สวัสดีครับ มาเจอกันอีกแล้วครับกับ “นัวฟิล์ม” วันนี้จะมาแนะนำภาพยนตร์แนวผจญภัยแฟนตาซีฟอร์มยักษ์ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว ที่ผมได้รีวิวเอาไว้นั้นก็คือเรื่อง Hobbit ทิ่อีกไม่กี่วันเราก็จะได้ไปชมบทสรุปของภาพยนตร์ไตรภาคเรื่องนี้กันในโรงภาพยนตร์กันแล้ว แต่ก่อนอื่นที่เราจะได้ชมถึงบทสรุปของภาพยนตร์ไตรภาคสุดยิ่งใหญ่ วันนี้ผมจะพาทุกคนได้กลับไปรื้อฟื้นความทรงจำของภาพยนตร์เรื่อง The Hobbit : The Desolation of Smaug เดอะ ฮอบบิท: ดินแดนเปลี่ยวร้างของสม็อค กันก่อนครับ
เนื้อเรื่องย่อ
ภาพยนตร์เรื่อง “The Hobbit: The Desolation of Smaug” เป็นการผจญภัยของตัวละครนำ บิลโบ แบ๊กกินส์ ที่ต่อเนื่องมาจากเมื่อครั้งที่เขาเดินทางร่วมกับพ่อมดแกนดัล์ฟและคนแคระทั้ง 13 คนที่นำโดย ธอริน โอเคนชีล์ด เพื่อภารกิจครั้งยิ่งใหญ่ของการทวงคืนหุบเขาเดียวดายและอาณาจักรเอเรบอร์ของคนแคระที่สูญหายไป
หลังจากรอดพ้นมาได้เมื่อตอนเริ่มต้นอย่างสุดคาดคิด เหล่าคณะยังคงมุ่งหน้าไปทางตะวันออก ระหว่างทางได้พบกับโบออนผู้เปลี่ยนผิวได้และฝูงแมงมุมยักษ์ในป่าเมิร์กวูดที่อันตราย หลังหลบหนีจากการถูกเอล์ฟป่าที่อันตรายจับตัวไว้ พวกคนแคระเดินทางไปยัง Lake-town จนพบกับหุบเขาเดียวดายที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความอันตรายที่โหดร้ายมากที่สุดอย่างมังกรสมอว์ก ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวกว่าสิ่งอื่นใด มันไม่ได้มาทดสอบความกล้าหาญที่อยู่ในตัวพวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมิตรภาพของพวกเขาและไหวพริบแห่งการผจญภัยอีกด้วย
นักแสดง
ออร์แลนโด บลูม ...เลโกลัส
อีไลจา วู๊ด ...โฟรโด้
เอียน แมคเคลเลน ...แกนดาล์ฟ
คริสโตเฟอร์ ลี ...ซาลูแมน
แอนดี้ เซอร์คิส ...กอลลั่ม
ริชาร์ด อาร์มิเทจ ...ธอริน โอเคนชิลด์
มาร์ติน ฟรีแมน ...บิลโบ แบ๊กกิ้นส์
เคท บลันเชตต์ ...ราชินีเอล์ฟ กาลาเดรียล
เคน สต็อตต์ ...บาลิน
แกรห์ม แม็คทาวิช ...ดวาลิน
ดีน โอ’กอร์แมน ...ฟิลี
ไอแดน เทอร์เนอร์ ...คิลี
เจมส์ เนสบิตต์ ...โบเฟอร์
วิลเลียม เคอร์เชอร์ ...ไบเฟอร์
สตีเฟ่น ฮันเตอร์ ...บอมเบอร์
จอห์น คอลเล็น ...โออิน
ปีเตอร์ แฮมเบิลตัน ...โกลอิน
มาร์ค แฮดโลว์ ...โดรี
เจด โบรฟี่ ...โนรี
อดัม บราวน์ ...โอรี
ลี เพซ ...ธรันดูอิล
อีวานเจลีน ลิลลี ...ทอเรียล
ลุค อีแวนส์ ลุค อีแวนส์ ...บาร์ด
การกำกับ
ผลงานจากผู้กำกับ ปีเตอร์ แจ็คสัน
