ผู้กำกับ เดนิส วิลล์เนิฟ (Denis Villeneuve) เปิดเผยในบทสัมภาษณ์ของนิตยสาร Empire ว่าภาพยนตร์ภาคต่อ Dune: Part Two จะเป็นภาพยนตร์สงครามแบบเต็มสูบ หลังจากเน้นเรื่องราวของการสร้างโลกในภาคแรกไปแล้ว แต่ขณะเดียวกันในภาค 2 นี้ ก็จะขยี้เรื่องราวความรักระหว่าง "ชานิ" กับ "พอล อะเทรดีส" ตัวละครของ เซนเดย์อา (Zendaya) กับ ทิโมธี ชาลาเมต์ (Timothée Chalamet) ด้วย
"แก่นแท้ของมันคือเรื่องราวความรักระหว่างพอลกับชานิ" วิลล์เนิฟ เผย "พอลจะทำให้เธอไว้วางใจเขาได้อย่างไร เธอจะเปิดใจให้เขาได้อย่างไร และพวกเขาจะหาทางปลดปล่อยโลกของชานิจากการควบคุมของฮาร์คอนเนนได้อย่างไร มันจะเป็นหนังที่สะเทือนอารมณ์กว่าเดิมมาก"
วิลล์เนิฟ ยังบอกอีกว่าภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องรวมกันจะเป็นเรื่องราวของตัวเอกที่ได้ค้นพบและเติมเต็มโชคชะตาของพวกเขาในการพยายามปกป้องหลายชีวิต และการผดุงความยุติธรรม ดังนั้นเขาจึงต้องพยายามสอนให้ชาลาเมต์ ปลดแอกตัวเองจากภาพการเดินทางของฮีโร่ในแบบทั่ว ๆ ไป เนื่องจากผลที่ตามมาของการเดินทางนั้นอาจจะเป็นหายนะก็ได้
วิลล์เนิฟ เล่าว่า "ผมจำได้ว่าตอนที่ทำหนังภาคแรก ผมมักจะบอกกับทิโมธีว่า 'ไม่สิ นายเป็นแค่พอลนะ' เพราะตอนนั้นเขาพยายามจะไปให้ถึงมูอัด ดีบ [ชื่อของพอลในกลุ่มเฟรเมน] เขารอคอยที่จะกลายเป็นฮีโร่คนนั้น ผมจึงต้องคอยเบรกเขาไว้"
"เขามีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ แต่เขารู้ว่าถ้าเขาทำแบบนั้น มันจะก่อให้เกิดเรื่องร้ายแรงครั้งใหญ่ แล้วเขาก็จะกลายเป็นพวกเผด็จการ เขาพยายามหาทางหลีกเลี่ยงอนาคตอันเลวร้าย นั่นคือภาระที่อยู่บนบ่าของเขา" วิลล์เนิฟ เสริม
เดิมที Dune: Part Two มีแผนจะเข้าฉายในเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่การประท้วงหยุดงานของสมาพันธ์ศิลปินโทรทัศน์และวิทยุอเมริกัน (SAG-AFTRA) และสมาคมนักเขียนอเมริกา (WGA) ทำให้แผนงานต่าง ๆ ล่าช้าออกไป ล่าสุด Dune: Part Two ได้ประกาศเลื่อนกำหนดฉายออกไปเป็นวันที่ 14 มีนาคม 2024 แทนแล้ว