี แต่ละช่วงวัย โดย เศรษฐา ศิระฉายา (ขรัวโต วัยชรา), น้ำแข็ง – ปรัชญา ประทุมเดช (ขรัวโต วัยหนุ่ม), น้องเพลง – เจษฏาพร ชมศรี (ขรัวโต วัยรุ่น) และ น้องเพชร - ด.ช.ชัยธวัฒน์ เนื่องจำนงค์ (ขรัวโต วัยเด็ก) อีกทั้งนักแสดงชื่อดังคับคั่ง อาทิ ชุมพร เทพพิทักษ์,โกวิท วัฒนกุล,โสธร รุ่งเรือง, รุจิเรข พักตระเกษตริน,จีระศักดิ์ แสงโชติ,ธนายง ว่องตระกูล,รัญ เมืองลพ, สรนันท์ ร.เอกวัฒน์ ฯลฯ และ เอิร์ท AF9 – บารมี ชำนาญกิจ
ขอแนะนำ นักแสดงหน้าใหม่ ญาธิป ชุติกาญจน์, วิภาวี เวชวงศ์วาน,รัฐธีร์ วรโรจน์โยธิน,ปกรณ์ เจตน์วิทยาชาญ,กวีวัฒน์ คานน์, กาญจณี ดอกไม้ขาว,คณาธิป เปียงใจ,การะเกด แสงไกร,ทรรศนันทน์ ปุณณวรรธน์,ธนากร พันกาแด และนักแสดงอีกคับคั่ง
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเกียรติให้ฉายเปิดงาน เทศกาลภาพยนตร์เอเชียแปซิฟิค ครั้งที่57 ที่จะจัดขึ้นระหกว่างวันที่ 5-6-7 กุมภาพันธ์ 2558 และฉายจริง วันที่26 กุมภาพันธ์ 2558 ความรัก เมตตา บารมี จะแผ่พลังศรัทธาพร้อมกันทั่วแผ่นดินสยาม