ภาพยนตร์ The Hobbit : The Desolation of Smaug เดอะ ฮอบบิท: ดินแดนเปลี่ยวร้างของสม็อค เป็นเรื่องราวการเดินทางผจญภัยเพื่อภารกิจอันยิ่งใหญ่ของเหล่าคนแคระกับพ่อมดและบิลโบที่ต้องทำให้มันสำเร็จที่ต่อเนื่องจากภาคแรก การเดินทางในครั้งนี้เหล่าคนแคระกับบิลโบต้องเจอกับอุปสรรคมากมาย เป็นการเดินทางผจญภัยที่ก้าวเข้ามาใกล้จุดมุ่งหมายมากยิ่งขึ้น ซึ่งในภาคนี้มีทั้งความสนุก มันส์ ลุ้น ดราม่า ความรัก ที่ทำให้ในภาคนี้ทั้งสนุกและครบรส
The Hobbit : The Desolation of Smaug เดอะ ฮอบบิท: ดินแดนเปลี่ยวร้างของสม็อค ในภาคสองนี้ถือเป็นเรื่องราวต่อเนื่องของภาคแรก โดยในการผจญภัยเพื่อเดินทางไปยังเอเรบอร์ในครั้งนี้มีความเข้มข้นมากกว่าเดิม แต่การเดินทางต้องพบอุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการถูกไล่ล่าจากศัตรูเก่าแก่พวกออร์ค แมงมุมยักษ์ในป่า โดนเอล์ฟจับตัวไปขัง อีกทั้งพ่อมดแกนดัล์ฟก็ต้องแยกตัวออกไป ไม่ได้ร่วมเดินทางในครั้งนี้ ทำให้เหล่าคนแคระต้องเอาตัวรอดกันเองอย่างทุกลักทุเล โดยในภาคนี้ได้ บิลโบ แบ๊กกินส์ เป็นตัวสำคัญที่ทำให้เหล่าคนแคระรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
ในภาคแรกอาจจะมีช่วงการปูเรื่องราวถึงที่มาที่ไปจึงอาจจะทำให้ใครหลายๆคนอาจจะรู้สึกเบื่อ แต่ในภาคนี้มีการเดินเรื่องราวที่กระชับ ดำเนินเรื่องราวรวดเร็วกว่าภาคแรก เราไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ ว่าเหล่าคนแคระจะเจอกับอุปสรรคอะไรบ้าง พร้อมกับการดำเนินเรื่องราวไปพร้อมกับความเป็นไปของมิดเดิลเอิร์ธที่กำลังถูกความมืดครอบงำ และนอกเหนือจากเรื่องราวที่เข้มข้นในการเดินทางในครั้งนี้ เรายังได้เห็นถึงความรักสามเศร้าระหว่าง ทอเรียล เลโกลัส และ คิลี ทำให้เนื้อหาของภาพยนตร์มีทั้งความดราม่า โรแมนติก แอ็คชั่นที่ผสมกันได้อย่างลงตัว ช่วงท้ายของภาพยนตร์เรียกได้ว่าลุ้นกันมันส์หยดจริงๆ เพราะอสูรร้ายพ่นไฟที่เป็นฉนวนเหตุของเรื่องได้ออกอาละวาดทำให้เหล่าคนแคระต้องหาทางที่จะกำจัดมัน
ในภาคนี้ยังคงคุณภาพของ CG สเปเชี่ยลเอฟเฟ็กต์ ไว้ได้อย่างดี และอาจจะดีมากกว่าภาคแรกด้วยซ้ำ ไม่จะเป็นฉากแต่ละฉากที่ถ่ายทอดออกมาให้เราได้เห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้ มีทั้งความสมจริงแล้วสวยงามเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้ ไม่ว่าคุณจะรับชมแบบธรรมดาก็ยังคงรับรู้ได้ถึงฉากแต่ฉากที่สวยงามในภาพยนตร์เรื่องนี้
ทิ้งท้ายไว้หน่อย
ถึงแม้หนทางข้างหน้าจะมีอุปสรรคมากมายเพียงใด แต่ความสามัคคีของกลุ่มเพื่องพ้องก็จะช่วยพาให้ผ่านพ้นอุปสรรคนั้นไปได้
นัวฟิลม์