นี่เป็นการกลับมาครั้งที่ 3 ของแอร์กูล ปัวโรห์ หลังจากที่พ่อนักสืบหนวดงามได้โชว์ฝีไม้ลายมือการสืบสวนสอบสวนมาแล้วถึง 2 เรื่องด้วยกันตั้งแต่ Murderer of The Orient Express - ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส เป็นการไขคดีบนรถไฟที่จะจอดเพียงสถานีปลายทางเท่านั้น ไปจนถึง Deadth on The Nile - ฆาตกรรมบนลำน้ำไนล์ กับการล่องเรือไปบนแม่น้ำไลน์เพื่อไขคดี ทุกคดีล้วนเป็นการสืบสวนบนยานพาหนะที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา จนการมาถึงของคดีใหม่ล่าสุดนั่นก็คือ A Haunting in Venice - ฆาตกรรมหลอนแห่งนครเวนิส ที่ครั้งนี้ แอร์กูล ปัวโรห์ ต้องไขคดีปริศนาในคฤหาสน์ปิดตายสุดสยองที่ภายในเต็มไปด้วยเบาะแสที่ไม่อาจนำพาเขาไปสู่การไขคดีแบบเรียบง่ายได้เลย
ในภาคนี้เนื้อหาเต็มไปด้วยเบาแสที่น่าสนใจและมีการนำเสนอการสืบสวนสอบในแนวใหม่ที่ผสมผสานความลึกลับและสิ่งเหนือธรรมชาติอย่างการเข้าองค์ทรงผีมาเป็นส่วนผสมในคดี ทำให้การไขคดีของ แอร์กูล ปัวโรห์ เต็มไปด้วยสีสันและรสชาติที่สดใหม่ที่ยังไม่มีใครเคยลองทำมาก่อน และที่สำคัญการแสดงของ เคนเนธ บรานาห์ ยังคงเต็มไปด้วยสีสัน นี่เป็นการทำทั้งสองอย่างทั้งกำกับและแสดงไปด้วยไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะวางกลยุทธ์และออกอุบายแบบไหนเพื่อให้คดีนี้มันเต็มไปด้วยความน่าพิศวง งงงวยและเหนือธรรมชาติอย่างถึงขีดสุด แถมยังใส่ความเป็นมนุษย์เขาไปทำให้ แอร์กูล ปัวโรห์ ดูมีเลือดเนื้อมากขึ้นไม่เหมือนภาคก่อนๆ ที่เสมือนหุ่นยนตร์นักสืบที่ออกมาไขคดีเพียงอย่างเดียว และอีกตัวละครที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือ มิเชล โย่ว ที่รับบทเป็น ผู้อัญเชิญวิญญาณ Joyce Reynold ที่เข้ามาแต่งแต้มสีสันให้การสืบคดีที่เหนือธรรมชาติภาคนี้ดูสมจริงมากขึ้นไปอีก
ในส่วนของคดีนี้หนังดีขอให้คะแนนที่ 7 / 10 เป็นคดีที่เต็มไปด้วยสีสีนแห่งการหยอกล้อ เสียดสี ความสยอง และการดำดิ่งลงไปใจจิตใจของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี แต่ยังขาดความเฉียบคมในการวางกลอุบายของฆาตกรยังไม่เฉียบคม และการเฉลยคดีที่ยังดูง่ายไปสักนิดหากปรุงแต่งเพิ่มอีกสักหน่อยคดีนี้จะเป็นคดีที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ เคนเนธ บรานาห์ เคยทำมา